
ชวนเที่ยว : ปั้นทราย แล่นใบ @ บ้านกรูด
13 เม.ย. 2557
ชวนเที่ยว : ปั้นทราย แล่นใบ @ บ้านกรูด : เรื่อง/ภาพ นพพร วิจิตร์วงษ์
"วันนี้ เป็นวันสงกรานต์ หนุ่มสาวชาวบ้านเบิกบานจิตใจจริงเอย ตอนเช้าทำบุญ ทำบุญตักบาตร ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกันเอย ..."
แหม...วันสงกรานต์มาถึงทีไร เหมือนสื่อต่างๆ จะพร้อมใจกันเปิดเพลงนี้ และสงกรานต์วันนี้ ฉันอยากชวนแฟนๆ คอลัมน์ไปเที่ยวเพลินๆ ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างสนุกสนาน ที่ หาดบ้านกรูด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซะหน่อย
พูดถึงประจวบคีรีขันธ์ ใครๆ ก็ชอบบ่นว่า เป็นจังหวะที่เส้นทางยาว เพราะเป็นจังหวัดในส่วนแคบของไทยที่ทอดตัวยาว 212 กิโลเมตร ขับรถกันทีกว่าจะพ้นเขตจังหวัดนี้ปาเข้าไป 3 ชั่วโมง ส่วนพื้นที่ที่ติดชายทะเลยาวถึง 224.8 กิโลเมตร น่าเสียดายที่คนจะรู้จักกันดีแค่ที่หัวหิน กับปราณบุรี แต่ถ้าเลยลงใต้ไปอีกหน่อย อยู่ในอำเภอท้ายๆ ก่อนเข้าชุมพร จะพบกับชายทะเลที่แสนจะเงียบสงบ ยังมีกลิ่นอายของธรรมชาติอยู่มาก
หาดบ้านกรูด เป็นทะเลที่มีหาดทรายกว้าง และสวยงามแห่งหนึ่งเลยทีเดียว อยู่ในเขตบ้านกรูด ต.ธงชัย อ.บางสะพาน เป็นชายหาดที่กว้างและสวยงาม มีแนวหาดยาวประมาณ 12 กิโลเมตร
หาดบ้านกรูดด้านใต้ จากเขาธงชัยลงมาจะเป็นหาดทรายกว้าง มีถนนเลียบทะเล ซึ่งถ้าเข้ามาจากด้านเพชรเกษม แยกซ้ายก็จะเป็นแหล่งร้านอาหาร และที่พัก ส่วนแยกขวาจะมีที่พัก ที่กระจายตัวห่างๆ ร้านค้าไม่มากนัก โดยถนนนี้จะยาวเลยไปออกบางสะพานน้อย เชื่อมต่อไปถึงบางเบิด เข้าชุมพรได้เลย
ที่แสนจะเงียบสงบในยามปกติ และคึกคักไม่แพ้ที่ไหนในช่วงเทศกาล
สำหรับสงกรานต์ปีนี้ หาดบ้านกรูดจัดกิจกรรมพิเศษไม่ซ้ำแบบใคร เป็นกิจกรรมที่เข้ากันได้ดีกับครอบครัว หรือก๊วนเพื่อน แถมชื่อก็แสนจะโรแมนติก "ปั้นทรายใต้แสงจันทร์" (Moonlight on the beach) เพราะเป็นจังหวะพระจันทร์เต็มดวง (14 เม.ย.) โดยจะเริ่มตระเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปั้นทรายกันตั้งแต่เย็นวันนี้ เริ่มปั้นช่วงแดดร่มลมตกไปถึงพลบค่ำ จัดกันไปถึงวันที่ 16 เมษายนเลยเชียว
ไม่ต้องห่วงปั้นเป็นหรือไม่เป็น เพราะงานนี้มีทีมอาจารย์ และนักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มาสาธิตการปั้นทรายให้ดู แล้วยังให้คำแนะนำในเชิงโครงสร้างกับผู้ที่เข้าร่วมปั้นทรายได้ด้วย ส่วนหน้าตาของประติมากรรมทรายก็คงจะแล้วแต่ใครชอบแบบไหน
แถมไม่ต้องห่วงว่าจะสวยสู้ใครเขาไม่ได้ เพราะยังไม่ได้มีการประกวดระดับชาติ แต่เป็นงานที่เปิดให้ทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนักท่องเที่ยว คนในท้องถิ่น เด็กๆ จะช่วยกันปั้นเป็นครอบครัว หรือ กลุ่มเพื่อน คู่รัก ได้ทั้งนั้น
อ.ธนดล ดีรุจิเจริญ และ อ.กิตติ แสงแก้ว จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาศิลปกรรม เอกประติมากรรม พานักศึกษาที่เรียนปี 2-3 ในคณะ มาลองปั้นทรายก่อนหน้า บอกว่า การปั้นทรายที่นี่ มีเงื่อนไขคือต้องไม่ใช้สารใดๆ ที่จะส่งผลต่อสภาพแวดล้อม จึงใช้แค่ทรายกับน้ำเท่านั้น แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป หัวใจสำคัญอยู่ที่ "ทรายกับน้ำ" ต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงทรายให้เปียกอยู่ตลอด จะขึ้นรูปได้ง่ายและคงทน
ปั้นเสร็จเราก็จะได้ประติมากรรมทรายรูปทรงต่างๆ เรียงราย อยู่เป็นแนวยาวริมชายหาด มีวิวเขาธงชัย อยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นทะเล มีแนวสน และถนนเลียบชายหาดอยู่ด้านหลัง พูดถึงที่นี่แล้ว ต้องบอกว่า ยังดูงามแบบสาวแรกรุ่น ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งจนเสียจริต ซึ่งคนที่ดูแลนโยบายอย่างนายกเทศมนตรีบ้านกรูดบอกว่า การเติบโตทางธุรกิจก็ต้องมี แต่ต้องรักษาสภาพความเป็นธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด ซึ่งจะสังเกตได้ว่า ไม่มีเตียงผ้าใบเต็มพรึดชายหาด ร้านค้าไม่ไปตั้งอยู่ริมทะเล ปล่อยให้ชายหาดกว้างๆ เป็นที่วิ่งเล่น เดินเล่นสบายๆ
