
'สถานศึกษาในฝัน'ของเด็กไทย
'สถานศึกษาในฝัน'ของเด็กไทย ผู้บริหารดี-ครูรับฟังความคิดเด็ก : โดย...ชุลีพร อร่ามเนตร
“โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน...” เชื่อว่าเมื่อขึ้นเพลงนี้เมื่อใด ทุกคนมักจะนึกถึงโรงเรียนของตัวเอง ทว่าในปัจจุบันโรงเรียนมีมากมายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนรัฐบาล เอกชน นานาชาติ ขึ้นอยู่กับฐานะทางครอบครัว ความใกล้บ้าน และเหตุผลอีกมากมายของผู้ปกครอง โดยที่ไม่ได้ถามเด็ก ซึ่งเป็นผู้เข้าเรียนว่าเขาต้องการแบบไหน?
ด.ญ.ชยุดา พิทักษ์รักษา นักเรียนชั้นปีที่ 6 โรงเรียนชุมชนวัดไทรน้อย ต้นแบบคนดีศรีแผ่นดิน จ.นนทบุรี 2556 เล่าในงานประชุมวิชาการนานาชาติ “การประกันคุณภาพการศึกษา” ประจำปี 2556 จัดโดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. ถึงสถานศึกษาในฝัน ว่า อยากได้โรงเรียนที่มีห้องเรียนเพียงพอ มีความสะอาด และมีเครื่องมือการเรียนการสอนที่เหมาะสม พร้อมใช้งาน และอยากได้ครูที่มีความรู้ความสามารถ และปฏิบัติงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู ไม่ใช่สนใจแต่ผลงานของตนเอง รวมถึงอยากให้เพื่อนนักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ มีระเบียบวินัย และเคารพปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนที่ตั้งไว้ ผู้บริหารควรมีวิสัยทัศน์ และเชี่ยวชาญ คุณครู ผู้ปกครอง นักเรียนและชุมชนให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ เพื่อพัฒนาเป็นโรงเรียนต้นแบบให้สถานศึกษาอื่นๆ
ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความสำคัญต่อเด็กมาก เรียกว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ของเด็กก็ว่าได้ จะกิน จะนอน จะเรียนก็ต้องมีเทคโนโลยีไว้ข้างกาย พชรพรรษ์ ประจวบลาภ ผู้แทนเครือข่ายยุวทัศน์ กทม.ตัวแทนสถาบันอาชีวศึกษา เล่าว่า สถานศึกษาในฝันควรจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับการใช้ชีวิตของเด็ก นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ มาช่วยกระตุ้นให้เด็กตั้งใจเรียน อยากเรียนรู้ สนุกมากขึ้น โดยต้องมีการควบคุมที่ดี เพราะเทคโนโลยีมีทั้งผลดีและผลเสีย ถ้าไม่ดูแลให้ดี เด็กก็อาจจะสนุกจนไร้ขอบเขต สนใจเรื่องอื่นมากกว่านำมาใช้ค้นคว้าหาความรู้
“สถานศึกษาที่ดี ขึ้นอยู่กับผู้บริหารที่ดี และครูที่ดี ตอนนี้ผู้บริหารส่วนใหญ่มักไม่อยู่โรงเรียน ชอบไปศึกษาดูงานต่างประเทศ อยากให้ดูงานภายในโรงเรียนก่อน การจัดกิจกรรมต่างๆ ควรสอดแทรกการคิดวิเคราะห์ให้แก่เด็กไปพร้อมกับการจัดกิจกรรมวันพ่อ และปลูกฝังให้เด็กระลึกถึงพระคุณของพ่อ ครูต้องเข้าใจเด็ก รับฟังปัญหาของเด็ก ไม่ใช่เอาแต่ช่วยให้ผ่านเลื่อนชั้นไปเรื่อยๆ โดยที่เด็กไม่มีความรู้อะไรเลย ครูที่ดีต้องสะท้อนคุณภาพเด็กให้ได้ รวมถึงควรปลูกฝังเรื่องมารยาท การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะเด็กเก่ง อย่าโอ๋จนพวกเขาขาดการอยู่ร่วม ช่วยเหลือผู้อื่น สร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นไม่เป็น”
สถานศึกษา “ผู้บริหาร ครู นักเรียน” เป็น 3 ส่วนที่ต้องผสมผสานเชื่อมโยงเข้าใจซึ่งกันและกัน ชมพูนุช ศรีสง่า นักเรียนชั้น ม.5 ร.ร.เซนโยเซฟ บางนา การจัดการเรียนการสอนว่า ครูควรเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถาม เสนอแนะ มีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างครูนักเรียน ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้ออกไปแสดงบทบาทสมมุติในเรื่องต่างๆ เพื่อเสนอรายงาน ทำให้ไม่น่าเบื่อ เพราะครูในฝันของ “น้องชมพูนุช” และนักเรียนทุกคนต้องการครูที่เข้าใจเด็ก รับฟังเด็ก ไม่ใช่เอาแต่ติไม่สอบถามนักเรียนถึงสาเหตุ เรื่องราวต่างๆ ให้เด็กได้พูด ได้นำเสนอ และถ้าความคิดเด็กถูก ครูต้องรู้จักขอโทษ และช่วยเหลือเด็ก
ปิดท้ายที่ ชญานนท์ ทัศนียพันธุ์ รองเลขาธิการ สภานักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล เล่าว่า สถานศึกษาในฝันของเด็กหลายคนเชื่อว่าอยากเห็นโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนจริงๆ ที่ให้ทั้งความรู้ ความฝัน เรียน เล่น สนุกในการใช้ชีวิต ไม่ใช่โรงเรียนที่มีแต่กฎระเบียบแต่ครู ผู้บริหารยังไม่ทำตามกฎ เรื่องแรกที่อยากให้มีการปรับ คือ หลักสูตร ระดับประถมศึกษา อยากให้เป็นการเรียนรู้วิชาพื้นฐานทั้งหมด เน้นเรื่องคุณธรรมจริยธรรมเพื่อเป็นพื้นฐานให้เด็กแยกแยะสิ่งไหนถูก สิ่งไหนผิดได้
พอโตขึ้นระดับ ม.ต้น ควรเรียนในเรื่องที่ทำให้เด็กรู้จักค้นหาตัวเองให้เจอ มีการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เรียน เพื่อได้รู้ว่าเขาต้องการอะไรในสิ่งที่อยากเรียนรู้ ส่วน ม.ปลาย สอนระดับสูงขึ้น เพื่อให้มีความรู้มากขึ้น เตรียมพร้อมสู่อุดมศึกษา และระดับอุดมศึกษา ควรมีหลักสูตรที่พัฒนาศักยภาพของผู้เรียน เข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยการจัดการเรียนการสอนเหล่านี้ ผู้บริหาร ครูอาจารย์ หน่วยงานวัดและประเมินผล และนโยบายของรัฐบาลต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนไปในทิศทางด้วยกัน
“ฝากให้ตัวนักเรียน ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ และผู้บริหาร เปิดโอกาสให้เด็กได้คิด ได้เลือก และคอยประคับประคองเขา เพราะเด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบการบังคับ การออกข้อสอบก็ควรเน้นคิดวิเคราะห์ ให้เขาได้ตอบอย่าหลากหลาย ไม่ใช่ตอบตามความต้องการของครู หรือคำตอบจากบทเรียนเท่านั้น” ชญานนท์ กล่าว
......................
('สถานศึกษาในฝัน'ของเด็กไทย ผู้บริหารดี-ครูรับฟังความคิดเด็ก : โดย...ชุลีพร อร่ามเนตร)