
เปลี่ยนอีกแล้ว!สพฐ.เล็งเลิกจับฉลากนร.ในพท.
จับฉลาก ม.1 ไม่เครียด จำนวนนร.ในพื้นที่บริการปรับตัวลดลงทุกปี จนเหลือจับฉลากไม่กี่โรงเรียน เฉพาะในกทม. ลุ้นแค่ 20 โรง ด้าน เลขาฐ กพฐ. เล็งยกเลิกหรือปรับตัวโควต้
เมื่อวันที่ 6 เม.ย.เวลา08.30 น. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้จัดให้มีการจับฉลากเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ทั่วประเทศ โดยนายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการจับฉลากที่ ร.ร.สุรศักดิ์มนตรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพมหานครเขต 2 ซึ่งบรรยากาศในโรงเรียน มีผู้ปกครองพร้อมบุตรหลานที่มีสิทธิจับฉลากเข้าเรียนชั้น ม.1 ในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียน นำธูปเทียนและพวงมาลัยมาสักการะพระพุทธรูปประจำโรงเรียนเพื่อขอพรให้เป็นขวัญกำลังใจในการจับฉลาก จากนั้นนักเรียนที่มีสิทธิจับฉลากทุกคนต่างทยอยกันลงทะเบียน เพื่อจัดลำดับที่นั่งก่อนขึ้นยังหอประชุม ทั้งนี้พบว่าเด็กบางคนได้แขวนเครื่องลางของขลัง เพื่อสร้างกำลังใจให้แก่ตนเองด้วย
อย่างไรก็ตามบรรการศการจับฉลากในวันนี้ไม่ค่อยสร้างความกดดันและไม่ตื่นเต้นมากนักเนื่องจากมีโรงเรียนที่จับฉลาก จำนวน 20 โรงโดย 17 โรงเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา กทม.เขต2 และอีก 3 โรงสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา กทม.เขต1 สำหรับโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันการจับฉลากสูงคือ โรงเรียนบดินทร์เดชาฯ 2 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้าโรงเรียนสตรีวิทยา 2 โรงเรียนหอวังและโรงเรียนปัญญาวรคุณ โดยเฉพาะที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ตามแผนรับนักเรียนในพื้นที่บริการ รับได้ 100 คนมายื่นความจำนงค์ขอจับฉลาก 167 คนแต่มารายงานตัวเพียง 104 คนทำให้ทางโรงเรียนตัดสินใจประกาศรับเด็กเข้าเรียนไว้ทั้งหมด ส่งผลให้เด็กที่รอคิวจับฉลากต่างเฮลั่นห้องประชุม ขณะเดียวกันผู้ปกครองที่นั่งลุ้นอยู่ภายนอกเมื่อได้ยินการประกาศจากเจ้าหน้าที่ต่างแสดงความดีใจที่บุตรหลานของตนไม่ต้องลุ้นจับฉลากเข้าเรียนเช่นกัน
นายอภิชาติกล่าวว่า ปีนี้ในเขตพื้นที่บริการมีจำนวนเกินจำนวนที่รับได้ไม่มากนัก ซึ่งตนก็ได้ให้นโยบายไปว่าหากโรงเรียนไหนเกินจากส่วนที่รับได้ไม่เกิน 10 คนก็ให้รับทั้งหมดโดยไม่ต้องมีการจับฉลาก เพราะเวลานักเรียนมารายงานตัวจริง ๆ จะขาดอยู่ประมาณ 10 คนทุกปีอย่างไรก็ตามหลังจากจับฉลากครบทุกโรงเรียนแล้วนักเรียนคนใดยังไม่มีที่เรียนก็ขอให้แจ้งความจำนงในวันที่ 7-11 เม.ย.ไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพม.) กทม.เขต1 และสพม.