
วิจัยพบสารออกฤทธิ์'เนระพูสีไทย'
ทำมาหากิน : วิจัยพบสารออกฤทธิ์ 'เนระพูสีไทย' มฟล.เตรียมต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ : โดย...สุรัตน์ อัตตะ
สมุนไพรไทยหลายชนิดมีสรรพคุณทางยาที่เป็นมรดกจากภูมิปัญญา จนได้รับการต่อยอดมาเป็นผลิตภัณฑ์หลังผ่านกระบวนการทดสอบและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หนึ่งในนั้นก็คือ เนระพูสีไทย หรือว่านค้างคาว ที่มีสรรพคุณทางยาสารพัด จนทีมนักวิจัยจากสำนักวิชาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ภายใต้การนำของ ผศ.ดร.ไชยยง รุจนเวท ได้ทำการศึกษาวิจัยสารสกัดจากเนระพูสีไทย หรือว่านค้างคาว จนประสบผลสำเร็จ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ก่อนนำมาเป็นสารตั้งต้นในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในการรักษาการอักเสบของร่างกาย
"ใช้เวลาเกือบ 10 ปี ในการศึกษาวิจัยหาสารออกฤทธิ์ของเนระพูสีไทย หรือที่เรารู้จัก ว่านค้างคาว จนมาทำเป็นน้ำบรรจุขวดและเจลเพื่อใช้ในการทาแก้อักเสบของร่างกาย"
ผศ.ดร.ไชยยง รุจนเวท อาจารย์สำนักวิชาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ย้อนที่มาของผลิตภัณฑ์สารสกัดจากว่านค้างคาว หรือเนระพูสีไทย ที่นำมาจัดแสดงในมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2556 (Thailand Research Expo 2013) เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา หลังใช้เวลาศึกษาวิจัยสมุนไพรชนิดนี้มาเกือบ 10 ปี โดยต่อยอดมาจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่คนโบราณมักนำสมุนไพรชนิดนี้มาใช้เป็นยาระงับอาการเจ็บปวดตามร่างกาย
"ปวดก็คืออาการอักเสบนั่นแหละ การปวดมี 2 แบบ คือ เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อและเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาท อันนี้จะปวดรุนแรงมาก แต่เดิมชาวบ้านจะนำสมุนไพรชนิดนี้มาใช้เป็นยารักษาระงับอาการเจ็บปวด โดยนำเอาเหง้ามาซอยเป็นชิ้นเล็กๆ บดเป็นผงละเอียดนำมาละลายในน้ำต้มเดือด แช่ทิ้งไว้พออุ่นแล้วใช้ผ้าขนหนูชุบมาประคบไว้บริเวณที่มีอาการอักเสบ จากนั้นอาการก็ค่อยๆ หายเป็นปกติ"
นักวิจัยคนเดิมเผยต่อว่า วิธีการแบบนี้คนทั่วไปนำไปใช้ยาก จึงนำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ ด้วยการผลิตเป็นน้ำบรรจุขวดเป็นครั้งแรก โดยไม่มีการแต่งสีแต่งกลิ่น ก่อนพัฒนามาเป็นเจลบรรจุขวดเสริมด้วยการแต่งสีและกลิ่นเป็นสิ่งดึงดูดใจของผู้ใช้และนำมาใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น ในขณะที่สรรพคุณทางยาก็ไม่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด
"วิธีการใช้คือ ทาบริเวณที่เกิดการอักเสบ ตัวยาก็จะซึมเข้าไปในผิวหนัง ที่สำคัญยาตัวนี้มันมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียได้ด้วย สามารถแก้สิวได้ ลูกศิษย์เอาไปใช้ชอบใจกันมาก แต่หากนำเทคโนโลยีแบบนี้ไปส่งเสริมชาวบ้านคงทำไม่ได้ ต้องทำในเชิงธุรกิจน่าจะเหมาะกว่า ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว เพียงหาผู้ประกอบธุรกิจที่สนใจนำไปผลิตในการค้าเท่านั้น"
ผศ.ดร.ไชยยง ย้ำด้วยว่า สรรพคุณทางยาของเนระพูสีไทยไม่ใช่แค่การทาแก้อาการอักเสบเท่านั้น แต่ยังมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตและรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ด้วย โดยมีข้อดีเมื่อรับประทานจะไม่เกิดการระคายเคืองเป็นแผลในกระเพาะอาการเหมือนการรับประทานยาแก้อักเสบทั่วไป ซึ่งผลการวิจัยได้การทำสำเร็จแล้ว เพียงแต่ผลงานชิ้นนี้ยังไม่สามารถต่อยอดในเชิงธุรกิจได้ เพราะต้องผ่านการรับรองจาก อย.ก่อน
สำหรับเนระพูสีไทย หรือว่านค้างคาว ว่านหัวฟ้า มังกรดำ ดีปลาช่อน แล้วแต่จะเรียก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Tacca chantrieri Andre จัดอยู่ในวงศ์ TACCACEAE เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี เติบโตได้ดีในดินร่วนที่ชุ่มชื้นแต่ต้องระบายน้ำได้ดี ไม่ขังแฉะ ควรปลูกในที่แดดรำไร รดน้ำเช้าและเย็น ใบรูปขอบขนานถึงรูปใบหอกกว้าง 6-18 ซม. ยาว 20-60 ซม. ปลายใบแหลม ก้านใบยาวประมาณ 15-30 ซม.
ดอกออกเป็นช่อมี 1-3 ช่อ ยาวได้ถึง 70 ซม. แต่ละช่อมี 4-25 ดอก ลักษณะคล้ายค้างคาวบิน กลีบประดับมี 2 คู่ ไร้ก้าน สีม่วงแกมเขียวถึงสีม่วงดำ คู่นอกรูปไข่ ยาวประมาณ 6 ซม. คู่ใน ยาว 7-14 ซม. กลีบรวมติดเป็นหลอดสั้นๆ ปลายแยกเป็น 6 กลีบ เรียง 2 วง สีม่วงน้ำตาล รูปใบหอก ยาวประมาณ 0.5-1.2 ซม. ก้านดอกยาว 2-3.5 ซม. ผลรูปขอบขนานแกมสามเหลี่ยม มีสันเป็นคลื่นตามยาว สีน้ำตาลม่วง เย็น ขยายพันธุ์โดยการแยกเหง้าหรือเพาะเมล็ด สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อสำนักวิชาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง หรือ ผศ.ดร.ไชยยง รุจนเวท 08-9755-6711 ในวันและเวลาราชการ
-----------------------
(ทำมาหากิน : วิจัยพบสารออกฤทธิ์ 'เนระพูสีไทย' มฟล.เตรียมต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ : โดย...สุรัตน์ อัตตะ)