ไลฟ์สไตล์

"เจวีพี 80" กล้ายางพันธุ์ใหม่
ฝีมือนักวิจัยชาวบ้านเมืองตรัง

"เจวีพี 80" กล้ายางพันธุ์ใหม่ ฝีมือนักวิจัยชาวบ้านเมืองตรัง

16 มิ.ย. 2552

แม้ภารกิจในการผลิตกล้าพันธุ์ยางพารา 90 ล้านต้น ตามโครงการขยายพื้นที่ปลูกยางพารา 1 ล้านไร่ในพื้นที่ 36 จังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพืช จำกัด (ซีพีเอส) เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) จะจบโครงการไปแล้ว

 แต่ทางซีพีเอส ได้มีนโยบายชัดเจนที่ยังคงดำเนินการผลิตกล้ายางชำถุงต่อไป พร้อมๆ กับการพัฒนากรรมวิธีใหม่ๆที่เกี่ยวข้องเพื่อต้องการพัฒนาคุณภาพของน้ำยางดิบ ล่าสุด ได้ทำการผลิตกล้ายางพาราพันธุ์ "เจวีพี 80" (JVP80) ซึ่งเป็นกล้ายางที่เกษตรกรจาก อ.ปะเหลียน จ.ตรัง มีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมา มีคุณสมบัติเด่นคือให้ผลผลิตสูง อายุการกรีดได้นานถึง 35 ปี

 นายมนตรี  คงตระกูลเทียน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) บอกว่า ตอนนี้การผลิตกล้ายางพาราตามโครงการขยายพื้นที่ปลูกยางพารา 1 ล้านไร่ในพื้นที่ 36 จังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ได้จบสิ้นแล้ว แต่ทางบริษัทซีพียังคงดำเนินการผลิตกล้ายางชำถุงต่อไป เนื่องจากเห็นว่ายางพาราถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพและทำรายได้ที่มั่นคงแก่เกษตรกร รวมถึงประเทศชาติด้วย ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ส่งออกยางพารามากที่สุดในโลก

 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันต้องยอมรับว่าการพัฒนาพันธุ์ยางพาราของไทยยังล้าหลังเพื่อนบ้านอย่างประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้พัฒนายางพารา อาร์อาร์ไอเอ็ม 3000 (RRIM3000)แล้ว ด้วยเหตุนี้ทางซีพี จึงมีการพัฒนากรรมวิธีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อต้องการพัฒนาคุณภาพของน้ำยางดิบให้มีมาตรฐานสูง อย่างล่าสุดทาง ซีพีเอส ได้ทำการผลิตกล้ายางพาราคุณภาพพันธุ์ "เจวีพี 80" (JVP80) ซึ่งเป็นกล้ายางที่เกษตรกรจาก อ.ปะเหลียน จ.ตรัง มีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมา

 คุณสมบัติเด่นเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ทั่วไปคือ ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ยไร่ละ 500 กก.ต่อปี ขณะที่ยางพาราทั่วไปให้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 300 กก.ต่อปี นอกจากนี้น้ำยางมีความเข้มข้นสูงเฉลี่ย 40-45% ขณะที่ยางพาราพันธุ์ทั่วไปอยู่ที่ 32-36%  การเจริญเติบได้ดีมีใบขนาดใหญ่ และจำนานมากสีเขียวเข้มสามารถสังเคราะห์แสงได้ดี ที่สำคัญเวลาเปิดกรีดได้เร็วเพียง 6 ปีเท่านั้น ขณะที่ยางพาราพันธุ์ทั่วไปต้องมีอายุ 7 ปี อายุการกรีดได้ถึง 35 ปี โดยที่ยางพาราพันธุ์ทั่วไปให้น้ำยางได้ 25 ปีเท่านั้น

 "ที่จริงสายพันธุ์นี้มีมานานแล้ว อย่าง ลุงชิ้น จาก จ.ตรัง เป็นคนพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมา และลุงชิ้นปลูกมา 34 ปีแล้ว ทุกวันนี้น้ำยางก็ยังออกอยู่ แต่ไม่มีการขยายสู่ตลาด ตอนนี้ต้นแม่พันธุ์ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการแล้ว ผมว่าสายพันธุ์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งความหวังของเกษตรกรที่จะทำสวนยางพารา ซึ่งปีนี้ทางเราสามารถผลิตกล้าชำถุงพันธุ์ เจวีพี 80 ตามโรงเรือนทั้ง 6 แห่งทั้งที่ จ.เชียงราย พะเยา กำแพงเพชร เลย อุดรธานี และบุรีรัมย์ได้ 4 แสนต้น แต่มียอดจองแล้ว 3 แสนต้น ปีหน้า (ปี 2553) เราอาจจะผลิตได้ถึง 1 ล้านต้น" นายมนตรี กล่าว

 ด้านนายชิ้น  เกษตรกรวัย 72 ปี จาก อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งพัฒนายางพาราพันธุ์เจวีพี 80  บอกว่า มีอาชีพทำสวนยางพารามาตลอด จึงทำให้เขาพยายามสรรหากล้ายางพันธุ์ดีๆ มาปลูกจากหลายพื้นที่ กระทั่งพบว่ามีสายพันธุ์หนึ่งดีที่สุดคือ เจวีพี 80 ที่ให้ผลผลิตน้ำยางสูง ที่สำคัญปัจจุบันในสวนของเขาปลูกยางพาราพันธุ์ดังกล่าวมา 34 ปี กรีดรอบที่ 4 แล้ว แต่สภาพของเปลือกต้นยังดี หนา ให้น้ำยางปกติ  ขณะที่ยางพาราทั่วไปที่นิยมปลูกในปัจจุบัน กรีดได้เพียง 2 รอบเท่านั้น และเมื่อต้นยางพารากรีดถึง 25 ปีต้องโค่นต้นปลูกใหม่

 ก็นับเป็นพันธุ์ยางพาราอีกสายพันธุ์  ที่เป็นทางเลือกของเกษตรกรที่คิดว่าจะทำสวนยางพาราในอนาคต แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นเกษตรกรควรศึกษาให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจว่า จะเลือกยางพาราสายพันธุ์ใดที่เหมาะกับพื้นที่ของตัวเอง

"ดลมนัส  กาเจ"