
ชุดประจำตัวของ'สมฤทธิ์ ลือชัย'
ชุดประจำตัวของ 'สมฤทธิ์ ลือชัย' อยากให้รู้ว่ามาจากบ้านนอก : : คอลัมน์คุยนอกกรอบ : โดย...สินีพร มฤคพิทักษ์
คนต่างจังหวัดจำนวนมากย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เนื่องจากมีโอกาสทางการงานมากกว่า และใช้ชีวิตเฉกเช่นคนเมืองทั่วไป ทว่า "สมฤทธิ์ ลือชัย" หนุ่มเชียงราย พิธีกรและนักวิชาการอิสระด้านอุษาคเนย์ศึกษา (Southeast Asian studies) กลับบอกว่านับแต่ก้าวแรกที่เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ก็รอวันจะออกจากเมืองนี้ เพราะไม่ใช่ที่ที่เขาจะใช้ชีวิตในบั้นปลาย ขณะเดียวกันก็อยากบอกว่าเขาไม่ใช่คนบางกอก แต่เป็น "หนุ่มบ้านนอก" จากเมืองเหนือ
นั่นเป็นเหตุให้เขาออกแบบชุดแต่งกายของตนเอง เป็นเสื้อแขนยาวสีขาวผ่าหน้า กางเกงสะดอสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งถูกปรับให้ดูดี เหมาะแก่ประโยชน์ใช้สอย และเข้ากับสรีระ ไม่ว่าจะออกไปทำธุระหรือมีงานบรรยายที่ไหน เขาก็แต่งกายเช่นนี้ ใส่ชุดแบบนี้เหมือนกันทุกวันเป็นเวลาร่วมสิบปี
หลังมีชุดประจำตัวได้ดั่งใจ เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ เขาจึงมองหาเสื้อผ้าพื้นเมืองของประเทศนั้นๆ ไม่เพียงแค่เก็บเป็นของสะสม ทว่า ระหว่างพำนักอยู่ต่างแดน อ้ายสมฤทธิ์แต่งกายเช่นเดียวกับชาวพื้นเมือง ไปห้าวันก็มีชุดพื้นเมืองครบห้าชุด ทั้งยังมีพร็อพครบ อาทิ ไม้เท้า พัด รองเท้า เหน็บกริชเมื่อแต่งชุดชวา หรือสะพายดาบยาวเมื่อแต่งชุดไทใหญ่
ด้วยอาชีพพิธีกรและอาจารย์พิเศษในหลักสูตรอุษาคเนย์ศึกษา ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้เขาเดินทางไปประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทุกปีพร้อมกับนักศึกษา และเป็นอันทราบกันดีว่าคนที่มีสัมภาระมากสุด คืออาจารย์สมฤทธิ์ ลือชัย เพราะเตรียมเสื้อผ้าและพร็อพของประเทศนั้นๆ ไปแบบจัดเต็ม !
