
สวนกุหลาบฯ-ราชวินิตประถมปิดเรียน3วัน
สธ.ยันมีคนไทยป่วยหวัดเพิ่ม 44 พุ่งเป็น 150 ราย ขณะที่ ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย-ราชวินิตประถม-สตรีวิทยา 3 ปิดเรียน 3 วัน ผู้เชี่ยวชาญโรคเด็กรุดตรวจสอบผู้ป่วยที่ รพ.ปทุมธานี พบเด็กติดเชื้ออาการดีขึ้น แนะผู้เริ่มมีอาการพักผ่อนอยู่บ้าน สวนดุสิตโพลสำรวจพบส่วนใหญ
นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในวันนี้ผลการตรวจวิเคราะห์ได้ยืนยันพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่ม 44 ราย จากเมื่อวานนี้ที่มีการรายงานอยู่ที่จำนวน 106 ราย ทำให้ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั้งสิ้น 150 ราย โดยใน 44 รายที่รายงานเพิ่มเติมนั้น 29 เป็นผลแล็บของนักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยามหิดล เด็กนักเรียนเซนต์คาเบรียล และเด็กนักเรียนอนุบาลปทุมธานี ที่ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจก่อนหน้านี้ และที่เหลือเป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตามในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่ยังคงพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 4 ราย เน่องจากพ่อแม่เป็นห่วงและอยากให้แพทย์ดูแลใกล้ชิด
โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ หากคนที่ได้รับเชื้อแล้วร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันโรคไปตลอดชีวิต และในจำนวนผู้ป่วยร้อยละ 95 สามารถหายป่วยเองได้ ซึ่งไม่น่ากังวล เพียงแต่ต้องเฝ้าระวังผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น คือ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ 65 ปี ขึ้นไป ตลอดจนผู้ป่วยโรคเรื้องรัง เช่น โรคหัวใจ วัณโรค ความดันโลหิตสูง เป็นต้น โดยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มีอัตราการตายต่ำมากเพียงแค่ 0.1 เท่านั้น ต่างจากโรคซาร์สที่อัตราการตายร้อยละ 80 ขณะที่โรคไข้หวัดนกมีอัตราการตายที่ร้อยละ 60
ในประเทศสหรัฐฯ หลังจากที่มีการแพร่ระบาดและพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จำนวมาก มีการติดตามตรวจภูมิคุ้มกันในร่างกายของกลุ่มช่วงอายุต่างๆ ซึ่งพบว่า ในกลุ่มเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปี ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เลย กลุ่มอายุ 19-60 ปี วัดภูมิคุ้มกันต่อโรคไข้หวัดใหญ่ร้อยละ 6-9 ขณะที่กลุ่มที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป วัดภูมิคุ้มกันได้ถึงร้อยละ 33 ทั้งนี้เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่ผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่มาแล้วในอดีตเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ทำให้มีภูมิคุ้มกันต่อโรค
“ขณะนี้อยากให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เพราะไม่มีความรุนแรง และไม่แตกต่างจากโรคไข้หวัดตามฤดูกาล ซึ่งยังมีโรคอื่นๆ ที่ต้องช่วยการเฝ้าระวัง เพียงแต่อยากให้ประชาชนช่วยกันรักษาและดูแลสุขภาพตนเอง ซึ่งจะเป็นภูมิต้านทางโรคได้ดี ไม่เพียงแต่โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เท่านั้น แต่รวมถึงโรคอื่นๆ ด้วย ” ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
สวนกุหลาบวิทยาลัย-ราชวินิตประถมปิดเรียน3วัน