กทมเขต 2 รวมถึงแจ้งความจำนงไปยังสพฐ. เพราะฉะนั้น หากนักเรียนไม่รู้ว่าตนเองจะไปไหนก็ขอให้ย้อนกลับไปที่โรงเรียนตัวเองสมัคร เพื่อให้โรงเรียนส่งชื่อไปรวมกันและจะจัดไปยังโรงเรียนสหวิทยาเขตต่าง ๆที่ยังมีที่นั่งให้นักเรียนเรียนอยู่ โดยทางเขตพื้นที่จะจัดสรรที่เรียนให้และจะประกาศรายชื่อในวันที่ 18 เม.ย.เพื่อให้นักเรียนไปรายตัวในโรงเรียนที่ได้รับการจัดสรรซึ่งขณะนี้ทราบว่าโรงเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญ โรงเรียนมัธยมวัดมกุฏกษัตริย์ โรงเรียนวัดเบญจมบิพิตร ที่ยังมีที่นั่งว่างอยู่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จำนวนนักเรียนในเขต สพม.กทม.เขต2 ปีนี้มีจำนวนนักเรียนที่เกินจากจำนวนที่สพม.กทม.เขต2 จะรับได้2,925 คนซึ่งน้อยกกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนสพม.กทม.เขต1 มีจำนวนนักเรียนเกินที่จะรับได้จำนวน600-700 คน
เลขาธิการกพฐ. กล่าวต่อไปว่าทั้งนี้เข้าใจว่าการจับฉลากเข้าเรียนอาจสร้างแรงกดดันจนทำให้มีผลต่อความรู้สึกเด็ก ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อาจจะพิจารณายกเลิกการจับฉลากเข้าเรียนในชั้นม.1 เพราะเข้าใจถึงความรู้สึกเด็กและผู้ปกครองเป็นอย่างดีที่ต้องคอยลุ้นว่าบุตรหลานของตนเองจะจับฉลากได้หรือไม่ รวมทั้งจำนวนนักเรียนในพื้นที่บริการของโรงเรียนยอดนิยมก็ปรับตัวลดลงทุก ๆ ปี แต่ขอให้การรับนักเรียนในปีนี้เสร็จสิ้นไปก่อน หลังจากนั้นจะมีการหารือกับคณะกรรมการรับนักเรียน รวมถึงคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)ซึ่งก็มีความห่วงใยในเรื่องนี้เช่นกัน อาจจะมียกเลิกการจับฉลากเข้าเรียนในการรับนักเรียน ม.1 ปีนี้ แต่จะหาวิธีการแบบไหนมาแทนที่นั้นต้องรอหารือจากผู้เกี่ยวข้องก่อน แต่แน่นอนว่า การรับนักเรียนปีหน้าจะต้องมีการทบทวน
ด้านนายพชรพงษ์ ตรีเทพา ผอ.โรงเรียนสตรีวิทยา2 กล่าวว่าสำหรับโรงเรียนสตรีวิทยา 2 มีเด็กมารายงานตัวจับฉลากทั้งหมด186 คนรับได้ 100 คนแต่ถือว่านักเรียนในเขตพื้นที่บริการปีนี้ลดลงกว่าที่ผ่านมาอย่างมาก ดังนั้นตนจึงเห็นด้วยกับนโยบายนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการที่ให้ลดโควต้าจับฉลากรับนักเรียนในพื้นที่ลง เช่น โรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ สพม.กทม.เขต2 จำนวนเด็กลดลงเรื่อยๆเป็นต้น ปีที่แล้วเด็กพื้นที่บริการมาสมัคร 500 คนแต่ปีนี้มาสมัคร 229 คนซึ่งหากเอาโควต้าจับฉลากไปรับนักเรียน โดยการสอบคัดเลือกโรงเรียนแข่งขันสูงก็จะเป็นโอกาสให้โรงเรียนแข่งขันสูงได้พัฒนาคุณภาพและความจริงแล้ว โรงเรียนมาตรฐานสากลมีความเป็นไปได้สูงที่จะรับโดยการสอบคัดเลือกทั้ง 100% ซึ่งจะทำให้ได้เด็กมีความสามารถสูงเข้ามาครูเองจะจัดการเรียนการสอนได้ดีกว่า เพราะได้เด็กที่มีไอคิวใกล้เคียงกัน ขณะที่เด็กสามารถพึ่งพาซึ่งกันและกันได้ อย่างไรก้ตามต้องรอความชัดเจนจาก สพฐ.อีกครั้ง