
ศิลป์แห่งแผ่นดิน : นกเพลงรำพึง
ศิลป์แห่งแผ่นดิน : นกเพลงรำพึง : โดย...ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
ในบรรยากาศ อันตลบอบอวลด้วยละอองมลพิษแห่งความขัดแย้ง ทางการเมืองของผู้คนในสังคม ดูผาดเผิน ก็ดั่งแบ่งเป็นสองฝ่าย แต่หากดูอย่างเข้าใจก็จะเห็นความจริงของความทุกข์ ความเจ็บปวด รวดร้าว บ้างแบ่งฝ่าย เป็นฝ่ายถูกกับฝ่ายผิด ฝ่ายดีกับฝ่ายชั่ว แบ่งแบบนี้ก็ย่อมฝ่ายตนคือฝ่ายถูก ฝ่ายดี ฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายชั่ว ฝ่ายเลวบ้างแบ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตย กับฝ่าย(ฝักใฝ่เป็นทาสรับใช้ สนับสนุน) เผด็จการ
วงการวรรณกรรมของเราก็ไม่พ้นการแบ่งฝ่ายแบ่งสี ถามว่าใครเป็นผู้จำแนกแยกแบ่ง จะมีใครล่ะครับ ก็ฉัน ก็เธอ ก็เขา ก็พฤติกรรม วจีกรรม กายกรรมของเรา ที่พูดที่เขียน ที่แสดงออก
แต่อย่างไรแวดวงวรรณกรรมก็น่ารัก จะขัดจะแย้งจะตอบโต้ต่อปากต่อคำ ต่อปากกา ต่อข้อเขียน หรือปะทะคารมกัน ก็เป็นไปแบบ “ปัญญาชน” มี “ปนยาชัน” บ้าง มีบาดหมางเล็กๆ มีบาดเจ็บบ้าง ไม่ถึงปางตาย เท่าที่เห็นก็แค่ กระแนะกระแหน หยามเหยียด เสียดเย้ย หมิ่นแคลนสั่งสอน อะไรประมาณนี้ มีบ้างที่ยัดเยียดตำแหน่งแห่งที่ เป็นต้นว่า “เลียตีนเผด็จการ” เป็น “ขี้ข้า” “ไม่นำพาต่อบ้านเมือง” “แทงกั๊ก” “รับใช้ทุน” “ไร้เดียงสา”
บางทีแม้ไม่สถาปนาตนเอง ก็อาจมีคนสถาปนาเรา เช่น ให้เราเป็นกวีศรีประชาชน กวีศรีแผ่นดิน เป็นนักเขียนฝ่ายธรรมะ หรือฝ่ายอธรรม
ฝ่ายคนรากหญ้า ฝ่ายตรงข้ากับประชาชน ก็สุดแต่ความคิดอารมณ์จะประสมจินตนาการณ์ ใครเป็นใครก็ดูกันเอา เราก็ดูเขา เขาก็ดูเรา และเราก็ดูตัวเอง ดูไปในบรรยากาศอันตลบอบอวลด้วยฝุ่นละอองธุลีเช่นนี้
แม้ไม่ประกาศสี ก็อาจมีคนทาสีให้ จะว่าไปก็เป็นไปตามกรรมของแต่ละคนนั่นแล สุดแต่ใครจะ “กำ” อันใดไว้ก็ลองแบออกมาดูเถิด
ที่บ่นรำพึงมานี้ ก็เนื่องด้วยบรรยากาศ ของประเทศชาติเรามันอึมครึม เกิดวิตกจริตอยู่เนืองๆ ว่าประเทศเราจะเกิดวิกฤติในภายหน้า แบบบางประเทศที่เราได้รับรู้ ผมดู “อารมณ์” ของผู้คนในสังคมที่ “ฝักฝ่าย” แล้ว รู้สึกหวาดเสียว ความเกลียดชังถูกปลุกเร้าขึ้น จนอุณหภูมิสูงขึ้นทุกที จนแม้คนส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนใหญ่ก็ถูกรุกเร้า ตั้งข้อหาว่าเป็น “ไทยเฉย”
ในกลุ่มคน “ทำเพลง” เล็กๆ เราคุยกันว่าจะเขียนเพลงขึ้นคนละเพลง เพื่อแสดงออกถึงความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมือง ต่อชะตากรรม ร่วมกันที่เราอาจต้องเผชิญวิกฤติประเทศ จนแล้วจนรอดผมก็ยังรู้สึกอับจนถ้อยคำ อาจเป็นเพราะตนเองก็เป็นเพียงคนคนหนึ่ง ซึ่งยังต้องเรียนรู้ ต้องเฝ้าดู เฝ้าคิด พิจารณา
ไม่ว่าใครจะเอ่ยคำใดออกมาในยามนี้ ก็จะต้องถูก ฉุด ดึง หรือผลักรุน ให้ไปอยู่ในตำแหน่งแห่งที่ของความถูก ผิด ดี ชั่ว เกลียด รัก ชัง ชอบ
แม้แต่เพลงของเราหากเปล่งเสียงออกมา ก็ยังอาจถูกผลักให้เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งก็เป็นได้หรือไม่ก็เป็นเพียงอาการฟูมฟายในความเวิ้งว้าง
ผมเองเฝ้าดูความบาดหมางระหว่างผู้คน ระหว่างบางคน บางกลุ่ม บางที รู้สึกว่าเราเกลียดชังกันโดย “ปรุงแต่ง” แท้ๆ ไม่ว่าเราจะเกลียดใคร หรือเราถูกใครเกลียดชัง หากพิจารณาดีๆ บางกรณีไม่สมควรแก่เหตุเลย เพราะ “ใจเบา” ไปแท้ๆ หลงล่องลอยไปในเล่ห์กลแห่งตรรกะหาทางกลับไม่เจอ
“ศัตรูของฉันไม่ใช่เธอ ศัตรูของเธอไม่ใช่ฉัน
เราไม่ใช่ศัตรูของกันและกัน ศัตรูอยู่ที่ไหน
มนุษยชาติเข่นฆ่าล้างผลาญกันมาเท่าไร
แล้วอย่างไรใช่ไหมศัตรูยังลอยนวล”
ผมก็คิดเนื้อเพลงได้แค่นี้ ช่างเลื่อนลอย ฟุ้งฝัน ฟุ้งฟาย จับต้องมิได้เอาเสียเลย หรือนี่
-------------------------
(ศิลป์แห่งแผ่นดิน : นกเพลงรำพึง : โดย...ศักดิ์สิริ มีสมสืบ)