ไลฟ์สไตล์

ตามติดชีวิตนางรำ มีงาน-มีเงิน-มีภูมิใจ

ตามติดชีวิตนางรำ มีงาน-มีเงิน-มีภูมิใจ

21 ต.ค. 2556

ตามติดชีวิตนางรำ มีงาน-มีเงิน-มีภูมิใจ : สุพินดา ณ มหาไชย / ชุลีพร อร่ามเนตร ... รายงาน

 

                          "ถ้าไม่เรียนนาฏศิลป์ แล้วจะเรียนอะไร แล้วต่อไปจะใช้โคโยตี้รับแขกบ้านแขกเมืองเหรอ" คำถามดิบๆ จากนายรำหนุ่มคนหนึ่งของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์  เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่า "นาฏศิลป์" ผิดตรงไหน ทำไมจะต้องลดพื้นที่วิชานี้ลง ทั้งๆ ที่หลักสูตรปัจจุบัน ก็ให้ ที่ยืน วิชานาฏศิลป์น้อยนิดอยู่แล้ว เด็กๆ มีโอกาสเรียนรำไทยแค่สัปดาห์ละ 1 คาบเท่านั้น

                          แม้ภายหลัง กระทรวงศึกษาธิการ จะออกมายืนยันว่า ในร่างหลักสูตรใหม่นั้นไม่มีการถอดวิชานาฏศิลป์ออก แต่ลดฐานะไปอยู่เป็น วิชาเลือก ในระดับมัธยมศึกษา จะเป็นวิชาบังคับแค่ระดับประถมศึกษาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เหล่านางรำนางรำพวกเขาก็ยังไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ เพราะพวกเขาเห็นว่า วิชานี้มี คุณค่า ในหลายมิติ และชีวิตในเส้นทางนาฏศิลป์ของเขาก็มีความสุขเกินกว่าอีกหลายๆ เส้นทาง 

                          ภคินี ดวงพัตรา  หรือ หนุงหนิง นักศึกษาปี 4 สาขานาฏศิลป์ไทยศึกษา คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ บอกว่า ชีวิตประจำวันของนักเรียนนาฏศิลป์ส่วนใหญ่ จะเริ่มต้นด้วยการเรียนในชั้นเรียนตามปกติ หลังจากนั้นในช่วงบ่าย หรือหลังเลิกเรียน หนุงหนิง และนักเรียนนาฏศิลป์ส่วนใหญ่ จะเดินสายรับ งานแสดง ที่ติดต่อเข้ามาผ่านทางสถาบันหรือติดต่อมาโดยตรง อย่างวันที่คมชัดลึกไปสัมภาษณ์ หนุงหนิง และเพื่อนๆ ร่วมชั้นอีก 20 ชีวิต ต้องไปรับงานแสดงในงานเลี้ยงรับรองของวุฒิสภาที่โรงแรมดุสิตธานี

                          หนุงหนิง บอกว่า งานแสดงมีเข้ามาไม่ขาดสายตั้งแต่ปี 1 นักเรียนนาฏศิลป์ส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยได้เดือดร้อนเงินทางบ้าน พวกเขาหาเงิน เกินพอ ส่งตัวเองเรียน หนุงหนิง บอกว่า เคยทำรายได้สูงสุดเกือบ 5 หมื่นบาทต่อเดือน และยังมีโอกาสได้รับงานในต่างประเทศบ่อยครั้ง หนุงหนิง ก็เดินสายมาแล้วทั้งเอเชีย ยุโรป สแกนดิเนเวีย อเมริกา หรือ ออสเตรเลีย

                          อย่างไรก็ตาม สำหรับนางรำนายรำแล้ว คุณค่า สำคัญไม่ได้อยู่ที่ ตัวเงิน หรือ โอกาสไปนอก แต่อยู่ที่ ความภาคภูมิใจ ในอาชีพที่มีเกียรตินี้

                          "การเรียนนาฏศิลป์นั้น นอกจากการเรียนในห้องเรียนแล้ว ยังมีรายได้เสริมระหว่างเรียน มีงานแสดงทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเราก็ได้ไปเผยแพร่วัฒนธรรมด้วยวิชาที่เราเรียนมา ที่สำคัญเราได้รำรับใช้พระบรมวงศานุวงศ์ และได้รำต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองต่างๆ ถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้มีวิชานาฏศิลป์ไว้ มิฉะนั้นแล้ว เด็กก็จะไม่รู้ว่าเรามีรากเหง้ามาจากไหน แต่ถ้าเป็นวิชาเลือกแล้ว ก็คงไม่มีใครสมัครใจมาเรียน" เกษม ศรีสมบูรณ์  หรือ เต๋า  ช่วยออกความเห็นเสริม

                          หนุงหนิง  ส่งท้ายว่า ไม่เคยเสียใจที่เลือกเรียนนาฏศิลป์ วิชาชีพนี้ทำให้เธอและเพื่อนๆ เลี้ยงตัวเองได้ตั้งแต่ในวัยเรียน ขณะที่เรียนสาขาอื่นอาจไม่มีโอกาส หนุงหนิง ตอบอย่างมั่นใจว่า ชีวิตนางรำ คือ ชีวิตที่ใช่สำหรับเธอ "หนูรู้สึกว่า พระเจ้าให้หนูเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ หนูมีความสุขที่ได้รำ อยากรำตลอดเวลา  ไม่ว่าจะนั่ง จะเดิน อยากรำตลอด ซึ่ง ณ จุดนี้ ทำให้หนูมีโอกาสที่ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และอนาคตหนูก็อยากไปเป็นครูนาฏศิลป์ อยากเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อศิลปวัฒนธรรมไทย"

                          พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ คณบดีคณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ บอกว่า แม้ ศธ.ออกมาบอกว่า ไม่ได้ถอดวิชานาฏศิลป์ออกจากร่างหลักสูตรใหม่ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจน ไม่เหมือนหลักสูตรปัจจุบันที่กำหนดให้วิชานาฏศิลป์ เป็น 1 ใน 3 สาระหลักของกลุ่มวิชาศิลปศึกษา ที่สำคัญร่างหลักสูตรใหม่กำหนดใหวิชานาฏศิลป์เป็นวิชาเลือก มีแนวโน้มสูงว่าจะไม่มีใครเลือกเรียน

                          "ขอได้มั้ยแค่สัปดาห์ละ 1 คาบเอง ไม่ได้มากมายเลย ให้เป็นวิชาบังคับเหมือนเดิม เพื่อให้เด็กไทยได้มีโอกาสเรียนรู้รากเหง้า ศิลปวัฒนธรรมไทย"
 พิมณภัทร์ กล่าว

                          หนุงหนิง บอกว่า วิชานาฏศิลป์ ไม่ได้ทำให้เด็กโง่หรือฉลาดขึ้น แต่กล่อมเกลาให้ผู้เรียนมีความสงบ เยือกเย็นขึ้น ถ้าตัดวิชานี้ออกไปก็เหมือนตัดวิชาจริยธรรมออกไป แล้วต่อไปเด็กไทยจะเป็นอย่างไร เมื่อเขาไม่ได้ถูกขัดเกลา ปลูกฝังคุณค่า คุณธรรม

 

 

----------------------

(ตามติดชีวิตนางรำ มีงาน-มีเงิน-มีภูมิใจ : สุพินดา ณ มหาไชย / ชุลีพร อร่ามเนตร ... รายงาน)