ไลฟ์สไตล์

ทำดี ทำได้ ไม่ต้องรอ (รวย)

ทำดี ทำได้ ไม่ต้องรอ (รวย)

28 ธ.ค. 2556

ทำดี ทำได้ ไม่ต้องรอ (รวย) : คอลัมน์คุยนอกกรอบ : โดย...สินีพร มฤคพิทักษ์

                ออกตัวว่าไม่อยากเป็นข่าว แต่ดูท่านักข่าวหลายคนอยากคุยด้วย เพราะ ทพ.ริม เกษสาคร ประธานมูลนิธิหน่วยแพทย์และทันตแพทย์เคลื่อนที่ ได้จัดสรรเวลาออกหน่วยดูแลรักษาสุขภาพฟันให้คนชนบท ตั้งแต่ปี 2528 และครั้งล่าสุดคือครั้งที่ 36 จัดที่ อ.เชียงคาน จ.เลย มีอาสาสมัครเข้าร่วมถึง 160-170 คน ประกอบด้วย ทันตแพทย์ 50 คน แพทย์ 5 คน พยาบาล วิศวกรคอมพิวเตอร์ และอีกหลากหลายอาชีพ

                ทุกคนอาสามาช่วยงาน ไม่มีค่าตัว ! บริการฟรี ชาวบ้านไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด แค่พาตนเองมารับการรักษาในจุดที่กำหนดไว้เท่านั้น  

               การออกพื้นที่แต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 6 แสนบาท แบ่งเป็นค่าขนส่ง เดินทาง ประมาณ 3 แสนบาท (รถบัส 3 คันคันละ 4 หมื่นบาท ถ้าไกลก็ 5 หมื่นบาท รถตู้ออกครั้งละ 3 พันบาท รอบหนึ่ง 9 พันกว่าบาท ค่าฟันปลอม 2 แสนกว่าบาท ค่ายา ทั้งหมดนี้ได้รับการบริจาคจากเอกชนล้วนๆ)

               ผู้สนับสนุนหลักคือธนาคารกรุงเทพ ให้ทุนออกหน่วยครั้งละ 1 แสนบาท และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้งบค่าฟันปลอมตามที่ใส่จริง

                นอกจากสองหน่วยงานข้างต้นแล้ว รอบนี้ยังได้สโมสรโรตารีลาดพร้าว สโมสรโรตารีธนบุรี สโมสรโรตารีเมืองเลย อบจ.เลย สาธารณสุขอำเภอเชียงคาน และที่ว่าการอำเภอเชียงคาน ร่วมเป็นเจ้าภาพ 

                ทพ.ริมเป็นชาวกรุงเทพฯ เรียนจบทันตแพทย์จุฬาฯ ปี 2524 เรียนต่อสาขาทันตกรรมประดิษฐ์ที่จุฬาฯ ในปี 2526 ปัจจุบันทำคลินิกส่วนตัวชื่อ "ริมทันตแพทย์คลินิก" หมอริมทำงานสัปดาห์ละ 6 วันครึ่ง ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าจะรอให้พร้อมก่อนแล้วค่อยออกไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ทว่า หลังจากทำงานได้ 4 ปี จึงคิดได้ว่าหากรอให้พร้อมก่อน คงไม่ได้ทำ หมอริมจึงเริ่มออกหน่วยกับหน่วยแพทย์สมาคมสันติสุขในปี 2528 และทำอยู่ 20 ปี กระทั่งหน่วยงานดังกล่าวยุบเลิกไป แต่เขายังอยากทำต่อ จึงเริ่มนับหนึ่งใหม่

                "ผมมีพี่เป็นทหาร เขารับผิดชอบดูแลชายแดนติดต่อกับพวกคาทอลิก ผมบอกพี่ชายว่าอยากออกหน่วย ตอนนั้นเป็นหนี้อยู่นะ ตัวแดงในบัญชี เรียนจบทันตแพทย์มาสี่ปีแล้ว ไปเรียนต่อแล้วกลับมาเป็นหนี้เพราะเปิดร้าน บอกกับพี่ชายว่า หาให้สักที่ไม่ต้องถ่ายรูป ไม่ต้องแจกเหรียญ เขาก็จูงผมขึ้นรถคันนี้ บอกให้ไปกับสมาคมสันติสุข ผมก็ออกหน่วยกับสมาคมตั้งแต่ปี 2528 ครั้งหนึ่งไปค่ายผู้ลี้ภัยชาวเขมรที่ตาพระยา ไซต์ 2  ข้าหลวงใหญ่เป็นญี่ปุ่น ชื่นชมดี พอเราจะกลับ ชาวบ้านมาส่งและโบกมือให้ เราแว้บหนึ่งขึ้นมาคิดว่าน่าจะทำต่อ"

