
นักเขียนการ์ตูนมือใหม่ 'แดน'ดนัย
นักเขียนการ์ตูนมือใหม่ 'แดน'ดนัย สมุทรโคจร : คอลัมน์คุยนอกกรอบ : โดย..สินีพร มฤคพิทักษ์
ใครจะคาดคิดว่านักแสดงหนุ่ม (หล่อ) อย่าง "แดน" ดนัย สมุทรโคจร มีความฝันอยากเป็นนักเขียนการ์ตูนมาตั้งแต่เด็ก
วันนี้ฝันของเขาเป็นจริงแล้ว โดยเป็นผู้เขียนซีรีส์การ์ตูนเรื่อง The Mavericks ซึ่งเริ่มตีพิมพ์ฉบับแรกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จัดพิมพ์โดย NED Comics สำนักพิมพ์การ์ตูนในเครือเนชั่นกรุ๊ป
The Mavericks เป็นการ์ตูนไทยสายพันธุ์ฮีโร่ โดยฉากและเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับสังคมในเมืองหลวง เมื่อประเทศไทยตกอยู่ในยุคมืด มีผู้ไม่ประสงค์ดีต้องการทำลายล้างประเทศให้แตกดับไปด้วยเงาแห่งด้านมืด เหล่าฮีโร่จึงได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อปกป้องประเทศไทย โดยมีตัวละครหลักสามตัว ซึ่งอยากเป็นยอดมนุษย์และต้องไปลงทะเบียนกับรัฐบาล แต่พวกเขาไม่ยอม เพราะอยากทำตามความฝันของตนเอง
สี่เล่มแรกยังเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ซึ่งดาราหนุ่มบอกว่าตอนเป็นเด็กต้องกลับประเทศไทยทุกซัมเมอร์ ครั้งหนึ่งไปเวิลด์เทรดมารดาบอกให้จับมือแน่นๆ เดี๋ยวมีคนลักตัวไป ตัดแขน ขา เขาจำฝังใจ และนำมาใช้เป็นพล็อตเรื่องบางตอน
"เจ็ดเล่มแรก เกี่ยวกับสิ่งที่เราคุ้นเคย สี่เล่มแรกเป็นเรื่องของการค้ายายอดมนุษย์ กินแล้วทำให้เขามีพลัง ผมเอาสิ่งที่เห็นในชีวิตปัจจุบันมาใส่เป็นยอดมนุษย์ เอาเรื่องที่คุณแม่ขู่ผมตอนเด็กๆ ตอนนั้นอายุ 5-7 ขวบ บอกแดนเดินไปไหนจับมือคุณแม่แน่นๆ นะ เขาบอกถ้าคนจับตัวไปจะตัดแขน ตัดขา ให้แดนเป็นขอทาน คุณแม่พูดบ่อยมาก จำได้ฝังใจ จนเอามาเขียนเป็นเรื่อง พระเอกไปที่สถานเด็กกำพร้า และพบว่าเด็กหายไป ก็ไปช่วยเด็กพวกนี้ ฟังดูแล้วเครียด แต่ไม่เครียด..."
แพลนไว้กี่เล่มจบ?
"ไม่มีจุดจบ ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าขายไม่ออก สไปเดอร์แมนมี 600 เล่ม แต่ผมคงไม่ได้ขนาดนั้น แต่ทำไปเรื่อยๆ จนขายไม่ออก มีไอเดียเยอะมาก หากออกเดือนละเล่มเขียนได้ 3-4 ปีเลย พล็อตที่ทำไว้เป๊ะๆ คือ 15 เล่ม ก็ปีกว่า วิธีเขียนภาษาอังกฤษเรียกว่าอาร์ค (ARC) เป็นคำเฉพาะของหนังสือการ์ตูน เนื้อเรื่องหนึ่งเรื่องใช้มากกว่าหนังสือหนึ่งเล่ม เช่น เล่ม 1-4 เนื้อเรื่องเกี่ยวกับโจรจับเด็กมาเป็นขอทาน เพื่อขายยาเสพติด แต่ละเล่มมีเหตุการณ์หนึ่ง ต่อจากนั้นก็เกี่ยวกับคนร้ายที่ขายยา แต่ไปทำอย่างอื่นอีก ชุดนี้มี 3 เล่ม"
เขายังฝันอีกว่าอยากสร้างจักรวาลมาเวอริคส์ขึ้นมา สร้างตัวละครอื่นๆ ให้ทุกตัวมารวมกัน แต่นั่นคงขึ้นกับการตอบรับของผู้อ่าน...