ยามว่างเว้นจากงานประจำ เขามักปลีกวิเวกไปพำนักในกระท่อมน้อย ที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เพื่ออ่านพระไตรปิฎก
อ้ายสมฤทธิ์บอกว่า เขาใฝ่หาศึกษาพุทธศาสนามานานแล้ว ไม่เกี่ยวกับการทำรายการทีวี "ธรรมในใจ" ทางช่อง 3 แต่อย่างใด
หลังใช้เวลาปลีกวิเวกปีละ 6 เดือน เพื่อศึกษาพระไตรปิฎก ซึ่งทำมาเป็นปีที่ 6 แล้ว เขาพบว่าตนเองมีความสุข มีความอดทนมากขึ้น ไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้ นั่นน่าจะเป็นสิ่งชี้วัดว่าพระไตรปิฎกได้ขัดเกลาตัวเขา
"ตอนแรกผมทดสอบไปอยู่สักปีหนึ่งจะรอดไหม...ผมไม่ทำงานประจำอาศัยว่าลงมากรุงเทพฯ ครั้งหนึ่งก็ทำงานเป็นก้อน เช่น บันทึกเทปทีวี สอนหนังสือ ผมคิดว่ามาถูกทาง เพราะเป็นปีที่หกแล้ว มีความสุข ไม่เคยกลัว ไม่เคยเหงา..สำคัญที่สุดคือผมมีความสุขเพิ่มขึ้นจากการปลีกวิเวก เมื่อความสุขเพิ่มขึ้น น่าจะเป็นคุณและประโยชน์กับคนอื่นมากขึ้น"
๐ ปัจจุบันทำงานอะไรบ้าง
สอนหนังสือด้านนี้ ทำรายการโทรทัศน์ เช่น ตำนานโลก ไปโน่นนี่นั่นทำให้รู้จักเพื่อนบ้านในประเทศอาเซียน งานหนึ่งที่ได้ทำตลอดคือเป็นมัคคุเทศก์นำชมสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เริ่มจากการช่วยงาน ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เพราะในงานวิชาการที่เราทำ หลังจัดสัมมนาวิชาการต่างๆ ปิดท้ายเราจะเชิญชวนสมาชิกไปทัศนศึกษา ล่าสุดจัดงานสัมมนาเกี่ยวกับ อีสาน ลาว ขแมร์ศึกษา ที่อุบลราชธานีสองวัน มีนักวิชาการเข้าร่วมงาน 500 คน ปิดท้ายไปทัศนศึกษาลาวใต้และกัมพูชาเหนือ มีคนตามไป 60 คน สรุปเริ่มจากการเป็นมัคคุเทศก์นำชมสถานที่ต่างๆ เพราะทำงานวิชาการกับอาจารย์ชาญวิทย์ หลังจากนั้นมีเอกชนเชิญไปบรรยายค่อนข้างบ่อย หลักๆ เป็นอุษาคเนย์
๐ เริ่มสะสมหรือชอบชุดพื้นเมืองตั้งแต่เมื่อไร
เริ่มจริงๆ ผมเบื่อ มีความรู้สึกว่า (การแต่งกาย) มันไม่ใช่สมฤทธิ์ ผมอยากเป็นสมฤทธิ์ให้รู้ว่ามาจากบ้านนอก เป็นคนเหนือ จะแสดง (represent) ตัวเองยังไงว่าไม่ใช่คนกรุงเทพฯ ไม่ใช่คนเมือง พยายามปรับปรุง อย่างกางเกงสะดอที่ใส่นี้ก็ให้ช่างลองตัด เสื้อก็ดัดแปลงมา ซึ่งเป็นทั้งไทใหญ่ล้านนา หาซื้อที่ไหนไม่ได้ ผมชอบแต่งตัวอย่างนี้ หากให้ครบชุดต้องมีไม้เท้า ร่ม และย่าม
๐ เหตุที่หันมาสะสมชุดพื้นเมืองชาติต่างๆ
