แพทย์งัดวิจัยระดับโลกรับรอง"คีเลชั่น" | คมชัดลึก

 นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ประธานอำนวยการบัลวี-ศูนย์ธรรมชาติบำบัด ให้สัมภาษณ์ตอบโต้กรณีคำแถลงของประธานคณะกรรมการคัดกรองศาสตร์แพทย์ทางเลือกที่ออกมาแฉว่า คีเลชั่นมั่ว ไร้หลักฐานวิจัยรองรับในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ ว่า นับเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ถ้าคณะกรรมการคัดกรองศาสตร์แพทย์ทางเลือกจะด่วนสรุปเช่นนั้น เพราะคีเลชั่นใช้รักษาพิษโลหะหนักตั้งแต่ปีค.ศ.1950

 นพ.บรรจบ ชี้แจงต่อว่า ปี ค.ศ.1984 ดร.แครนตัน แพทย์ผู้โดดเด่นและเป็นกรรมการแพทยสภาที่สหรัฐอเมริกาได้เขียนหนังสือวิชาการระดับประชาชนชื่อ ทางลัดเพื่อเลี่ยงบายพาส (Bypassing Bypass) กล่าวถึงผลดีของคีเลชั่นที่ทำให้ลดความจำเป็นของการทำบายพาส หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ไปแล้ว 1.65 แสนเล่มจำหน่ายไปทั่วโลก 

"ในบรรดางานวิจัยที่มีความเชื่อถือสูง ควรเป็นการวิจัยแบบผู้ทดลองและผู้ถูกทดลองต่างก็ไม่รู้ โดยมียาหลอกเป็นตัวเปรียบเทียบ (double blind, placebo controlled) ปีค.ศ.1990 โอลเซเวอร์, ซับบัก และคาร์เตอร์ ได้ตีพิมพ์งานวิจัยแบบนี้ที่พิสูจน์ว่าคีเลชั่นช่วยรักษาอาการขาอ่อนแรง" นพ.บรรจบ กล่าว

 นพ.บรรจบ ยังอ้างถึงผลงานสุดยอดของการศึกษาวิจัยก็คือการศึกษารวบยอด (meta-analysis) คือทบทวนงานวิจัยหลายๆ ชิ้นรวมกัน ปี ค.ศ.1993 แชพเพลและสตาห์ล ตีพิมพ์ผลงานศึกษารวบยอดงานวิจัย 19 ชิ้นผู้ป่วยทั้งหมด 22,765 รายที่มีปัญหาโรคหลอดเลือดตีบ พบว่าคีเลชั่นมีประสิทธิผลรวมที่ดีขึ้น 87%
ส่วนในเรื่องของการควบคุมความปลอดภัยนั้น นพ.บรรจบกล่าวว่า แพทย์คีเลชั่นได้ร่วมกันก่อตั้งเป็นสมาคม อย่างในสหรัฐอเมริกา ดร.แครนตันจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นกรรมการแพทยสภาได้เขียนกำหนดการ ว่าด้วยการให้คีเลชั่นอย่างปลอดภัยและได้ผล จากนั้นเป็นต้นมาสมาคมคีเลชั่นทั่วโลก ก็ดำเนินการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางด้านคีเลชั่น

 "แต่ที่น่าแปลกใจคือคณะกรรมการคัดกรองศาสตร์แพทย์ทางเลือก ที่แต่งตั้งโดยอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก เมื่อธันวาคม 2551 คณะกรรมการชุดนี้จู่ๆ ก็แถลงข่าวในเชิงลบล้างผลงานของกรมตัวเองที่ดำเนินงานมากว่า 2 ปีแล้วอบรมแพทย์คีเลชั่นมากว่า 200 คน ชาวบ้านตาดำๆ ก็งงเป็นไก่ตาแตกสิครับ" นพ.บรรจบ กล่าวในที่สุด