               "ภรรยาตั้งครรภ์ 7 เดือนยังไปออกหน่วยเลย ลูกอายุได้สามเดือนก็พาไปแล้ว พยาบาลช่วยป้อนนมบนเสื่อน้ำมัน หากไปชายแดน อยู่ในหลุมหลบภัยบ้าง เราไปออกหน่วยยังมี 170 กว่าครั้ง"

                ครั้นสมาคมเลิกกิจการในปี 2548 แต่เขายังอยากทำ จึงใช้อุปกรณ์จากคลินิกไปออกหน่วยรักษา และขอทุนจากโรตารีต่างประเทศทยอยซื้ออุปกรณ์ ปัจจุบันมีชุดทำฟันภาคสนาม 60 ชุด (ราคาชุดละประมาณ 6 หมื่นบาท)

               "ผมมานั่งเตรียม 6 เดือน ถ้าไม่ลงมือก็ล้อไม่หมุน ครั้งแรกจ่ายไปห้าหมื่นบาท ของลองออก ไปทองผาภูมิ ไปรถตู้สองคัน ใช้กระบะขนอุปกรณ์ซึ่งเป็นของที่คลินิก ตอนนั้นมีหมอสองคน เป็นหมอหูคอจมูกและผิวหนัง ทันตแพทย์ 5 คน ได้คนไข้ 200 กว่า ก็โอเค ตอนหลังกองทัพภาคสองเชิญไปออกหน่วยที่อุบลราชธานี ปีแรกๆ ออกทุกสองเดือนเพราะไม่ได้ทำใส่ฟันปลอม พี่น้องเพื่อนฝูงเริ่มให้เงิน สองพัน ห้าพันบาท ก็พอดีๆ กับค่าใช้จ่าย หากไม่พอผมต้องแอดวานซ์ ใช้เงินส่วนตัว มีครั้งหนึ่งติดเกือบล้านบาท เพราะไม่มีเงินบริจาคเข้ามา แต่ว่าเราเก็บใบเสร็จไว้ พอมีเงินบริจาคเข้ามาค่อยตัดยอด ให้สำนักงานบัญชีทำให้ ก็ใช้เวลานานกว่าจะเคลียร์ต้องเตรียมเงินไว้ล้านกว่า เอาไว้หมุน ตอนนี้ไม่ติดลบแล้ว"

               "ตอนออกหน่วยใหม่ๆ อุปกรณ์การแพทย์ใช้ของคลินิก พังไปเยอะ ยืมราชการบ้างก็ไม่ค่อยได้ พอหน่วยใหญ่ขึ้นคลินิกสองแห่งรับไม่ไหว ก็ขอทุนต่างประเทศ บางครั้งคนเอาเงินมาให้ 2 แสนบาท เรามีใบรับเงินให้ อย่างวันนี้มีเตียงทำฟัน 52 เตียง เคยตั้งสูงสุดได้ 60 เตียง แล้วแต่ขนาดพื้นที่..."

                แปดปีที่ผ่านมา มีคนไข้เข้ารับบริการ 4 หมื่นกว่าคน การออกหน่วยแต่ละครั้งมีคนไข้ประมาณพันคนเศษ มากที่สุดคือ 2 พันคนจากการออกหน่วยที่สะหวันนะเขต สปป.ลาว

                ถามถึงจุดมุ่งหมายในการออกหน่วย หมอริมตอบว่า

               "ทุกคนอยากทำอะไรดีๆ แต่ต้องมีคนเริ่มต้น แล้วคนมาร่วมกัน เช่น น้องๆ ที่บูธสอนคนแปรงฟันไม่ได้เป็นทันตแพทย์ แต่เป็นวิศวคอมพิวเตอร์ ผมเทรนให้เขาสอนการดูแลฟันปลอมและฟันจริง ซึ่งได้ผลดี วัตถุประสงค์เราไม่มีอะไรมากคืออยากมาช่วยคน ส่วนข้อจำกัดก็เป็นเรื่องเงิน การเดินทาง เสียค่าใช้จ่ายเยอะ ต้องประสานพื้นที่ว่ามีใครใจบุญมาช่วยกัน อย่างการใส่ฟันปลอมค่าใช้จ่ายสูงมาก (ค่าทำฟันปลอมชุดละ 4 พันบาท) ผมทำสัญญากับ สปสช. เป็นปีที่ 5 แล้ว ได้งบฯ มาทำฟันปลอมให้ชาวบ้าน ตามที่ใส่นะครับ ไม่มีงบบริหาร"

