ไลฟ์สไตล์

เปิดวิสัยทัศน์ : 'ผศ.ดร.ประมา ศาสตระรุจิ'

เปิดวิสัยทัศน์ : 'ผศ.ดร.ประมา ศาสตระรุจิ'

09 ธ.ค. 2556

เปิดวิสัยทัศน์ : ตำราวิทย์ - คณิตสสวท.เจ๋ง แต่ใช้ 5% - เล็งลงเว็บแพร่ 'สเต็มศึกษา' : โดย...กมลทิพย์ ใบเงิน

 

                        "คณิตศาสตร์ คะแนนเฉลี่ย 22.73 ส่วนวิทยาศาสตร์ คะแนนเฉลี่ย 30 จากคะแนน 100" นี่คือผลการทดสอบแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2555 ไม่แตกต่างจากทุกปีที่ "สอบตก" สม่ำเสมอ แม้มีสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งมีบทบาทหน้าที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีทุกระดับการศึกษา (อนุบาล-ม.6) อยู่ก็ตาม

                        41 ปี "สสวท." เพราะจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2515 เพื่อดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ภายใต้ความช่วยเหลือจาก "โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ" (United Nation Development Program - UNDP) ปัจจุบัน "สสวท." เป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีสถานะเป็นนิติบุคคลและเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ไม่เป็นส่วนราชการ และไม่เป็นรัฐ

                        "การเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ สสวท. ทำให้ผมได้ทราบว่า เรามีหน่วยงานที่ส่งเสริมการศึกษาที่มีประสิทธิภาพมาก มีเครือข่ายและผู้ทรงคุณวุฒิมากมายที่พร้อมร่วมจะผลักดัน ยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียนในด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ซึ่ง สสวท. มีผลผลิตที่เป็นสื่อการเรียนการสอนมากมาย มีทั้งหนังสือ สื่อ วีดิทัศน์ อุปกรณ์ กระบวนการเรียนรู้ หลักสูตร รวมถึงกิจกรรม การ์ตูนแอนิเมชั่น หรือแม้แต่รายการโทรทัศน์ แต่ผลสัมฤทธิ์ของเด็กกลับตกต่ำ" ผศ.ดร.ประมา ศาสตระรุจิ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสวท. คนใหม่ที่อายุน้อยที่สุด ด้วยวัยเพียง 37 ปี 

                        นักการศึกษาหนุ่มไฟแรง ได้เพียรพยายามค้นหาคำตอบว่า ทำไมผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไทยใน "วิชาคณิตาสตร์-วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี" ถึงมีคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน แถมการศึกษาไทยยังรั้งท้ายอันดับ 8 ในกลุ่มอาเซียนอีกด้วย

                        "ผมค้นพบปัญหาหลักสูตรไปไม่ถึงโรงเรียน ตั้งแต่ระดับชั้น ป.1-ม.6 เพราะโรงเรียนเลือกซื้อตำราจากสำนักพิมพ์เอกชน ที่มีเนื้อหาคล้ายตำรา สสวท.แต่ไม่เหมือกัน สสวท.คิดแทบตาย แต่ตำราไม่นำไปใช้มันก็จบ"

                        ผศ.ดร.ประมา ชี้จุดอ่อนผลสัมฤทธิ์ "คณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์" ตกต่ำว่า ตำราเรียนของ สสวท.ผ่านองค์การค้าของคุรุสภา (อภ.) ซึ่งอภ.จ่ายเงินให้ สสวท. ร้อยละ 3 ตกปีละ 30-40 ล้านบาท เป็นการซื้อผ่านงบประมาณรายหัวของนักเรียน แล้วนำมาแจกผู้เรียน แทนที่โรงเรียนจะใช้ตำราของ สสวท.100% แต่ความจริงใช้ตำรา สสวท.เพียงร้อยละ 5-10 เท่านั้น เพราะเอกชนที่จ้างอาจารย์มาเขียนอยู่ในกรอบของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) วางไว้โรงเรียนจะเลือกใช้ตำราอันไหนก็ได้ ทำให้เด็กไทยส่วนใหญ่เรียนตำราที่แค่เหมือน สสวท.เท่านั้น

                        "เราให้องค์การค้าคุรุสภาขายแบบรัฐต่อรัฐ ถามว่าเราต้องการเงินหรือ หากต้องการเงินเมื่อ สสวท.ทำเสร็จแล้วก็ให้เอกชนขายได้ แต่อย่าลืมว่า สสวท.ไม่ใช่หน่วยงานหารายได้ แนวโน้ม สสวท.จะไม่เอาเงิน แต่จะใส่หลักสูตรคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่ดีอยู่แล้วลงเว็บไซต์ เปิดช่องทางถามตอบ หรือทำซีดีแจก เพื่อให้เด็กได้ค้นคว้าด้วยตัวเอง ล่าสุดบอร์ด สสวท.จะหารือกันในวันที่ 13 ธันวาคม 2556 เพื่อหาข้อยุติ"

                        เหนืออื่นใด ผศ.ดร.ประมา กล่าวว่า สสวท.พยายามผลักดันผลผลิต หนังสือ สื่อ วีดิทัศน์ อุปกรณ์ กระบวนการเรียนรู้ หลักสูตร รวมถึงกิจกรรม การ์ตูนแอนิเมชั่น หรือแม้แต่รายการโทรทัศน์ ให้ถึงมือครู นักเรียน และผู้ใช้งานมากขึ้น ยิ่ง สสวท.เผยแพร่สื่อเหล่านี้ออกไปมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นประโยชน์กับเยาวชนไทยมากยิ่งขึ้น และจะได้ช่วยแก้ปัญหาการศึกษาของไทย โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดาร รวมถึงความพยายามขยายเครือข่ายความร่วมมือ และเสริมความเข้มแข็งให้แก่เครือข่าย ผ่านช่องทางการให้บริการสื่อดิจิตอลทุกรูปแบบผ่านศูนย์การเรียนรู้ของ สสวท.

                        ผศ.ดร.ประมา กล่าวว่า เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา สสวท.เปิดโครงการนำร่องศูนย์ "สเต็มศึกษา” (STAM Education) เป็นโครงการที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดย STEM Education เป็นแกนหลักในยุทธศาสตร์ใหม่ ที่นำไปสู่การใช้ประโยชน์ในการประกอบวิชาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต เป็นแนวทางการจัดการศึกษาที่บูรณาการ "วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์" ที่เน้นการนำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง

                        "โครงการสเต็มศึกษา หวังจะสร้างกำลังคนด้านสเต็ม ซึ่งเป็นผู้เรียนรู้อย่างมีความสุข นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง เพื่อยกระดับรายได้ของชาติให้สูงกว่าระดับรายได้ปานกลางในอนาคต ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดัน สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้แก่เยาวชนของเราครับ" ผศ.ดร.ประมา กล่าวทิ้งท้าย

 

 

-------------------------

(เปิดวิสัยทัศน์ : ตำราวิทย์ - คณิตสสวท.เจ๋ง แต่ใช้ 5% - เล็งลงเว็บแพร่ 'สเต็มศึกษา' : โดย...กมลทิพย์ ใบเงิน)