'โป่งสะแยน'ดอยสูงสุดแห่งเมืองสามหมอก
29 ธ.ค. 2556
'โป่งสะแยน'ดอยสูงสุดแห่งเมืองสามหมอก : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์
เหมือนหนังภาคต่อ แต่ของเราเป็นตอนต่อของการชวนเที่ยวดอยสูงแห่งเมืองสามหมอก แม่ฮ่องสอน จังหวัดที่กว่าจะเดินทางไปถึงต้องผ่านเส้นทางพันกว่าโค้ง และวันนี้จะพาเดินทางเพิ่มอีกนับร้อยโค้ง เพื่อไปให้ถึงดอยที่สูงที่สุดของ จ.แม่ฮ่องสอน ดอยเกอโปโพโจ หรือ โป่งสะแยน ใน อ.ขุนยวม รอยต่อกับ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีความสูงติดอันดับ 10 ด้วยระดับ 2,005 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
จากตอนที่แล้ว ที่ลงมาพักขา พักเหนื่อยกันที่ หน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำแม่สะมาด หลังกลับลงมาจากดอยเพาะเป่ยโจ๊ะหรือดอยแม่สุริน หรือใครที่เพิ่งไป ก็เดินทางโดยใช้เส้นทางสายฮอด-แม่สะเรียง-ขุนยวม (เส้นทางดีและสะดวกกว่า แม้จะอ้อมกว่าไปทาง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่) ขึ้นดอยแม่อูคอ ผ่านทุ่งบัวตองไปตามป้ายบอกทาง ไปโครงการอนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารี อันเนื่องมาจากรพระราชดำริฯ และจากศูนย์อนุรักษ์นี้ เลยไปอีกหน่อยตามถนนดินแดง ก็จะถึง หน่วยต้นน้ำฯ แม่สะมาด
ตระเตรียมเสบียงที่หน่วยเสร็จสรรพ ก็ลำเลียงขึ้นรถโฟว์วีลส์ ออกเดินทางกันต่อ ใช้เวลาร่วมชั่วโมงเชียว เข้าไปทางเดียวกับน้ำตกแม่สุรินทร์ ผ่านหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ แยกขวาไปทาง ต.ห้วยโป่ง ผ่านบ้านห้วยหมาก-ลาง (บือบอคี) ผ่านหมู่บ้านพอนอคี หมู่บ้านกะเหรี่ยงเล็กๆ ถนนเริ่มแคบเข้าเรื่อยๆ แถมเป็นทางคดโค้งขึ้นลงเขา สุดท้ายก็กลายเป็นทางดินแคบๆ จนถึงบ้านใหม่ห้วยหวาย ซึ่งเป็นเขตป่าชุมชนที่ชาวบ้านร่วมกัน ในการจัดการดูแลผืนป่าแห่งนี้ เข้าเขตหมู่บ้านไปไม่ไกล ต้องแยกขวาโค้งหักศอกขึ้นเขา ระยะ 50 เมตรสุดท้ายที่เราต้องลุ้นระทึกกับเส้นทางออฟโรดขอบเขาขนานแท้ บางช่วงมีร่องลึก แต่ยังดีที่ทางไม่แคบมากพอให้เลือกไลน์ได้บ้าง
ระหว่างทางผ่านป่า มีนกออกหากินข้างทางเยอะ บางตัวหากินกลางทางเลยทีเดียว ซึ่งพี่วินัย คนนำทางและอยู่ประจำหน่วยต้นน้ำฯแม่สะมาด บอกว่าเป็นป่าปลูกด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเขตป่าสงวนแต่เดิมอยู่แล้ว ป่าที่อาศัยเวลาเติบโตร่วม 30 ปี ให้ความร่มรื่น ยิ่งขึ้นระดับสูงเท่าไหร่ อากาศเริ่มเย็นลง แล้วป้ายบอกที่ตั้งหน่วยต้นน้ำฯแม่สะมาด หน่วยย่อยที่ 2 บ้านใหม่ห้วยหวาย กับป้ายบอกทางขึ้นยอดดอยเกอโปโพโจ หรือโป่งสะแยน ก็ปรากฏในสายตา