เมื่อเริ่มมีชุดประจำตัวของตัวเองแล้ว พอไปต่างประเทศก็อยากแต่งตัวแบบเขา ผมไม่รู้เกิดจากอะไร ก็หาซื้อชุดมาใส่ พอผมใส่สมาชิกที่ไปด้วยดูมีความสุข กรี๊ดกร๊าด สมมุติไปเวียดนามใส่ชุดอ๋าวหย่ายผู้ชาย คนชอบ สนุกสนาน ขอถ่ายรูป ตัวเองมีความสุขที่ได้ใส่ และคิดว่าคนที่เดินทางไปด้วยชอบให้ใส่ (หัวเราะ) ผมก็เลยสะสมมา หลังจากนั้นไม่ว่าที่ไหนก็สะสม หากไม่มีก็หาซื้อ ขณะนี้มีชุดครบ 10 ประเทศในอาเซียน อาจแตกต่างนิดหน่อย รวมประเทศเอเชียอีก เช่น จีน ญี่ปุ่น
ถ้าไปยุโรป เราใส่สูท ชุดทางยุโรปมีไม่ค่อยมาก แต่ชุดทางเอเชียจะมีมาก เช่น ชุดมุสลิม จีน ญี่ปุ่น อย่างไปพม่า 5 วัน มีเสื้อผ้า 5 ชุด พม่ากับมอญก็ไม่เหมือนกันอีก หากเข้าเขตกะเหรี่ยงก็มีชุดกะเหรี่ยงอีก ไปแต่ละประเทศยังไม่พอ ต้องดูชาติพันธุ์อีก เช่น ไปบรรยายที่เมืองมัณฑะเลย์ ใส่ชุดพม่า, เมืองหงสาวดีใส่ชุดมอญ มะละแหม่งก็มอญเหมือนกัน หากไปเมืองพะอามใส่ชุดกะเหรี่ยง คือวันนี้จะไปบรรยายที่ไหน คนฟังรู้แล้วว่าอาจารย์สมฤทธิ์จะพาไปดินแดนของใคร ผ่านชุด (หัวเราะ)
๐ ต้องศึกษาก่อนไหมว่าชุดของแต่ละชาติต่างกันอย่างไร
วิธีที่ง่ายสุด ซื้อชุดจากพื้นที่นั้นๆ แสดงว่าเขาใส่แบบนี้ อย่างเสื้อกะเหรี่ยง หากไปหมู่บ้านกะเหรี่ยงในไทยเสื้อจะแต่งด้วยลูกเดือยป่า แต่พอข้ามไปอีกฝั่ง (พม่า) ก็เป็นอีกสไตล์หนึ่ง มันจะมีรายละเอียดหรือสีสันต่างกัน แม้แต่โสร่งบอกได้เลยว่าเป็นกะเหรี่ยงกลุ่มไหน
๐ ถือเป็นของสะสมเวลาเดินทางไปต่างประเทศ
มีทริปหนึ่งนานสุดสิบกว่าวันของผมประมาณสามใบ แต่เนื่องจากเราไปเป็นกลุ่ม คนดูแลทัวร์เขาจะแชร์น้ำหนักกระเป๋ากับผู้โดยสารคนอื่นในกลุ่มให้ เป็นอันนินทาต่อหน้าและลับหลังว่า ไม่ต้องถามว่าของใคร เป็นของอาจารย์สมฤทธิ์ทั้งหมด เพราะมันต้องมีชุด อุปกรณ์การบรรยายคือชุด
นอกนั้นมีองค์ประกอบอีกนะ อย่างวันมะรืนนี้ผมจะไปชวา-บาหลี ในนามมูลนิธิโครงการตำรา ทั้งคณะ 30 คน ผมแต่งกายชุดชวา ซึ่งมีหมวก เหน็บกริชด้วยนะ ไปชวาก็ใส่ชุดแบบชวา แต่พอบินไปบาหลีต้องมีชุดบาหลีอีกต่างหาก ดูชุดคล้ายๆ กันนะ แต่ลายผ้า การนุ่งห่มแบบบาหลีไม่เหมือนชวา มีชุดแล้วต้องมีพร็อพอีกนะ มีพัดไหม อย่างไปศรีลังกา เวลาเดินขึ้นเขามีไม้เท้า เราก็ซื้อมา ของพม่าเคยได้ยินไหม เบอร์มิส สติ๊ก ไม้เท้าเป็นอีกแบบหนึ่ง เวลาไปประเทศไหนดูว่าประเทศนั้นใช้อะไร นอกจากคอสตูมแล้วก็มีพร็อพ เช่น พัด กริช ถ้าไปไทยใหญ่ต้องมีดาบด้วย (เน้นเสียง)