นอกจากหาดทรายสวยสะอาดแล้ว หาดบ้านกรูดยังร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว ทิวสนริมทะเล ส่วนความเป็นเมืองจะอยู่ลึกเข้าไปด้านใน เป็นชุมชน ย่านตลาด ที่บ้านช่องยังเป็นไม้แบบเก่า เช้าๆ ฉันเลยถือโอกาสติดรถเพื่อนไปเดินเล่นที่ตลาดนัด ซึ่งอยู่หลังสถานีรถไฟ
เห็นตลาดเล็กๆ แบบนี้ แต่คึกคักจริงๆ มีข้าวของขายสารพัด ทั้งอาหารสด ยิ่งปลาทะเลด้วยแล้ว หน้าตาแปลกๆ ก็เยอะ ราคาไม่แพงอย่างที่คิด หรือจะอาหารทะเลแห้ง ผักบ้านๆ ที่ยายเก็บจากข้างรั้วบ้านมาใส่กระจาดขาย จนรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้อยู่นานๆ ไม่งั้นคงได้อุดหนุนมาทำอาหารสักมื้อสองมื้อ
ออกจากตลาดนัด ได้เวลานัดแล่นเรือใบ ที่บ้านกรูดมีกิจกรรมอีกอย่างที่นอกจากการเล่นน้ำ หรือตกหมึกยามค่ำ ช่วงคลื่นลมกำลังดีตอนสายๆ นั่นล่ะเป็นช่วงเวลาดีๆ ของการเล่นเรือใบ
H18 ชื่อของเธอ เรือใบขนาดใหญ่ 2 ใบ ที่มีครูเล็กเป็นผู้ถือหางเสือ พาฉันกับเพื่อนแล่นฉิวตัดสายน้ำ โดยอาศัยเพียงสายลมและการบังคับทิศทางด้วยหางเสือ
ครูเล็ก อดีตนักกีฬาเและครูฝึกสอนเรือใบระดับทีมชาติ ผันตัวเองมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากบ้านกรูด และขณะเดียวกัน ก็พา H18 คู่ชีพที่เคยลงแข่งมาอยู่ด้วยกันที่ทะเลเงียบๆ แห่งนี้ ว่างๆ ก็จะสอนการแล่นเรือใบให้แก่เด็กๆ แถวนั้น แบบฟรีๆ มีเรือใบไซส์เล็กให้เล่น จนสุดท้ายจัดตั้งเป็นสมาคมเรือใบบ้านกรูด บวกกับสมาคมเรือใบทับสะแก เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ ทักษะ ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวอย่างฉันก็ได้สัมผัสกับการท่องทะเลรูปแบบใหม่
ฉันเพียงรู้ตอนนี้เองว่า การแล่นใบมันน่าหลงใหลจริงๆ ระหว่างที่เรือใบแล่นออกไป มันเหมือนเราลอยเงียบๆ อยู่ในทะเลกว้าง สักพักมีเจ้าปลากระทุงเหวตัวค่อนข้างใหญ่ กระโดดตัวลอยขึ้นเหนือน้ำ คงเพราะตกใจที่จู่ๆ เหมือนมีอะไรสักอย่างพุ่งเข้าหา
"เรือใบไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ ก็จะไปเงียบๆ บางทีแล่นเข้าไปในฝูงปลา มันก็จะตกใจโดดตัวลอยอย่างที่เห็น" ครูเล็กอธิบายให้ฟัง แล้วยังบอกด้วยว่า เรือใบเป็นตัวฝึกสมาธิที่ดีอย่างหนึ่งเลยทีเดียว เพราะไม่เช่นนั้นใบเรืออาจตีหัวเขียวได้ตอนที่โยกหรือหักเลี้ยวตัดทิศทางลม
เรือใบยังแล่นตัดคลื่นเลยประภาคารเล็กๆ เลยแนวเขาธงชัยออกไปอีก เพื่อให้ฉันได้ชมพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศและพระพุทธกิตติสิริชัยที่อยู่บนยอดเขา ซึ่งเห็นเด่นชัด สวยงาม หันหน้าออกสู่ทะเลด้านนี้ด้วย
ก่อนเดินทางกลับ จึงแวะขึ้นไปบนเขาธงชัย ไหว้พระพุทธกิตติสิริชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว่า 10 เมตร สูง 13.82 เมตร โดยส่วนฐานสูง 4.18 เมตร และมีบันไดนาคขึ้นไป พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ สถาปัตยกรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ สร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของประชาชน โดยไม่ใช้เงินของทางราชการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ตัวอาคารสูง 5 ชั้น ซึ่งหมายถึงขันธ์ 5 และมีหมู่เจดีย์ 9 ยอด หมายถึงวัดประจำรัชกาลที่ 9 นั่นเอง ด้านในของชั้นบนตกแต่งด้วยกระจกสีเป็นเรื่องราวของพระมหาชนก เดินรอบมหาเจดีย์ก็จบเรื่องพอดี
ปีใหม่นี้ ฉันเลยขอให้ความร่มเย็นกลับมาสู่บ้านเมือง และคนไทยรักกันนะคะ สาธุ