หนุ่มแดนเป็นหนอนหนังสือการ์ตูนมาตั้งแต่เด็ก และคิดว่าไม่มีอะไรในชีวิตสู้กับยอดมนุษย์ได้
หากเป็นหนังสือเล่มแนวที่ชอบเป็นเรื่องประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงคราม เช่น ทหารเล่าเรื่องเกี่ยวกับสงครามอัฟกานิสถาน หรืออิรัก
"ผมชอบประวัติศาสตร์ และเอาประวัติศาสตร์จริงมาอ้างอิงไว้ในหนังสือด้วย เช่น เปิดไทม์ไลน์ในปี 1940 ฮิตเลอร์พยายามครองโลก จุดนั้นคือเราต้องเปลี่ยน...มียอดมนุษย์ในเล่ม 9 ถึง 12 เป็นเรื่องเกี่ยวกับเตาปรมาณูนิวเคลียร์ อยากพูดถึงอันตรายของมัน คนมักลืมการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล รัสเซีย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่มาก แต่คนลืมสนิทเลย ณ วันนี้คนยังไปอยู่แถบนั้นไม่ได้"
ดาราหนุ่มบอกว่าเขาเป็นคนช่างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก ชอบที่จะอยู่ในโลกจินตนาการ อยากอยู่ในสมัยกรีกโบราณ ซึ่งเขาจะหาโลกแบบนั้นได้จากในหนังสือเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาตอบรับว่า เป็นคนที่มีโลกส่วนตัว หากไม่มีกิจธุระที่ไหน มักใช้เวลาอยู่บ้าน
ภายในวงเล็บว่า "อยู่คนเดียวด้วยนะ" อ่านหนังสือคนเดียว เพลิดเพลินกับจินตนาการของตนเอง
"ผมเรียนจบศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งก็เรียนประวัติศาสตร์อเมริกาและไทยด้วย ผมเป็นคนรักประวัติศาสตร์ การจะรู้จักตัวเองต้องดูจากประวัติว่าเรามีความเป็นมายังไง ถามว่าอเมริกาเป็นยอดพลังของโลกได้อย่างไร ต้องย้อนกลับไปสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อเมริกาเป็นประเทศเดียวที่มีตังค์หลังจากนั้น สงครามเกิดที่ยุโรปสร้างความเสียหายให้กับยุโรป แต่อเมริกาสมบูรณ์แบบ ก่อนหน้าคนมองว่าอเมริกากำลังรวย เป็นเพลย์บอย"
คนมักพูดว่าเรียนประวัติศาสตร์หางานทำยาก หาเงินไม่ค่อยได้?
"หาเงินไม่ได้ผมยอมรับ แต่เราได้ความรู้ ตรงนี้ค่อนข้างสำคัญ ผมเอามาประยุกต์ใช้กับการ์ตูนได้ใครจะไปคิด มีนักคิดหลายคนบอกว่า เราจะรู้จักตัวเราในอนาคตได้ ต้องรู้จักเราในอดีตก่อน ผมเชื่ออย่างนั้น"
กลับมาที่อาชีพนักเขียนการ์ตูน ดาราหนุ่มบอกว่าโปรเจกท์นี้เขาตั้งใจมาสามปีแล้ว แต่มีความฝันอยากเขียนการ์ตูนมาตั้งแต่เด็ก
การเป็นนักเขียนเหมือนอยู่ในจิตใต้สำนึกอยากทำ ตอนอ่านการ์ตูนไม่รู้ว่ามีคนทำสองคน เคยพยายามวาด วาดไม่ได้เซ็งมาก เป็นคนมีทักษะการวาดต่ำมาก เช่น ซื้อคู่มือวาดยานอวกาศว่าให้ทำตามขั้นตอน 1-20 แค่ถึงขั้นสองก็วาดต่อไม่ได้แล้ว
ถามว่าเมื่อเริ่มลงมือเขียนยากไหม? เขาตอบว่าคิดพล็อตเรื่องไว้นานแล้ว ทั้งหมดอยู่ในหัว เวลาเขียนเรื่องจึงง่าย
"คนจะบอกแดนเขียนได้ยังไง คิดตัวละครได้ไง สำหรับผม การเขียนเรื่องเป็นจุดง่ายสุด เนื้อเรื่องว่าจะเกิดอะไร จบยังไง ค่อนข้างง่าย ที่ยากคือการเขียนบทสนทนาให้เข้ากับคนไทย ให้สนุก ผมเขียนเรื่องได้เพราะเรียนศิลปศาสตร์ ต้องเรียนวิชาครีเอทีฟ ไรท์ติ้ง และอ่านค่อนข้างเยอะ"
