
อีก20ปีข้างหน้าไฟฟ้าหายาก
อีก 20 ปีข้างหน้า ไฟฟ้าหายาก : คอลัมน์สัมภาษณ์พิเศษ : สุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
"ไฟฟ้า" เป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีก 20 ปีข้างหน้าการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรือ 70,000 เมกะวัตต์ ปัญหาในการจัดหาไฟฟ้าเป็นเรื่องยากขึ้น เนื่องจากเชื้อเพลิงร่อยหรอลง การจัดหา หรือการวางแผน เป็นความรับผิดชอบของ กฟผ. ต้องจัดหาไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
"การจัดหาพลังงานไม่ใช่การเปิดสวิตช์แล้วได้ไฟฟ้าใช้ กว่าจะได้ไฟฟ้าต้องผ่านกระบวนการมากมาย เสียเงินมหาศาล ดังนั้นต้องรู้คุณค่า รู้ประโยชน์ และต้องช่วยกันประหยัด ถ้าไม่ช่วยกันจะเกิดภาวะขาดแคลนและเกิดการเสียหายทั่วทุกคน"
สุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา เตือนคนไทยให้ช่วยกันประหยัดไฟฟ้าตั้งแต่วันนี้ พร้อมเล่าถึงความภาคภูมิใจกับการทำงานที่ กฟผ. ว่า กฟผ.เป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นองค์กรที่ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น วิสัยทัศน์การทำงาน 44 ปีของ กฟผ.มุ่งหวังจะรักษาไว้ กฟผ.เป็นองค์กรที่มีธรรมาภิบาล เป็นองค์กรที่ใสสะอาด เป็นองค์กรที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย สิ่งที่ทำเป็นพลังงานเพื่อประเทศไทย ไปที่ไหนเราภูมิใจที่มี กฟผ. เรื่องการดำเนินการด้านไฟฟ้า มีหน่วยงานหลายหน่วยงานกำกับดูแล กฟผ.มีภาระหน้าที่จะดูแลไฟอย่างไรไม่ให้เกิดการบกพร่อง ถึงแม้ กฟผ.ไม่ได้เป็นผู้สร้างโรงไฟฟ้าทั้งหมด แต่เมื่อเกิดไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับ ทุกคนมุ่งหวังให้ กฟผ.เข้าไปดูแล
"ผมเริ่มทำงานกับ กฟผ.ตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 จนถึงปัจจุบัน รวม 35 ปี เริ่มทำงานครั้งแรกที่โครงการแม่เมาะหน่วยที่ 2 เป็นรีโมทแอเรียร์ พื้นที่เข้าถึงยาก คนไม่มากนัก สร้างโรงไฟฟ้า 75 เมกะวัตต์ ใช้ถ่านลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิง ทำงานที่แม่เมาะถึงปี 2529 เกือบ 10 ปี สายงาน กฟผ. แบ่งหน้าที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ความร้อน ก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้น้ำ ก่อสร้างโรงไฟฟ้าระบบส่ง ประเทศไทยต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ในปี 2512 มีไฟฟ้าใช้เพียง 900 เมกะวัตต์ ปัจจุบันมีไฟฟ้าใช้ประมาณ 32,000 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้น 35 เท่า"
ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าไม่ใช่ กฟผ.แห่งเดียว หลายรัฐบาลที่ผ่านมาเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาผลิต แบ่งการผลิตเป็นหลายระดับ ตั้งแต่ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กมากที่ต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ ผู้ผลิตไฟฟ้ามีมากกว่า 500 ราย เฉพาะผู้ผลิตรายใหญ่ 9 ราย ผู้ผลิตขนาดต่ำกว่า 90 เมกะวัตต์ลงมาเกือบ 100 ราย และอยู่ระหว่างการพิจารณาซื้อขายไฟฟ้าอีกกว่า 1,000 โครงการ ระบบไฟฟ้าปัจจุบันมีปัญหาระบบการจัดการ ระบบการเชื่อมโยงระบบส่ง แต่ กฟผ.โดยโครงสร้างเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าที่แต่ละรายผลิตส่งมาในระบบ แนวคิดการผลิตไฟฟ้าและขายให้ชุมชนรอบโรงไฟฟ้าเป็นแนวคิดที่ดี แต่ขายแล้วเหลือ ต้องส่งต่อ ต้องผ่านระบบส่ง จึงเกิดการเชื่อมโยงกัน
ผู้ว่า กฟผ.กล่าวว่า จากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น การใช้เชื้อเพลิง ปัจจุบันใช้ก๊าซธรรมชาติ 70% การจัดหาเชื้อเพลิงใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ ในปัจจุบันเพื่อผลิตไฟฟ้า มีไม่มาก ทางเลือกไม่มาก พลังงานทดแทนเพียงพอหรือไม่ ถ่านหินสะอาด นิวเคลียร์ที่ไม่มีปัญหา ยอมรับได้หรือไม่ ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ที่ กฟผ.ต้องทำให้เกิดผลให้ได้ พลังงานทดแทน แสงอาทิตย์ ลม ขยะ หรือพลังงานที่นำมาทดแทนฟอสซิล มีการพูดคุยกัน
