
มติ9ต่อ4ถอด'ถวิล พึ่งมา'พ้นอธิการบดีสจล.
สภาสจล.มีมติ 9 ต่อ4 ถอด'ถวิล พึ่งมา'พ้นอธิการบดี ฐานแก้ผลการเรียนให้ลูก ถือเป็นการทุจริต-ผิดวินัยร้ายแรง
���������������27 พ.ย.56 กลุ่มศิษย์เก่าและนักศึกษาปัจจุบันของสจล. ประมาณ 200 คน ได้ร่วมกันลงชื่อในหนังสือร้องเรียนกว่า 3,500 ราย มอบแก่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์� นายกสภาสถาบันฯ พร้อมแถลงการณ์ร้องเรียน ให้ตรวจสอบการบริหารงานของ ศ.ดร.ถวิล พึ่งมา อธิการบดีสจล. เกี่ยวกับมาตรฐานการรับนักศึกษาเข้าเรียนในระดับปริญญาเอก สาขาบริหารธุรกิจอุตสาหรรม วิทยาลัยและการบริหารจัดการ สจล.ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 และกรณีการแก้ไขเกรดให้กับลูกของท่านอธิการบดี จำนวน 8 รายวิชา ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา2555 โดยมีนายวิเชษฐ ไกรวิทย์ ศิษย์เก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ รุ่นที่ 6 ในฐานะอดีตนายกสมาคมศิษย์เก่า สจล.เป็นตัวแทนในการกล่าวแถลงการณ์ และยื่นหนังสือร้องเรียน
�
�������������� พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า จะรับเรื่องร้องเรียนทั้งหมด เข้าไปหารือในที่ประชุมสภาสถาบันฯ เพื่อให้ฝ่ายบริหารได้มาชี้แจ้งข้อมูล ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาอธิการบดีได้แก้ไขเกรดให้กับนักศึกษาหลายคน รวมถึงลูกอธิการบดีนั้น� ที่ผ่านมาสภาสถาบันฯ ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะมารายงานความคืบหน้าในการสอบสวนข้อเท็จจริงในที่ประชุมวันนี้ ส่วนผลการประชุมสภาจะเป็นอย่างไรจะชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง
����������������ศ.ดร.ถวิล กล่าวว่า กรณีที่การร้องเรียนนั้น เป็นเกมการเมืองภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร� โดยครั้งนี้จะมีการสรรหาคณบดีใหม่ 4 คณะ ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนว่า มีการแก้ไขกฎเกณฑ์การรับนักศึกษาปริญญาโท และปริญญาเอก� เพื่อเพิ่มจำนวนรับนักศึกษาหารายได้เข้ามหาวิทยาลัย รวมถึงเปิดช่องให้ผู้ต้องคดีอาญาเข้าศึกษาต่อได้� ยืนยันว่า ไม่มีการแก้ไขกฎเกณฑ์ใด เพราะการคัดเลือกรับนักศึกษาปริญญาโทและเอกทุกคณะ สามารถดำเนินการได้ 2 แนวทาง ได้แก่ 1.การสอบ-สัมภาษณ์ และ2.สัมภาษณ์อย่างเดียว แต่ยอมรับเป็นเรื่องจริงที่ต้องการหาเงินเข้าสถาบันฯ
����������������เนื่องจากคณะนี้การรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ขาดทุน รายละประมาณ 10,000 บาท จากต้นทุน 48,000 บาท แต่นักศึกษาจ่ายเพียง 38,000 บาท ดังนั้น จึงต้องไปเพิ่มนักศึกษาปริญญาโท-เอกให้มากขึ้น เพื่อเก็บเงินจากคนรวยไปช่วยคนจน� อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้มองเฉพาะเรื่องจำนวนรับนักศึกษาเข้ามาเรียนมาก แต่อยากให้ดูจำนวนนักศึกษาที่จบออกไปมากกว่า เพราะตอนนี้นักศึกษาที่จบออกไปนั้น น้อยมาก เนื่องจากสถาบันฯ คำนึงถึงคุณภาพเป็นสำคัญ ส่วนผู้ต้องโทษ หากคดีไม่สิ้นสุด ก็ถือเป็นบุคคลธรรมดา ที่มหาวิทยาลัยต้องเปิดโอกาสให้เข้าเรียนได้
����������������นายวิเชษฐ กล่าวว่า เชื่อมั่นมาตรฐานการพิจารณาของสภาสถาบันฯ� แต่หากผลออกมาไม่น่าพอใจก็จะต้องดูอีกครั้งว่ากลุ่มศิษย์เก่าและนักศึกษาปัจจุบันจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