๐ แล้วมีดาบไทใหญ่ไหมช
มีสิ (เน้นเสียง) ชุดไทใหญ่ต้องมีผ้ามัดหัว ใส่ชุดไทใหญ่แล้วต้องสะพายดาบยาวประมาณเกือบเมตร นี่คือชุดไทใหญ่...เวลาไปต่างประเทศ สิ่งที่ชอบคือตลาดพื้นเมือง นอกจากจะรู้ว่าสิ่งที่เขากินยังไง อยู่ยังไง ตลาดเป็นคลังความรู้ที่เราเข้าใจคนอื่นๆ นอกจากไปดูบ้านเมือง พิพิธภัณฑ์ ต้องเป็นตลาดชาวบ้าน ตลาดของเมือง ของพวกนี้วางขายในตลาดชาวบ้าน ชาวบ้านใช้ช
๐ เวลาแต่งชุดพื้นเมืองของประเทศนั้นๆ ชาวบ้านปรี่เข้ามาทักไหม
เขาชอบ หน้าตาผมไม่เหมือนท้องถิ่น เขาก็จะยิ้ม บางคนมาถ่ายรูปด้วย อย่างผมไปอินเดีย คุณเคยเห็นชุดที่ท่านมหาตมะ คานธี ใส่ไหม เป็นผ้าโธตีสีขาว ท่านคานธีเปลือยท่อนบนแล้วมีผ้าขาวพาดผืนหนึ่ง หน้าร้อนผมก็ใส่อย่างนั้น เป็นแขกพุงขาวเชียวนะ ตอนหลังรู้สึกว่าน่าเกลียดกว่าน่ารักเลยต้องใส่เสื้อ เป็นเสื้อตัวยาวสีขาว ไปจีนก็มีชุดคนจีนนะ เคยดูเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ไหม เป็นเสื้อคอตั้งตัวยาวถึงเท้า มีพัด ใส่รองเท้าผ้าแบบจีน คนจีนเดี๋ยวนี้ไม่ใส่ชุดอย่างนี้ ผมใส่ชุดจีนไปเดินที่เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง สายตาที่เขามองแบบขำๆ หัวเราะกัน ยกเว้นเมืองอื่น คนจีนจะมาขอถ่ายรูป คือสองเมืองนี้เป็นเมืองสมัยใหม่ เป็นตะวันตกมาก คนมองแปลกๆ ซึ่งผมไม่แคร์ อยากใส่น่ะ (หัวเราะ)...
เวลาพูดเรื่องเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน ผมว่าสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เรากับเขาเข้ากันได้ดี คืออะไรรู้ไหม แค่เราใส่ชุดเขา เหมือนกับเราเป็นพวกเดียวกัน แค่เราใส่ชุดเขา เขาจะชอบรู้สึกเป็นมิตรกับเราทันที ทำให้ได้รับการยอมรับได้เร็ว แค่เราทักทายเป็นภาษาเขาและใส่ชุด มันทำให้การยอมรับเป็นมิตรเกิดขึ้นง่ายมาก มันเหมือนเป็นกลุ่มเดียวกัน นี่คือภาษาท่าทาง (Nonverbal Communication) การเมคเฟรนด์โดยการแต่งตัวมีประสิทธิภาพมาก คุณนึกดูนะ ผมแต่งตัวชุดกะเหรี่ยง แต่พูดภาษาเขาไม่ได้ ทุกคนจะเข้ามาถ่ายรูป ผมพูดไม่ได้ ก็ยิ้มไปจับไม้จับมือกัน ผมว่ามันเป็นการสื่อสารที่ได้ผลมากๆ การที่คนต่างวัฒนธรรมเป็นมิตรต่อกัน แค่การแต่งตัวเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