แต่ทั้งหมดนี้ดาราหนุ่มไม่ได้ทำคนเดียว
กระบวนการทำงานแต่ละเล่มคือ เขียนต้นฉบับด้วยภาษาอังกฤษ จำนวน 4 หน้ากระดาษเอสี่ แล้วกระจายงานให้คนอื่นๆ ทำต่อ
"แดนวาดการ์ตูนแย่มาก หน้าที่คือคิดพล็อต สร้างตัวละคร เขียนเรื่อง จ้างคนวาดรูป ระบายสี คนวาดชื่อกัมพล มีประสบการณ์การวาดภาพ เราให้วาดสไตล์ฝรั่ง คนลงสีเปลี่ยนหลายคนแล้ว ต้องสวย แดนเขียนภาษาไทยไม่ได้ มีญาติแปลจากภาษาอังกฤษเป็นไทยอีกที เป็นซับที่ถูกต้อง มีความเป็นไทยสูง ขั้นตอนการทำงานใช้เวลานานมาก...หลายค่ายบอกประเทศไทยทำหนังสือการตูนแบบนี้ขายไม่ได้ แต่ก็ได้มาทำงานกับเนชั่น การ์ตูนออกเป็นรายเดือน
"ผมทำทุกอย่างบนไอแพดแค่คุยประสานงานกับทุกคน ผมเริ่มจากเขียนทรีตเมนต์และเอามาแบ่งเป็นช่องๆ สร้างเป็นสตอรี่บอร์ด ช่องนี้คนนี้คุย ช่องนั้นคนนั้นคุย ทำแบบง่ายๆ ให้ครบ 22 หน้าต่อหนึ่งเล่ม แล้วก็มาคุยกับคนวาด บอกต้องการมุมกล้องประมาณนี้ อารมณ์ประมาณนี้ เขาสเก็ตช์มาให้ดูแบบคร่าวๆ และให้คนที่สำนักพิมพ์ดูว่าโอเคไหม ถ้าโอเค ก็ลงสี ใส่ลูกโป่งตรงที่เว้นไว้สำหรับคำพูด ก็เสร็จหนึ่งหน้า...คือให้เห็นแอ็กติ้งตัวละคร และใส่คำพูด"
ฟังตามที่แดนเล่า กว่าการ์ตูนจะออกมาแต่ละเล่ม ต้องมีคนทำงานหลักสี่คน คือตัวเขา คนแปลเป็นไทย คนวาด คนลงสีบนภาพ
อย่างที่ทราบกันว่าอาชีพนักเขียน ได้ค่าตอบแทนไม่มากนัก แล้วนี่ยังต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ทีมงานคนอื่นๆ อีก คุ้มไหม? ดาราหนุ่มหัวเราะก่อนตอบว่า
"ไม่คุ้มเลย ผมกะใช้วิธีของ จอร์จ ลูคัส ตอนสร้างสตาร์วอร์เรื่องแรก เขาได้เงินน้อยมากจากการกำกับการแสดง แต่เขาบอกขอเก็บค่าลิขสิทธิ์จากการขายของเล่นนะ เขาเลยรวยจากตรงนั้น ผมก็รอให้หนังสือออกสักหกเจ็ดเดือนแล้วจะเอาทีเชิ้ต ดินสอ ปากกา ของเล่นมาจำหน่าย คือถ้าเราสามารถเขียนให้เด็กรักการ์ตูนพวกนี้ เด็กจะอยากใกล้ชิดกับตัวละคร อยากถือกระเป๋า หรือใส่ทีเชิ้ตมาเวอริคส์ เพราะตอนผมเป็นเด็กก็เป็นอย่างนั้น มีกล่องดินสอเป็นรูปสไปเดอร์แมน
"ตอนที่หนังสือออกมาเล่มแรก แล้วนักอ่านคนหนึ่งให้คะแนนสี่เต็มห้า ผมเกือบร้องไห้เลย ไม่น่าเชื่อว่าความฝันที่อยากเป็นนักเขียน มันเป็นจริงแล้ว เป็นอะไรที่มากกว่าตอนแรกที่ผมได้เล่นละครเสียอีก เพราะผมไม่ได้เกิดมากับการดูละครไทย แต่มันเจ๋งดีที่ได้เป็นนักแสดง แต่อันนี้ผมได้มาเป็นนักเชียน นั่นคือสิ่งที่ผมรักที่สุดในการอ่านการ์ตูน ผมแฮปปี้มากที่จะทำตรงนี้"
อย่างไรก็ดี แดนบอกว่าหากเทียบกับนักเขียนการ์ตูนที่เมืองนอก เล่มขนาดนี้ต้องมีทีมงาน 10 คน ประกอบด้วย ทีมบรรณาธิการ 3-4 คน คนเขียน คนวาด คนลงหมึก คนลงสี คนลงลูกโป่งคำพูด ดังนั้น ทีมของเขาถือว่าเล็กมาก และเชื่อว่าการแบ่งงานกันทำ จะได้ผลงานที่ดีกว่า