จากป้ายบอกทางขึ้นดอยระบุอีกชื่อหนึ่งของดอยนี้ คือ ดอยผักปราบ ถามทั้งคนนำและลูกหาบที่อยู่หน่วยย่อย บอกไม่รู้เหมือนกันทำไมชื่อนี้ เพราะบนดอยไม่มีผักปราบ สันนิษฐานว่า เมื่อก่อนอาจจะเยอะ แต่สำหรับขาลุยเดินป่า มักจะเรียกกันว่า โป่งสะแยน ตามชื่อหมู่บ้านที่อยู่ด้านล่าง แต่ถ้าคุยกับพวกกะเหรี่ยง บอกชื่อ ดอยเกอโปโพโจ รับรองพาไปถูกทุกราย
อ่านป้ายกันอีกที พร้อมกับนึกในใจ "ระยะทางขึ้นยอดสูงสุด แค่ 1 กิโลเมตร แต่ทำไมเขาบอกกันว่าเดินราวๆ 3 ชั่วโมง" เห็นท่าเส้นทางจะชันน่าดู... เราเลยเข้าไปด้านในหน่วยย่อย บริเวณนี้ก็อยู่ที่ระดับความสูง 1,600 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เข้าไปแล้ว บริเวณที่ตั้งมีต้นนางพญาเสือโคร่ง ทิ้งใบหมดต้นแล้ว แถมบางต้นเริ่มผลิดอกบานเชิญชวนตากล้องซะแล้ว
บ่ายโมงนั่นล่ะ ที่เราเริ่มขึ้นเป้ เดินเท้า มุ่งหน้าไปยังจุดเริ่มต้นขึ้นดอย ระยะ 1 กิโลเมตร ที่ป้ายบอกทางระบุน่าจะเป็นระยะขจัดซะมากกว่า เพราะเดินขึ้นเนินแล้ว เนินเล่า โค้งไปตามเขาเกือบจะเป็นรูปเกือกม้า เห็นยอดสูงสุด อยู่อีกฝั่ง ทางเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ แต่กว้างเหมือนแนวกันไฟ เดินสบาย
จากที่เดินอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เริ่มหลุดขึ้นยอดเนินที่เราอยู่เหนือต้นไม้ซะแล้ว เนินที่เห็นเบื้องหน้า มีพวกพืชล้มลุก ทั้งสาบเสือ สาบหมา แล้วยังต้นหนาดที่ออกดอกเป็นทุ่ง จากดอกหญ้าเล็กๆ ไร้ราคา กลับช่วยแต่งแต้มทิวเขาให้สวยงามได้
พักตรงลานกว้างบริเวณรอยต่อของเนินเขา ถ่ายรูปเล่นพอหายเหนื่อย ค่อยลุยต่อ เพราะเนินข้างหน้าเหมือนจะชันไม่สิ้นสุด ดอกหนาดสีขาว เกสรตรงกลางสีเหลืองๆ ระบายไปทั่วขุนเขา ต้นไม้ใหญ่มีกล้วยไม้อิงอาศัย โดยเฉพาะเอื้องแพน ดอกจิ๋วๆ ช่อเล็กๆ แบนๆ ออกดอกให้เห็นเป็นระยะ ดอกเทียน ดอกหญ้า แข่งกันออกดอกยามนี้เหมือนไม่กลัวหนาว ทำให้เส้นทางสายนี้ดูรื่นรมย์ไปตลอดทาง
เดินกันมาเกือบๆ 3 ชั่วโมง เราก็ข้ามยอดสูงสุด ลงไปตั้งแคมป์ที่สันเขาอีกฝั่ง แม้จะดูพระอาทิตย์ตกแถวนี้ได้ หรือเดินย้อนขึ้นยอดสูงก็น่าจะสวย แต่ยังไม่สวยพอ เนินเป้าหมายข้างหน้า ที่เปิดโล่งต่างหาก จัดแจงตั้งแคมป์กันเสร็จก็ออกเดินกันต่อ ขึ้นลงเนินอีก 2 รอบก็ไปสุดปลายทางที่ริมหน้าผา ที่เปิดโล่ง เห็นวิว 270 องศา
เบื้องหน้าที่เห็น เนินเล็ก เนินน้อย แถมบางเนินยังมีเส้นทางกว้างๆ เหมือนทางเดินหรือไม่ก็แนวกันไฟ เป็นไปได้ที่ชาวบ้านอาจจะใช้เป็นเส้นทางเดิน ในหุบล่างสุดมีหมู่บ้านเล็กๆ ไกลออกไป มียอดเขาแหลมสูง โดดเด่น เพื่อนบอกว่า นั่นล่ะ "ภูชี้เพ้อ" หรือ ซอแคโจ ที่หน่วยขุนแม่หยอด (แต่เราตัดออกจากทริปไปแล้ว) แล้วยังมีขุนเขาใหญ่อีกลูกหนึ่งที่ซ่อนตัวในเงาหมอกอย่างไร้ร่องรอย "ดอยอินทนนท์" ดอยสูงที่สุดของประเทศไทย
