
รื่นรมย์บรรเทิงใจในอุทยานประวัติศาสตร์
ศิลปวัฒนธรรม : รื่นรมย์บรรเทิงใจในอุทยานประวัติศาสตร์
ปกติย่างเท้าเข้าไปในอุทยานประวัติศาสตร์ไม่ว่าที่ใดก็ตาม เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้นๆ แต่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพียงย่างเท้าไปยังบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ที่ไม่ใช่ครั้งแรกกับการไปเยือน แต่ความตื่นตาตื่นใจและความปลื้มปริ่มมีมากกว่าทุกครั้ง ด้วยด้านหน้าวันมหาธาตุภายในอุทยานประวัติศาสตร์ถูกประดับประดาด้วยไฟสีสวยๆ และเปลี่ยนสีแตกต่างกันไปในช่วงเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และบางกอกแอร์เวย์ส จัดงานราตรีแห่งความทรงจำ "เดอะไนท์ ออฟ เมโมรี่ ซิมโฟนี ออเคสตรา ไลฟ์ อิน สุโขทัย : คอนดักด์ บาย ดนู ฮุนตระกูล"
เปิดเวทีด้วยวงดนตรีซิมโฟนีออเคสตรา วงไหมไทย พร้อมกับการเปิดตัว ดนู ฮุนตระกูล กับการบรรเลงเพลง "เชิญเจ้า" ทำเอาผู้ชมตะลึงที่นอกจากฝีไม้ลายมือของนักดนตรีทุกคนแล้ว เมื่อมองเลยเวทีออกไปแสงไฟที่ประดับอยู่รอบๆ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ก็เปลี่ยนสีไปพร้อมๆ กัน ต่อด้วยการร่วมกันระหว่าง ซิมโฟนี ออเคสตรา ไหมไทย และวงดนตรีไทยกอไพ่ มีมือระนาดมากฝีมือเคาะนวดลงบนลูกระนาดได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ทำเอาผู้ชมแทบละสายตาไปจากผู้เล่นคนนี้ไม่ได้เลยกับบทเพลงที่ชื่อ "ต้นบรเทศ"
ใช่เพียงเท่านั้นด้วยช่วงต่อมาเป็นการร่ายรำอย่างสวยงามของนาฏศิลป์สุโขทัย ออกมาพร้อมนักร้องเสียงดีกับเพลง "ยอยศพระลอ" ที่ออกลูกคอได้อย่างเข้าบรรยากาศกับความเป็นประวัติศาสตร์ของเมืองสุโขทัย จนได้เสียงปรบมืออย่างกึกก้อง พร้อมกันนี้ยังมีนักร้องรับเชิญทั้ง ดวงพร พงษ์ผาสุก, สุรสีห์ อิทธิกุล, สิริพงศ์ แพทย์วงษ์ และนักร้องประสานเสียงจากบียู คอรัส จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ แม้กระทั่งการแสดงของหุ่นละครเล็กโจ หลุยส์ ก็เรียกความสนุกได้อย่างมาก ด้วยทั้งนางสุพรรณมัจฉา และหนุมาน ต่างก็ลงจากเวทีมาทักทายผู้ชมอย่างเป็นกันเอง ในขณะที่เรียกความกึกก้องกับเสียงปรบมืออีกครั้งเมื่อ บรูซ แกสตัน ออกมาบรรเลงนิ้วบนคีย์บอร์ดร่วมกับวงดนตรีไทยกอไผ่ในบทเพลงที่ชื่อ "ชเวดากอง" ความรื่นรมย์บรรเทิงใจจึงเต็มเปี่ยมกับผู้ชมทุกคน
สำหรับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ครอบคลุมพื้นที่โบราณสถานกรุงสุโขทัย ที่เป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรสุโขทัย ซึ่งมีอำนาจอยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า (เขตเทศบาลตำบลเมืองเก่า) อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยปัจจุบัน (เขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี) ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ถนนจรดวิถีถ่อง)
ผังเมืองสุโขทัยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน ภายในยังเหลือร่องรอยพระราชวังและวัดอีก 26 แห่ง วัดที่ใหญ่ที่สุดคือวัดมหาธาตุ อุทยานแห่งนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากรด้วยความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโก มีผู้เยี่ยมชมหลายแสนคนต่อปี ซึ่งสามารถเดินเท้าหรือขี่จักรยานเที่ยวชมได้ โดยอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้รับการประกาศคุ้มครองครั้งแรกตามประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี 2504 ต่อมาในปี 2519 โครงการฟื้นฟูอุทยานแห่งนี้ก็ได้รับการอนุมัติ และเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม 2531 โดยในวันที่ 12 ธันวาคม 2534 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลกภายใต้ชื่อว่า "เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร"
ส่วนผลิตภัณฑ์ศิลปะเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดสุโขทัย ได้แก่ เครื่องทองสุโขทัย ซึ่งนับได้ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า ด้วยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่บ่งบอกถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของสุโขทัยได้เป็นอย่างดี โดยเป็นที่รู้จักในนาม "ทองโบราณ" ผ้าซิ่นตีนจกศรีสัชนาลัย โดยลายจกดั้งเดิมของศรีสัชนาลัย จะมี 9 ลาย แต่ลายที่มีความโดดเด่น ในเรื่องความยากและความสวยงาม ได้แก่ลายสองท้อง และลายน้ำอ่าง เครื่องสังคโลก เครื่องปั้นดินเผาที่ผลิตขึ้นในรูปภาชนะเครื่องใช้ และเครื่องประดับอาคารต่างๆ ลักษณะเด่นคือ เป็นเครื่องปั้นดินเผาเคลือบเนื้อละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิดเนื้อแตกลายงาสีเขียวไข่กา วิวัฒนาการของการเคลือบสีเขียวประณีตงดงามทำให้มีการเรียกชื่อเครื่องปั้นดินเผาสีเขียวว่า "เซลาดอน" ซึ่งเคลือบสีระดับต่างๆ กัน และผ้าหมักโคลนบ้านนาต้นจั่น เป็นผ้าทอที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวตรงที่มีเนื้อผ้านิ่ม มีน้ำหนัก มีลวดลายที่สวยงามละเอียดลออ ทิ้งทอดชายผ้าห้อยระย้าให้เห็นเป็นสีเอิร์ธโทนที่สวยงาม