ขณะที่ ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย ได้แจ้งปิดเรียนตั้งแต่วันที่ 15-17 มิ.ย.นี้ เพื่อทำความสะอาดป้องกันการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังพบว่ามีนักเรียนป่วยด้วยโรคดังกล่าว 2 ราย ด้าน ร.ร.ราชวินิตประถม พบนักเรียนติดเชื้อ 1 ราย จึงสั่งปิดเรียน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-17 มิ.ย.นี้ ขณะที่โรงเรียนนวมินทราชูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล (สตรีวิทยา 3) ก็สั่งปิด 3 วันตั้งแต่วันที่ 15-17 มิถุนายนเช่นกัน เพื่อเป็นมาตรการป้องกัน โดยระหว่างปิดการเรียนการสอน ได้ติดต่อทาง ก.สาธารณสุข และ กทม. เข้าไปทำความสะอาดในโรงเรียนด้วย
เด็กปทุมธานีตัดหวัดอาการดีขึ้น
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 14 มิ.ย.52 นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้เชี่วยชาญโรคเด็ก ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังโรงพยาบาลปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี เพื่อตรวจเยี่ยมอาการของเด็กนักเรียนที่ติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยได้มีการสั่งการให้คณะแพทย์ดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่
นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ กล่าวว่า วันนี้คณะของเราซึ่งมาจากกรมการแพทย์ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลในเรื่องการรักษาผู้ป่วยโดยตรง ซึ่งเราได้รับรู้ว่าที่จังหวัดปทุมธานี มีการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กนักเรียน2-3 กลุ่ม ซึ่งก็ได้สร้างความตกอกตกใจให้กับประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งตอนนี้เราก็ทราบกันแล้วว่าโรคนี้มันระบาดกว้างขวางขึ้น ไม่ใช่ในเฉพาะประเทศไทยเท่านั้นแต่มันแพร่ระบาดไปทั่วโลก แต่ที่เรารู้ละเข้าใจคือโรคนี้ค่อยข้างอาการน้อย และความรุนแรงก็เทียบเท่าไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเราคงสามารถรับมือได้
"อยากเรียนฝากไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองใน 2 ประเด็นคือ ถ้าลูกหลานเจ็บป่วย ก็ไม่ต้องไปเรียนหนังสือ ถึงแม้ว่าจะป่วยเล็กๆน้อยก็ขอให้อยู่บ้าน ถ้าป่วยเยอะก็มาหาหมอได้ ส่วนคนที่ไม่ป่วยหรือป่วยเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาล ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าเป็นเชื้ออะไรขอให้พักผ่อนอยู่ที่บ้านเท่านั้น ซึ่งจังหวัดปทุมธานีนั้นถือเป็นจังหวัด 1 ใน 2 นอกจากกรุงเทพมหานครที่มีการแพร่ระบาด ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วว่าปัญหาของโรคระบาดใหม่นี้มันไม่น่ากลัว และมักจะติดเชื้อในหมู่เด็กนักเรียน"
นพ.ภูกฤษ เวชศักดา สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เด็กที่รับมาจำนวน 17 รายนั้น ส่วนใหญ่ก็มีอาการดีขึ้น ไม่มีภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด ซึ่งเราก็ได้ให้การดูแลรักษาอย่างเต็มที่ โดยสามารถให้กลับบ้านไปได้แล้ว 2 ราย และยังไม่พบว่ามีคนไข้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
กทม.สั่ง ร.ร.ในสังกัดทำความสะอาดป้องกัน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกโรงเรียนในสังกัด 435 แห่ง ร่วมกันทำความสะอาด อาทิ การทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ล้างพื้น และทำความสะอาดห้องสมุด ในวันที่ 13-14 มิถุนายน รวมถึงจะทำความสะอาดวัดทั่วกรุงเทพมหานคร กว่า 441 แห่ง ในวันที่ 4-6 กรกฎาคม เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานคร จะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เชิญผู้ประกอบการแต่ละประเภท อาทิ สถานศึกษา โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า เข้าร่วมประชุมเพื่อให้ความรู้ รวมถึงวิธีการป้องกันตนเอง เกี่ยวกับการป้องกันโรค ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้