                ปัญหาสุขภาพฟันของคนต่างจังหวัดคือ ไม่มีเวลาดูแล ฟันผุเยอะ บ้างก็เป็นโรคเหงือก เทียบกับคนกรุงเทพฯ หรือคนเมือง หากฟันผุก็จะอุดหรือถอนออก แต่คนต่างจังหวัดทั้งที่มีฟันผุมาก ก็ปล่อยไว้อย่างนั้น การออกหน่วยมารักษาจึงช่วยชาวบ้านได้ระดับหนึ่ง

               กรณีที่ทำฟันปลอมให้ชาวบ้าน จะมีหน่วยย่อยมาก่อน 4 ครั้ง เพื่อคัดกรอง พิมพ์ปาก ลองใส่ฟันปลอม จนครั้งสุดท้ายซึ่งออกหน่วยใหญ่จึงใส่จริง และกลับมารีเช็คว่ามีปัญหาอะไรบ้าง โดยแต่ละครั้งมีคนเข้ามาคัดกรอง 800 คน แต่ฟันปลอมครั้งละ 200 กว่าคน เลือกเฉพาะคนที่คิดว่าใส่ได้ (งบส่วนนี้ สปสช.สนับสนุน)

               "คุณภาพของฟันปลอมที่ใช้เท่ากับของใน รพ.เอกชน ยาก็เหมือนกัน" หมอริมย้ำ 

               วันที่ "คมชัดลึก" พบกับหมอริมนั้น มูลนิธิได้แปรสภาพศาลาประชาคมอำเภอเชียงคาน เป็นห้องทำฟันขนาดใหญ่ มีเตียงทำฟันตั้งเรียงชิดติกัน 52 ชุด โดยทันตแพทย์ต่างทำงานอย่างขะมักเขม้น แต่ละคนต่างมีงานของตน เช่น คัดกรอง ซักถามประวัติ ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลช่องปาก ตรวจรักษาโรคทั่วไป

               แต่กว่าจะถึงวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกครั้งที่ลงพื้นที่หมอริมยังต้องแนะนำตัวใหม่

               "ตอนออกหน่วยใหม่ๆ ไปติดต่อเขาถามว่าคุณเป็นใคร ก็บอกว่าเป็นหัวหน้าหน่วย ตอนนี้เลิกเป็นแล้ว คือมาตั้งมูลนิธิ เป็นประธานมูลนิธิแทน...บางทียังซักถามอยู่นั่นแล้ว เราต้องให้ซีดีเขาดูบ้าง ผมมีปัญหาคือไม่ได้ออกซ้ำจังหวัด ทุกครั้งที่มูฟไปต้องแนะนำตัวใหม่...เราพยายามทำตัวให้เล็กสุด นิ่งสุด ไม่อยากออกสื่อ...จริงๆ หาคนสนับสนุนไม่ยาก ถ้าเราเปิดทางให้ใครก็ได้ มีหลายแห่งมากพร้อมที่จะออกค่าใช้จ่ายให้หมดเลย เราก็ไม่เอา เพราะคนทำไม่ได้เงินอยู่แล้ว อาสาสมัครที่มา หากมีการเมืองเกี่ยวข้องเขาคงไม่มากับผม" 

                หมอริมบอกว่าครั้งหนึ่งไปออกหน่วยแห่งหนึ่ง มี ส.ส. ติดป้ายด้านนอกบริเวณทางเข้าว่า นำทีมแพทย์มาออกหน่วย แต่เราทำงานอยู่ภายในพื้นที่ไม่รู้เรื่อง คนของเรามาบอก พอทราบก็ขอให้เอาป้ายลง เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

               "บางครั้งมีคำถามจากภาครัฐว่าทำไมมาวันหยุด เราเป็นเอกชน หากออกหน่วยวันธรรมดาก็ไม่มีใครมากับเรา ราชการเขาแค่รู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวกบ้าง หากพื้นที่ไหนรู้จักหมอก็ดีไป แต่ผมไม่ว่าอะไร เราอยากมาทำ อย่างเสร็จงานวันนี้ก็แยกย้ายกัน ไม่มีอะไร ไม่มีเหรียญตรา พอมีงานใหม่ก็ติดต่อกันทางอีเมล ผมจะยิงเมลไป เขารออีเมลจากผม มีจดหมายน้อยส่งกำหนดการให้ "

                "บางคนบอกเดี๋ยวนี้ทำไมออกหน่วยแล้วสบายจง คือท้องถิ่นเขาจัดที่พักให้นอนอย่างดี บางคนคิดว่าต้องนอนในป่า ซึ่งแบบนั้นผมกับแฟนก็นอนมาแล้ว แต่มันไม่ใช่แก่น แก่นจริงคือมีเครื่องมือครบ หมอมีคุณภาพ คนไข้มาหาเราได้ แต่เราต้องพร้อม ประสิทธิภาพสูงสุดด้วย เราผ่านมาเยอะ เราออกอย่างนี้แล้วให้เขามูฟคนไข้มาดีกว่า เพราะหมอก็พร้อม ระบบก็พร้อม ระบบสเตอร์ไรด์เทียบได้กับโรงพยาบาลเลย แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็เหนื่อยครับ"

                ปัจจุบันมี "ขาประจำ" ที่ร่วมออกหน่วยประมาณร้อยคน หมุนเวียนกันมา การออกหน่วยแต่ละครั้งคนสมัครเยอะ ใช้วิธีหมุนเวียนเที่ยวนี้ให้คนนี้ก่อน เขาก็เข้าใจ

                อย่างครั้งนี้โรตารีออกค่าที่พักให้ เราก็ไม่สามารถขนคนมาเยอะ เพราะค่าใช้จ่ายจะมาก หากไปนอนในอุทยานแห่งชาติ ทหารกางเต๊นท์ให้ ไม่เสียค่าที่พัก อย่างนี้ไม่เป็นไร แต่พรรคพวกช่วยกัน

                "ตอนนี้พอฟิกซ์ทุกคนลงตำแหน่งก็ลงตัวแล้ว ว่าใครจะทำอะไร งานตรงนี้ขาด คนนี้เข้าไปช่วย ทุกงานมีคนซ้อนหมด...เวลาจัดต้องดูหมด ไม่ตรงกับตรุษจีน วันเด็ก ไปภาคนี้ต้องดูว่ามรสุมเข้าวันไหน ต้องรู้น่ะครับ"

                ถามถึงปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ ประธานมูลนิธิ ตอบว่า การปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาค ทุกคนเท่าเทียมกัน เช่นเที่ยวนี้หมอนอนลำบาก พยาบาลนอนสบาย เที่ยวหน้าสลับกัน ตัวเขาจะกินข้าวก็ต่อแถวเอง นอนกับคนขับรถตู้ เราเป็นคนนำหน่วย ทำให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่าง เราทำยูนิตี้ในหน่วย

               "จริงๆ คนอยากมาเยอะนะ แย่งกันมา ช่วงหลังต้องตัดออก" (พูดยิ้มๆ)

               นอกจากการเป็นหัวหน้าทีมออกหน่วยแล้ว สิ่งที่กำลังทำอีกเรื่องคือ จัดหาเครื่องมือไว้หนึ่งเซตให้ทันตแพทย์ยืมใช้

                "ถ้าหมออยากทำให้มายืมเครื่องมือที่เราได้ เช่น หมออยากไปออกหน่วยที่วัดนี้ แค่คิดว่าต้องซื้อเก้าอี้ โคมไฟ มันก็หมดแรงแล้ว เราให้ยืมและเอามาคืน ตอนนี้เริ่มทำและมีคนมายืมบ้างแล้ว"

                ปัจจุบันหมอริมยังทำงานสัปดาห์ละ 6 วันครึ่งที่คลินิกและโรงพยาบาลรามคำแหง วันไหนไม่ออกหน่วยก็ไปทำคลินิกของภรรยาที่ จ.กาญจนบุรี   

                "เรียนตามตรงว่าพอเลิกทำคลินิก นั่งทำฟันปลอมพวกนี้ทุกวัน นอนตีสองทุกวัน เพราะต้องส่งกลับมาตรวจ...ระหว่างวันติดต่อการออกหน่วยทำฟัน โทรไปประสานงาน คนโน้นคนนี้ว่าจะเอายังไง ต้องทำหมดทั้งการติดต่อ ประสานงานพื้นที่ การเงิน บัญชี การตบแต่งฟันปลอม"

               ฟังดูน่าเหนื่อยใจไม่น้อย แต่หมอริมกลับเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ราวกับว่าภารกิจเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของชีวิต

                ซึ่งเขาได้เลือกแล้ว ! 

 

.........................

(ทำดี ทำได้ ไม่ต้องรอ (รวย) : คอลัมน์คุยนอกกรอบ : โดย...สินีพร มฤคพิทักษ์)