ฉันชอบที่สุดยามที่เดินขึ้นดอยสูงก็ตอนนี้ ตอนที่ได้นั่งมองวิวไกลๆ สุดสายตา
ลมบางๆ อากาศเย็นๆ กับช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเอง
ตะวันเริ่มอ่อนแสงลง อากาศเริ่มเย็น หมอกแดดฟุ้งๆ กับเมฆก้อนใหญ่ๆ ทำให้ดวงตะวันไม่ทันจะหมดแสงดี ก็หายวูบเข้ากลีบเมฆ แสงสุดท้ายแผดขึ้นไม่มากนัก เลยไม่ต้องอยู่รอดูจนค่ำ
คืนนี้ ลมหนาวพัดขึ้นจากหุบกระหน่ำเป็นระยะๆ จนต้องลดฟรายชีตลง แล้วจับกราวน์ชีตตั้งขึ้นบังลม ถึงได้นั่งคุยกันเป็นสุขหน่อย เพื่อนบางคนถือโอกาสลองกล้องถ่ายรูปกลางคืนเล่น เห็นดาวเต็มท้องฟ้า ในคืนจันทร์แรม
นอนสันเขาสูงดีไปอย่าง ดูอาทิตย์ตก อาทิตย์ขึ้นได้แบบไม่ต้องเดินไกลนัก เช้านี้ก็เหมือนกัน ขนาดว่าขี้เกียจตื่นเช้า แต่พอได้ยินเสียงกุกกัก ลืมตาดูเห็นฟ้าสาง ก็อดชะเง้อดูตีนขอบฟ้าไม่ได้ แสงชมพูเรื่อๆ แตะขอบฟ้าแล้ว เท่านั้นแหละ รีบดึงตัวเองออกมาจากถุงนอน ฉวยกล้องเดินไปไม่ได้ แทบลืมหนาว
ท้องฟ้าเบื้องหน้าวันนี้ เมฆเป็นปุยๆ ไม่นานแสงตะวันก็แผดขึ้นจับท้องฟ้า เหมือนทะเลเดือด ขณะที่อีกด้านหนึ่งมองเห็นดอยสูงใหญ่ที่เผยโฉมให้ได้เห็น สมกับความที่เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย เพราะขนาดมองจากสันเขาที่ยังไม่พ้นยอดโป่งสะแยน ยังเห็นดอยอินทนนท์โดดเด่นขึ้นมาได้
อ้อยอิ่งกับบรรยากาศยามเช้า จนท้องร้องเตือนนั่นล่ะ ถึงเดินกลับแคมป์มาหากาแฟจิบ หลังมื้อเช้า ช่วยกันเก็บแคมป์ ออกเดินค่อนสาย ฉันขอเดินตามก๊วนลูกหาบ เลาะข้างขอบเขา ไม่ขึ้นยอดสูงสุด ระยะเหมือนจะอ้อม แต่ก็แลกกับการเดินที่ไม่ชัน ไม่เหนื่อย แล้วยังได้เห็นความสมบูรณ์แน่นหนาของต้นไม้ ที่เหมือนคนละอารมณ์กับบนยอดเลยเชียว
ป่าไหล่เขา ครึ้มไปด้วยต้นไม้ เทรลเดินเล็กๆ ชุ่มชื่น เห็ดกอใหญ่ บีโกเนียกำลังออกดอกงาม หลุดออกมาก็เป็นอีกด้านของฝั่งเขาแล้ว ที่เหลือเดินลงล้วนๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ขาขึ้นเกือบ 3 ชั่วโมง แต่ขาลงใช้เวลาไปแค่ชั่วโมงเดียว
โป่งสะแยน ดอยสูงสุดแห่งแม่ฮ่องสอน ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้าถึงได้ง่าย ดอยสูงที่ทำให้ฉันได้ขึ้นไปนั่งมองผืนดินด้านล่างได้อย่างมีความสุข โดยไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของป่าปลูกกับป่าธรรมชาติ เหมือนชาวบ้านแถบนี้ที่อยู่กับป่าได้อย่างกลมกลืน
หมายเหตุ : ติดต่อหน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำแม่สะมาด : หัวหน้าทศพร 08-1950-4315
...............................
('โป่งสะแยน'ดอยสูงสุดแห่งเมืองสามหมอก : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์)