สวนดุสิตโพลสำรวจพบส่วนใหญ่ป้องกันตัวเอง
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ทำการสำรวจความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยสุ่มกระจายตามภูมิภาค 24 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 3,179 คน ระหว่างวันที่ 10-13 มิถุนายน 2552 พบว่า
ร้อยละ 41.59 ค่อนข้างวิตกกังวลกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพราะแพร่ระบาดรวดเร็ว, มีลูกหลานอยู่ในวัยเรียน ฯลฯ รองลงไปร้อยละ 39.76 วิตกมาก เพราะมีผู้ติดเชื้อกระจายอยู่ในหลายจังหวัด, ติดต่อง่าย, กลัวลูกหลานติดเชื้อ ฯลฯ และร้อยละ 18.65 ไม่ค่อยวิตก เนื่องจากเห็นว่าเป็นโรคที่รักษาหายได้
ส่วน 5 อันดับความวิตกกังวลของคนไทยต่อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีดังนี้ ร้อยละ 32.18 มีลูกหลานต้องไปโรงเรียน กลัวติดเชื้อ ร้อยละ 29.98 แยกไม่ออกระหว่างเป็นไข้หวัดธรรมดากับไข้หวัด 2009 ร้อยละ 22.46 แพร่ระบาดรวดเร็วมากในประเทศไทย ร้อยละ 11.07 ไม่ค่อยรู้ข้อมูลในการป้องกันและรักษา และร้อยละ 4.31 กลัวว่าถ้าเกิดติดเชื้อไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไร? จึงจะปลอดภัย
สำหรับคำถามในการสำรวจว่าคนไทยรู้เรื่องวิธีการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มากน้อยเพียงใดพบว่าร้อยละ 47.09 ตอบว่าพอรู้บ้างจากโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ รองลงไปร้อยละ 30.07 ระบุว่าไม่ค่อยรู้ เพราะไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารของโรคนี้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, ไม่ค่อยได้สนใจเพราะไม่มีเวลา ฯลฯ มีร้อยละ 12.80 ตอบว่าไม่รู้เลย เพราะไม่รู้จะหาวิธีการป้องกันจากแหล่งใด มีเพียงร้อยละ 10.04 ตอบว่ารู้ดี เพราะทำงานที่เกี่ยวข้อง, สนใจเพราะมีลูกหลานที่ต้องไปโรงเรียน ได้รับข้อมูลจากโรงเรียน ฯลฯ อย่างไรก็ตาม พบว่าคนไทยค่อนข้างสนใจที่จะป้องกันตนเองจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เกินครึ่งคือร้อยละ 52.32 เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก แพร่เชื้อหรือติดเชื้อได้ง่ายและรวดเร็ว มีร้อยละ 42.21 สนใจมาก เพราะมีลูกหลานไปโรงเรียนกลับติดเชื้อ และมีเพียงร้อยละ 5.47 ที่ตอบว่าไม่ค่อยสนใจเพราะอยู่ในเขตชนบทไม่แออัดคงไม่ติดเชื้อง่าย
ส่วนวิธีป้องกันและระวังตนเองของผู้ที่สำรวจครั้งนี้เห็นว่ามากที่สุดร้อยละ 31.90 คือ ลดการเข้าไปบริเวณที่มีคนมากและคนอยู่อย่างแออัด รองลงไปคือ รักษาความสะอาดโดยเฉพาะล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงคนที่เป็นไข้หวัด ไอ จาม ดูแลสุขภาพไม่ให้เป็นหวัด ติดตามข่าวสาร /ศึกษาการป้องกัน
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างครั้งนี้ยังเสนอแนะต่อการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่าอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรออกสมุดปกขาวกระจายเผยแพร่ความรู้ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงโดยเฉพาะในเขตชนบท ควรมีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกไปรณรงค์โรคนี้โดยเฉพาะในย่านชุมชน เช่น ตลาด, ท่ารถ ฯลฯ หน่วยราชการควรแจกจ่ายยาแก้ไข้หวัดทั้งยาไข้หวัดธรรมดาและยาไข้หวัด 2009 สื่อมวลชนโดยเฉพาะโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ควรรณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง และประชาชนทุกคนต้องช่วยกันรักษาสุขภาพและความสะอาดเพื่อไม่ให้เป็นที่แพร่เชื้อโรคไข้หวัด 2009