"ผมไม่เห็นด้วยที่ใช้คนเขียนและวาดพร้อมกัน เพราะน้อยคนมากที่จะทำได้ดีทั้งสองด้าน คือด้านศิลป์กับการเขียนหนังสือเป็นสองด้านของสมอง อันหนึ่งเป็นลอจิคอล อีกด้านเป็นครีเอทีฟ การเขียนเป็นงานครีเอทีฟบ้างแต่มันต้องเมคเซนส์ ผมคิดว่าหนังสือการ์ตูนไปทางที่ถูกแล้ว ให้คนหนึ่งเขียนอีกคนวาด เอาสองคนมาเบลนด์กันจะได้ผลงานที่ดีกว่า อย่างดราก้อนบอล พอเรื่องออกไปสักพักน่าเบื่อมากเพราะคนเขียนวาดการ์ตูนเก่ง แต่เขาหมดไอเดียแล้ว หากเป็นนักคิดจริงๆ ไม่น่าหมดไอเดีย หรือให้คนอ่านมาเล่าเรื่องและเขาวาดแทนน่าจะดีกว่า"
นับตั้งแต่เริ่มเดินสายโปรโมทการ์ตูนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เริ่มมีคนรู้แล้วว่า ดาราหนุ่มคนนี้เป็นนักเขียนการ์ตูนด้วย มีคนเข้ามาทักระดับหนึ่ง
"แต่ฟีดแบ็กที่แปลกคือเวลาผมไปอยู่บูธหนังสือแล้วแจกลายเซ็น คนไม่เข้าใจว่าแดนเป็นคนเขียน นึกว่าแดนโปรโมทหนังสือที่เนชั่นพิมพ์ เราก็ ไม่ ไม่ ไม่ แดนทำเอง ผมเขียน จ้างคนวาด จ้างคนลงสี และส่งให้เนชั่นพิมพ์...ตอนที่ทำอยากให้เหมือนการ์ตูนฝรั่ง วางข้างๆ แล้วกลมกลืนกัน สิ่งเดียวที่ต่างคือเป็นภาษาไทย และเรื่องราวเกิดขึ้นในไทย แต่ลุคให้เหมือนฝรั่งเลย เวลาเด็กพวกนี้ทักแบบนี้ผมดีใจ เพราะนั่นคือจุดประสงค์ของผมเลย"
คนอ่านจะได้อะไรจากมาเวอริคส์?
"ได้ความมัน สนุก จินตนาการ นี่คือสิ่งสำคัญสุด ผมอาจใส่ความคิดเห็น ความรู้นิดหน่อย แต่ไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณอ่านแล้วได้จินตนาการ ปัจจุบันทุกอย่างถูกป้อนให้เรา ดูทีวีเห็นทุกอย่าง ไม่ต้องคิด เล่นเกมก็เห็นรูป แต่หนังสือไม่เหมือนกัน เราต้องสร้างจินตนาการว่าตัวละครเป็นยังไง เหตุการณ์เกิดขึ้นยังไง ต้องคิดภาพ หนังโชว์ภาพหมดแล้วผู้กำกับคิดให้ แต่หนังสือไม่ใช่ เราคิดได้เอง เช่น หากแบรด พิตต์เล่นเป็นตัวละครตัวนี้ต้องเด่นมาก
"การ์ตูนก็เหมือนกัน เพราะไม่มีทุกช่อง ไม่ได้เล่าทุกอย่าง เราต้องฟิลอินเดอะแบลงก์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับช่องต่อไป ตัวละครพูดเราก็ไม่ได้ยินเสียง แต่ต้องสร้างเสียงในสมอง อย่างตัวละครในการ์ตูนมี 3 ตัว เวลาเขียนผมก็จะพูดอย่างสตอลเกอร์ เถียงเป็นแมดแคป หลังจากนั้นมาห้ามทุกคนด้วยเมค เหมือนผมแสดงละครอยู่คนเดียว"
ในฐานะนักเขียนการ์ตูนขอฝากความถึงคนอ่านว่า อยากให้คนกลับมาอ่านการ์ตูนเยอะขึ้น มันเป็นอาร์ตฟอร์มหนึ่งที่หายไปแล้ว บางทีแค่อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง แต่จินตนาการมีอีกหลายเท่า ทุกอย่างมันอลังการได้ตามที่เราคิด
"หวังว่าฮีโร่สามคนนี้ จะเป็นฮีโร่ในดวงใจ"
เข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเขาได้ที่ www.facebook.com/the.Mavericks.comic
.......................................
(นักเขียนการ์ตูนมือใหม่ 'แดน'ดนัย สมุทรโคจร : คอลัมน์คุยนอกกรอบ : โดย..สินีพร มฤคพิทักษ์)