
ลำไส้แปรปรวนสัญญาณเตือน'มะเร็งเน็ต'
ลำไส้แปรปรวนสัญญาณเตือน'มะเร็งเน็ต' : ดูแลสุขภาพ โดยลุงแจ่ม
มะเร็งเกิดขึ้นได้กับเซลล์ในอวัยวะทุกส่วนของร่างกายคนเรา มีมะเร็งบางชนิดที่เรายังไม่ค่อยได้ยินชื่อกันนัก หนึ่งในนั้นก็คือ "มะเร็งเน็ต" (Neuroendocrine Tumor) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า NET ซึ่งเป็นมะเร็งของกลุ่มเซลล์ที่เรียกว่านิวโรเอ็นโด คริน เป็นมะเร็งที่พบได้ในระบบทางเดินอาหารตั้งแต่กระเพาะอาหารถึงลำไส้ใหญ่ และยังพบได้ในตับอ่อนและปอดอีกด้วย
ในปัจจุบันผู้ป่วยโรคมะเร็งเน็ตจะได้รับการดูแลโดยทีมแพทย์สหสาขา ซึ่งมีบทบาทตั้งแต่การวินิจฉัยโรค การตรวจติดตาม รวมทั้งการรักษา ซึ่งประกอบด้วยหลายๆ วิธี
อาการ
มีได้หลากหลายตั้งแต่ไม่แสดงอาการอะไรเลย จนถึงอาการรุนแรงมาก โดยที่อาการอาจจะสัมพันธ์กับฮอร์โมนที่เซลล์มะเร็งผลิตออกมา เช่น อาจทำให้มีอาการร้อนวูบวาบ หน้าแดง ท้องเดิน ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นต้น
อาการเหล่านี้จะคล้ายกับอาการของโรคลำไส้แปรปรวน จึงทำให้แพทย์อาจสันนิษฐานว่าผู้ป่วยเป็นโรคชนิดอื่นได้ ยิ่งไปกว่านั้นเซลล์เนื้องอกอาจจะเติบโตช้า กว่าจะมีอาการของก้อนที่โตขึ้น มะเร็งอาจมีการแพร่กระจายไปที่ตับ อวัยวะใกล้เคียง หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ทำให้การวินิจฉัยมีความล่าช้า ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ป่วยต้องสังเกตอาการของตนเอง รวมถึงแพทย์ที่ต้องสงสัยถึงโรคนี้ด้วย
เนื่องจากเน็ตเป็นมะเร็งซึ่งมีรูปร่างคล้ายมะเร็งต่อมชนิดรุนแรง และถ้ามะเร็งเน็ตกระจายไปสู่ตับก็อาจดูคล้ายมะเร็งตับ พยาธิแพทย์จึงต้องยืนยันการวินิจฉัยโรคด้วยการตรวจย้อมพิเศษ
นอกจากนี้สำหรับมะเร็งเน็ทที่แพร่กระจายไปที่ตับหรือต่อมน้ำเหลือง พยาธิแพทย์จะทำการตรวจย้อมเพื่อยืนยันว่าเซลล์มะเร็งมีต้นกำเนิดมาจากลำไส้ใหญ่หรือมาจากตับอ่อน เนื่องจากมะเร็งเน็ตมีโอกาสกลับเป็นซ้ำ รวมทั้งอาจมีการลุกลามอย่างรวดเร็วภายหลังการวินิจฉัยในครั้งแรก เซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายอาจมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ทำให้การพยากรณ์โรคเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องมีการติดตามผลการรักษาหรือติดตามความรุนแรงของโรค ซึ่งในปัจจุบันใช้การตรวจระดับโปรตีนในเลือดที่เรียกว่า "โครโมแกรนิน เอ"
การรักษา
การรักษาโดยการผ่าตัดนั้น เป็นวิธีเดียวที่จะรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งสามารถทำได้หลายแบบ เช่น ผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งที่เป็นต้นกำเนิดออกทั้งหมดหรือผ่าตัดเอาก้อนออกให้ได้มากที่สุด ในรายที่เนื้องอกผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการ เพราะจะช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย กรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้อาจพิจารณาการอุดเส้นเลือด ซึ่งเป็นการอุดหลอดเลือดแดงเพื่อการรักษาภาวะโรค หรืออาจมีการฉีดยาเคมีบำบัดเข้าเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งในตับ นอกจากนี้ยังมีการรักษาด้วยยากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งแนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคและพฤติกรรมของเนื้องอก
แต่เดิมจะรักษาผู้ป่วยตามอาการที่เป็น เช่น ให้ยาลดอาการท้องเดิน ท้องอืด หรือมีการให้ยาเคมีบำบัดเพื่อควบคุมโรค แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาวิธีการรักษาด้วยยาใหม่ๆ ซึ่งมีทั้งยาที่ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนของมะเร็งเน็ตที่แสดงอาการ และยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted Therapy) ซึ่งช่วยควบคุมโรค ทั้งในผู้ป่วยที่แสดงอาการ และไม่แสดงอาการ ทำให้การรักษาด้วยยานั้นมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เป็นผลให้ผู้ป่วยมีอาการจากโรคน้อยลง ควบคุมโรคได้นาน มีชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
จะเห็นว่าในปัจจุบันการรักษามะเร็งเกือบทุกชนิดมีความก้าวหน้าไปมาก แต่สิ่งที่ยังให้ความสำคัญก็คือการใส่ใจดูแลสุขภาพ หากมีอาการที่น่าสงสัยควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ซึ่งอาการที่เป็นอาจไม่ใช่มะเร็งก็ได้ แต่ถ้าใช่ การตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรก และได้รับการรักษาที่เหมาะสม ก็จะเพิ่มโอกาสในการเอาชนะมะเร็ง
รศ.นพ. บุญชู ศิริจินดากุล
ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย