
'มัลดีฟส์'เที่ยวล่าสุด
02 มี.ค. 2557
'มัลดีฟส์'เที่ยวล่าสุด : คอลัมน์เที่ยวนี้ขอเล่า : โดย...กาญจนา หงษ์ทอง
ถ้าเกาะหลีเป๊ะพูดได้ คงกลั่นวาจาเย้ยหยันฉันว่า สามวันจากหลีเป๊ะเป็นอื่นซะแล้ว ร้อนแบบนี้ก็ไม่เหลือล่ะค่ะ หอบผ้าผ่อนหนีตาม มัลดีฟส์ อีกสักรอบก็คงไม่น่าเกลียด
จริงอยู่ ปากเพิ่งบอกว่ารักเสมอ...หลีเป๊ะอยู่หลัดๆ ลับตาเกาะหลีเป๊ะได้ไม่ทันไร ฉันก็ผลีผลามเก็บเสื้อผ้าไปหามัลดีฟส์ตามคำชวนของ ดุสิตธานี มัลดีฟส์ (www.dusit.com/dusit-thani/th/maldives.html อย่างไม่รีรอ

คราบความทรงจำจากเกาะหลีเป๊ะยังอยู่ก้นกระเป๋า มันยังหอมหวานเสมอ แต่เมื่อกระเป๋าใบเดิมถูกแทนที่ด้วยอาภรณ์ชิ้นใหม่ หัวใจของผู้มีความซุกซนบนปลายเท้า ก็เบิกบานกับจุดหมายปลายทางข้างหน้าอยู่เสมอ
พูดจริงๆ ว่าห่างจากเกาะมัลดีฟส์มาได้แค่ 6 เดือนเท่านั้นเอง ยังไม่ทันได้ใช้คำว่าคิดถึง ก็ได้กลับไปกอดมัลดีฟส์อีกรอบ
เพราะกับปลายทางอย่างมัลดีฟส์ จะกี่เดือนก็ไม่สำคัญ ต่อให้มีคนชวนไปทุกเดือน ก็สามารถสละทุกสิ่งเพื่อมัลดีฟส์ได้เสมอ
ระดับความตื่นเต้นยังคงควบขยับไปข้างหน้าเสมอ ถึงแม้จะเป็นเที่ยวที่ 6 ในมัลดีฟส์ และเป็นเที่ยวที่ 2 ของดุสิตธานี มัลดีฟส์
ไอ้เราก็ว่าปลื้มมัลดีฟส์แล้วนะ แต่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (www.bangkokair.com) คงรักมัลดีฟส์มากกว่าฉัน เพราะข่าวว่าตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมนี้จะบินไปหามัลดีฟส์ทุกวันแล้ว คนรักทะเลอมยิ้มได้เลย นอกจากมีเที่ยวบินทุกวันแล้ว ยังบินแบบม้วนเดียวจบ 4 ชั่วโมงก็ได้ไปแช่น้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์แล้ว

จากสนามบินฮุลฮูเลต้องนั่งเรือบินน้ำต่อไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง หรือใครจะนั่งสายการบินในประเทศไปยังเกาะที่ใกล้กับดุสิตก็ได้ แล้วค่อยนั่งสปีดโบ๊ทต่อไปอีกราวๆ 10 นาที แต่ไม่ว่าจะไปด้วยวิธีไหน เมื่อเรือบินเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า นั่นหมายถึงช่วงเวลาไพรม์ไทม์กำลังเริ่มขึ้น เพราะมัลดีฟส์อะตอลและเกาะนับพัน ผืนทะเลด้านล่างจึงเป็นลากูนที่งดงามราวกับงานศิลปะชิ้นงามที่นั่งชมได้อย่างไม่รู้เบื่อ