๐ มีชุดของประเทศต่างๆ กี่ชุดแล้ว ถึงหลักร้อยหรือยัง
ไม่น่าถึง เอาเป็นว่ามีชุดพื้นเมืองอุษาคเนย์ และยังมีชาติพันธุ์ย่อยๆ ในนั้นอีก อย่างผมไปไปอีสานใต้ อีสานใต้กับอีสานเหนือแต่งไม่เหมือนกันนะ โสร่งของอีสานใต้ เสื้อของชาวกูย ชาวส่วย ก็อีกแบบหนึ่ง ถ้าอยู่สุรินทร์ใส่เสื้อชาวกูยได้ แต่ไปอยู่ที่อื่นไม่ใช่ แต่ละพื้นที่ในไทยก็มีลักษณะเฉพาะ ผมว่ามีเสื้อผ้าของชาวบ้านในไทยเยอะ
๐ เดี๋ยวนี้ใส่กางเกงยีน หรือกางเกงสแลคบ้างหรือเปล่า
ผมยังเหลืออยู่นะ แต่ไม่เคยใส่ (หัวเราะ) ลูกศิษย์ที่เรียนกับผมมาสิบกว่าปีบอกไม่เคยเห็นอาจารย์ใส่สูทเลย จะเห็นผมใส่ชุดนี้เป็นชุดปกติ หรือไม่ก็ชุดเพื่อนบ้าน ถ้าผมจะไปบรรยายเรื่องอะไรก็ใส่ชุดชาตินั้น เป็นอันรู้กันว่ามาพูดเรื่องเวียดนามหรือพม่าแน่เลย คือการใส่ชุดนั้นแล้วบรรยาย ทำให้เด็กๆ รู้สึกอินหน่อย สร้างบรรยากาศ
๐ ชุดประจำตัวแบบนี้มีกี่ชุด
ยี่สิบ เสื้อสีขาวอย่างเดียว เสื้อให้ตัดเป็นเซ็ทครั้งละห้าหกตัว กางเกงเหมือนกัน ล่าสุดเพิ่งตัดสิบตัว เพราะต้องใช้ทุกวัน แต่มันง่ายดี ไม่ต้องคิดว่าวันนี้จะแต่งอะไร
๐ เวลาไปงานพิธีการที่ต้องใส่สูทผูกไท
ผมไม่เคยไป ถ้าไปก็จะเปลี่ยนจากเสื้อผ้าฝ้ายเป็นผ้าไหม ผมมีผ้าไหมสุรินทร์สวยๆ ให้ช่างตัดทรงนี้ กางเกงก็ใช้ผ้าสมัยใหม่ ใส่เข้ากับผ้าไหมได้ ตัดเป็นกางเกงทรงนี้ เขาก็ไม่ได้ว่าผมนะ เขาก็รู้ว่าผมใส่อย่างนี้
๐ ทริปชวา บาหลี มีเสื้อผ้าไปกี่ชุด
รอบนี้เตรียมชุดชวา 3 ชุด, บาหลี 2 ชุด พร็อพมี กริช หมวก ผ้าปาเต๊ะ เสื้อผมซื้อจากชวาเลยนะ รองเท้าไม่เป็นไร เขาไม่มีรองเท้าพื้นเมือง ไม่เหมือนพม่า หรืออินเดีย
๐ ซื้อรองเท้าพม่าและอินเดียด้วยหรือ
ต้องใช้สิ ไม่งั้นไม่เป๊ะ หัวจรดเท้าต้องเป๊ะเลยนะว่าเขาใช้อะไรยังไง อย่างรองเท้าอินเดีย เป็นรองเท้าแตะแบบคีบเป็นหนังสีน้ำตาล ใส่กับชุดโธตี พม่าก็รองเท้าคีบ ถ้าชีวิตประจำวันไม่จำเป็นต้องใส่คัทชู ผมก็ใส่รองเท้าคีบนะ...ชุดบาหลี มีเสื้อ กริช แต่ตรงเอวนุ่งผ้าปาเต๊ะแบบโสร่งมีผ้าอีกชิ้นทับตรงเอว แล้วมีพัดของชวา คล้ายพัดจีน ใบทำด้วยผ้าบาติก เวลาพับจะหนา ถือแล้วปวดมือ ไม่เหมือนของจีนที่เล็กๆ หน่อย
.........................
(ชุดประจำตัวของ 'สมฤทธิ์ ลือชัย' อยากให้รู้ว่ามาจากบ้านนอก : : คอลัมน์คุยนอกกรอบ : โดย...สินีพร มฤคพิทักษ์ )