����������������นายธนันท์รัฐ เมียนเพ็ชร์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะเทคโนโลยีการเกษตร� สจล.� กล่าวว่า นักศึกษาต้องการให้อธิการบดี สจล. ชี้แจงกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และคิดว่าเป็นเรื่องจริงที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องที่อธิการบดีแก้เกรดให้กับลูกตัวเอง� การให้คนต้องคดีมาเรียนปริญญาโทและเอก ทั้งนี้ ตนและเพื่อนจะรอคำตัดสินของสภาสถาบันก่อนว่าเป็นอย่างไร และถ้าผลออม่ไม่เป็นที่น่าพอใจจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง
���������������ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ซึ่งมี พล.อ.สุรยุทธ์�� เป็นประธานนั้น คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่ ศ.ดร.ถวิล แก้ผลการเรียนให้กับลูกของตนเอง ได้สรุปผลการสอบข้อเท็จจริงเสนอที่ประชุม โดยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ชี้มูลว่า อธิการบดีได้แก้ผลการเรียนให้กับลูกตัวเองจริงๆ เป็นการทุจริตและถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 4 เสียง ให้ถอดถอน ศ.ดร.ถวิล พ้นจากตำแหน่งอธิการบดี และได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกหนึ่งชุด เพื่อสอบเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียด รวมถึงให้มีการสอบกรณีที่กลุ่มศิษย์เก่าและนักศึกษาปัจจุบันได้ร้องเรียนถึงเรื่องการบริหารงานเกี่ยวกับมาตรฐานและการแก้ระเบียบการรับนักศึกษาเข้าเรียนในระดับปริญญาเอก สาขาบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม วิทยาลัยและบริหารจัดการ สจล. ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 รวมถึงให้ผู้ต้องคดีอาญาเข้าเรียน� นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้แต่งตั้ง ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ รองอธิการบดี ดำรงตำแหน่งรักษาการอธิการบดีแทน
�������������� ด้านศ.ดร.ถวิล กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากผู้ที่เข้าประชุมสภาสจล.ว่ามีมติถอดถอนออกจากตำแหน่งอธิการบดีแล้วด้วยเหตุผลที่ว่า ทำงานร่วมกับคณบดีคณะต่างๆ ไม่ได้ ซึ่งไม่ได้แปลกใจกับมติที่ออกมาแต่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะปกติแล้วทางสภาสจล.จะต้องให้ได้ทำการชี้แจงแต่ในวันนี้ที่ประชุมไม่ได้ให้ชี้แจงอะไร และพอถึงวาระการพิจารณาเรื่องถอดถอนได้ออกจากที่ประชุม โดยเข้าใจว่า มติที่ออกมาน่าจะมีผลในวันที่ 28 พฤศจิกายน เพราะจะต้องรอหนังสือแจ้งมติสภาสจล.แต่ตอนนี้ได้เก็บของออกจากห้องทำงานแล้ว โดยจากนี้ไปก็จะไปเป็นอาจารย์สอนตามเดิมจนกว่าจะเกษียณในปี 2557
���������������"ผมโดนปัญหารุมเร้ามาหลายเรื่องอย่างคณบดีที่ทำงาน ไม่ได้ก็เป็นกลุ่มคนเก่าที่เคยเป็นคู่แข่งกันมา ส่วนเรื่องของการแก้เกรดก็อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งของมติที่ออกมา ผมคิดว่า เรื่องนี้อาจจะมีการวางแผนกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว เพื่อให้กระทบมาที่ผม ทั้งนี้ มติสภาสจล.ที่ออกคงไม่ไปฟ้องร้องหรือทำอะไรต่อ เพราะสภาสจล.มีอำนาจตัดสิน " อดีตอธิการบดีสจล. กล่าว