มัลดีฟส์เที่ยวล่าสุด ดูไม่ธรรมดาซะด้วยสิ มีเพื่อนร่วมทางเป็นเซเลบและคนดังทั้งสิ้นเลย ไม่ว่าจะเป็น "น้องอ้อม" พิยดาและสามี "คุณอาร์ต" ศรา หอบลูกสาว "น้องนาวา" ร่วมทริปไปด้วย และไปมัลดีฟส์แบบนี้มีนักถ่ายภาพใต้น้ำมือ 1 ของไทย อย่าง คุณนัท สมุนเตมีย์ ร่วมทางไปเป็นเนวิเกเตอร์ใต้น้ำด้วยยิ่งน่าสนุกใหญ่
ยังมี "น้องยิปโซ" รมิตา สาวสุดเซอร์ที่ยกทีมงานซิสเตอร์เดย์ไปถ่ายทำรายการถึงที่นั่น แต่พูดก็พูดเถอะ เที่ยวนี้ใครก็ไม่ฮอตเท่า JayTheRabbit ซุปตาร์ในแวดวงโซเชียลมีเดีย ที่ใครๆ ก็อยากเห็นหน้าแม่กระต่ายคนนี้กันทั้งนั้น
แต่ด้วยจรรยาบรรณของสื่อ ดิฉันไม่สามารถเปิดเผยหน้าสดๆ และตัวเป็นๆ ของ JayTheRabbit ได้ตามคำเรียกร้องของหมู่มวลและมิ่งมิตร บอกได้เพียงรูปพรรณสัณฐานคร่าวๆ ได้ว่านางเปรี้ยวเข็ดฟันและเบิกบานเกินกว่าคนปกติ ระยะเวลา 3-4 วันที่ใช้ชีวิตร่วมกันบนเกาะสวรรค์ นางปล่อยมุกเพ่นพ่านกระจายไปทั่วเกาะ เสียงหัวเราะและตีนกาจึงถูกแจกจ่ายให้เพื่อนร่วมทริปพร้อมกันเป็นแพ็กเกจ
ลืมโหมดโรแมนซ์ไปก่อน เพราะมัลดีฟส์เที่ยวนี้เป็นเที่ยวที่มิตรภาพเบ่งบานนำหน้าโหมดอื่นใด มิตรใหม่เหล่านี้ทำให้ทัศนคติที่เคยมองมัลดีฟส์เปลี่ยนไป จากเดิมที่คิดว่ามัลดีฟส์มีไว้สำหรับคู่รักเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉันกำลังคิดว่าใครจะมาฮันนีมูนกับก๊วนเพื่อนรัก หรือครอบครัวอันเป็นที่รัก ก็เหมาะทั้งนั้น เพราะถ้ามากับคนแปลกหน้าเรายังสนุกได้ขนาดนี้ ชีวิตนี้ไม่ควรมีกรอบหรือติดอยู่กับข้อจำกัดเดิมๆ อีกแล้ว

น่าแปลกที่ดูเหมือนแต่ละวันเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่านาฬิกาที่นี่หมุนเร็วกว่าปกติ หรือไม่ก็บรรจุเวลาเอาไว้น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
ระหว่างวันแต่ละคนจะแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมสุดโปรดในแบบของตัวเอง อย่างคุณนัทนี่แทบจะขลุกอยู่ใต้ทะเลเกือบทั้งวัน บางทีแกอาจจะมีเพื่อนเป็นปลามากกว่าคนก็ได้ สันนิษฐานว่าเหตุที่แกเป็นผู้ชายประหยัดถ้อยคำ อาจเป็นเพราะอยู่ใต้ทะเลนานเกินไปเลยไม่ค่อยได้คุยกับใคร ครั้นจะพูดลอยๆ กับปลาและปะการัง ก็ดูจะเป็นพระเอกละครช่อง 7 เกินไป
ลืมบอกไปว่า ใครที่มามัลดีฟส์แล้วอยากประทับใจกับโลกใต้น้ำ ต้องมาสำรวจแถว Baa Atoll นี่แหละ ซึ่งเกาะมุดดูที่ตั้งของดุสิตธานี มัลดีฟส์ก็อยู่ในเขตนี้ด้วย เพราะย่านนี้ยูเนสโกเขามอบสายสะพายมรดกโลกให้
เรียกว่าโลกใต้น้ำที่นี่สมบูรณ์แบบจริงๆ ยังจำได้มาที่นี่ครั้งก่อน แค่ลงไปดำผิวน้ำก็เห็นฝูงปลาชุดใหญ่ ปะการังก็แน่นไปหมด บอกได้เลยว่าเยอะสมกับตำแหน่งมรดกโลกจริงๆ ถ้าเป็นเกาะอื่นอาจจะต้องนั่งเรือออกไปดำน้ำกลางทะเล จึงจะเห็นความสมบูรณ์แบบนี้ แต่นี่แค่ดำอยู่รอบๆ เกาะก็ตื่นตาตื่นใจแล้ว
ชาวบ้านพากันไปสำรวจมุมต่างๆ ของเกาะ เพราะเขามีทั้งร้านอาหารไทยชื่อเบญจรงค์ และศาลาบาร์ที่มีไว้นั่งจิบคอกเทลเย็นๆ นั่งดูพระอาทิตย์ตกในยามเย็น ยังมีห้องอาหาร ซี กริลล์ ที่เสิร์ฟความสดจากท้องทะเล และอิ่มเอมในบรรยากาศสบายริมทะเล
ส่วนฉันน่ะเหรอ มาเที่ยวนี้เน้นพักผ่อนหย่อนอารมณ์จริงๆ เลยไปนอนเหยียดแข้งเหยียดขาอยู่ในเทวารัณย์ สปา เลือกเมนูซิคเนเจอร์ของที่นี่ แล้วนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
พอเย็นย่ำก็ไปโยคะริมทะเล พูดได้คำเดียวว่าฟินนาเล่มาก เป็นการยืดเส้นยืดสายริมทะเลที่หายใจเข้าออกทุกครั้งสูดดมอากาศแสนบริสุทธ์ของมัลดีฟส์เข้าไปตุนในปอดอย่างสุดแรงเกิด แถมได้ครูฝึกโยคะสายแข็งชาวอินเดีย ที่ทำเอาลูกศิษย์ก้มๆ เงยๆ เกือบเอาขาพันคอเดินไปดินเนอร์ได้แล้ว

ใครยังฟิตไม่พอ ที่นี่เขามีฟิตเนสเซ็นเตอร์ให้ไประบายเหงื่อกันด้วย หรือใครจะน็อกรอบ มาโยคะรอบเช้าอีกรอบก็ยังได้ เพราะเขามีวันละ 2 รอบ เช้าเย็น แต่ที่เป็นโปรแกรมโปรดของฉันอีกอย่างคือปั่นสองล้อไปให้ทั่วเกาะ นี่แหละรีดเหงื่อได้ดีนักแล
ก่อนจะไปดินเนอร์ทุกวัน ไม่ลืมแวะไปที่ศาลาบาร์ หาคอกเทลเย็นๆ จิบกลั้วคอสักหน่อย บางเย็นก็ไปที่แซนด์บาร์ ที่อยู่ข้างสระน้ำขนาดมหึมา ที่นั่นก็เหมาะจะนั่งชิลในยามเย็นเหมือนกัน
ค่อยๆ ส่งดวงตะวันลงแนบผืนมหาสมุทรอินเดีย แล้วค่อยไปดินเนอร์อาหารทะเลสดๆ อร่อยๆ เสร็จแล้วมานอนผึ่งพุงใต้ทะเลดาว เหนือมหาสมุทรอินเดีย ที่มีลมคลอเคลียไม่ห่าง นั่นแหละเหตุผลที่ทำไมฉันถึงมามัลดีฟส์ได้บ่อยๆ หลีเป๊ะโปรดเข้าใจจุดนี้ด้วย
.............................
('มัลดีฟส์'เที่ยวล่าสุด : คอลัมน์เที่ยวนี้ขอเล่า : โดย...กาญจนา หงษ์ทอง)