"เป้าหมายในแผนพัฒนาของประเทศ พ.ศ.2556 มีพลังงานทดแทน 13,000 เมกะวัตต์ มีพลังงานแสงอาทิตย์ 3,000 เมกะวัตต์ พลังงานลม 1,800 เมกะวัตต์ ที่เหลือเป็นไบโอแมส วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร การปลูกพืชพลังงานที่จะนำมาใช้ จะผลักดัน กฟผ.จะไม่ทำโครงการที่เอกชนมีความสามารถ แต่ กฟผ.ต้องสนับสนุนให้พลังงานทดแทนเกิดขึ้น โดยเชื่อมโยงระบบส่งที่จะต้องมารองรับ หรือพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมที่ไม่สม่ำเสมอ ที่ขาดไปจะเติมตรงนี้อย่างไร จะดูแลให้โรงไฟฟ้ามั่นคงขึ้น"
กฟผ.มีแผนจะทำโรงไฟฟ้าแบบสูบกลับเวลาจ่ายไฟทดแทน เมื่อแสงอาทิตย์ หรือลมหายไปจากระบบ สิ่งที่สนองตอบความต้องการของโรงไฟฟ้าได้เร็วที่สุดคือ พลังงานน้ำ แทนที่จะปล่อยแล้วปล่อยเลยต้องสูบน้ำที่ปล่อยไป แล้วกลับมาเก็บไว้ เวลาต้องการใช้จึงปล่อยกลับมาใหม่ พลังงานที่สูบอาจจะมากกว่าพลังงานที่ปล่อย บริหารจัดการโดยสูบตอนที่ไม่ต้องการใช้ เมื่อต้องการใช้เมื่อไรจึงปล่อยกลับลงมา มีที่ลำตะคลองแล้ว 2 ตัว ขนาด 250 เมกกะวัตต์ มีโครงการทำเพิ่มอีก 2 ตัว ขนาด 500 เมกะวัตต์
การปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า นอกจากรับพลังงานทดแทนแล้ว ต้องเชื่อมโยงระบบส่งของ กฟผ.สายส่งอายุ 20-30 ปี มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น อยู่ระหว่างปรับปรุงระบบส่งกับสถานีไฟฟ้าเก่าๆ ทั้งหลาย และเพิ่มระบบส่งไฟฟ้า เป็นงานเร่งด่วน เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามั่นคงยิ่งขึ้น ปรับปรุงเพื่อให้มีแหล่งผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมเพื่อกระจายออกไปยังภูมิภาคต่างๆ เนื่องจากมีแผนซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ การสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ทำได้ยาก เมื่อทำเองไม่ได้ จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าไฟฟ้าจากต่างประเทศ ต้องสร้างระบบส่ง การนำไฟฟ้าจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง จึงต้องเสริมสายส่งให้มีความมั่นคงแข็งแรงขึ้น
"กรณีไฟดับภาคใต้ มีโครงการเสริมสายส่งให้แข็งแรงขึ้น มีโครงการสายส่ง 500 kb 2 วงจรใหม่ จากจอมบึงไปบางสะพาน ไปสุราษฎร์ธานี ไปภูเก็ต จะเสริมให้ระบบไฟฟ้าดีขึ้น แต่ระบบส่งเป็นระบบเสริมเผื่อฉุกเฉิน ควรต้องมีการผลิตไฟฟ้าที่บริเวณนั้น เพื่อให้ระบบมีความมั่นคงแข็งแรงขึ้น ภาคใต้มีโครงการที่จะดำเนินการคือ จะนะ ชุดที่ 2 เดือนเมษายน 2557 คาดว่าจะเดินเครื่องจ่ายไฟได้ขนาด 800 เมกะวัตต์ ถึงแม้จะมีโครงการจะนะ แต่ความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้โตเร็ว ปีที่ผ่านมาความต้องการสูงสุด 2,400 เมกะวัตต์ มีกำลังผลิตติดตั้งประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ รวมกับไฟฟ้าจากมาเลเซีย รวมแล้วประมาณ 2,300 เมกะวัตต์ ยังไม่พอ ซึ่งหมายความโรงไฟฟ้าทุกโรงต้องเดินกำลังการผลิตเต็มที่"
หากมีโรงไฟฟ้าโรงใหม่ ต้องมีเชื้อเพลิงประเภทไหน นิวเคลียร์คงไม่ได้ เพราะอันตรายเกินไป คำตอบคือ "ถ่านหิน" แต่คำถามว่า ทำไมจึงไม่เป็นพลังงานทดแทน ความสามารถในการสร้างให้ทันกับความต้องการ และมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการหรือไม่ สนับสนุนเพราะเป็นการใช้เชื้อเพลิงในประเทศ แต่ต้องยอมรับว่า มีข้อจำกัด ต้องทำความรู้ความเข้าใจกับชุมชนว่าเป็นความจำเป็นจริงๆ และการพัฒนาโรงไฟฟ้าต้องไม่ให้เกิดผลกระทบกับชุมชน
"สถานที่สร้างโรงไฟฟ้า ไม่ใช่ทำตรงไหนก็ได้ หากเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต้องมีการขนส่งถ่านหิน มีท่าเรือ มีการเดินเรือ พื้นที่ที่เหมาะสมที่จะสร้างไม่ใช่ตรงไหนก็ได้ ต้องมีระบบส่ง สายส่งรองรับ การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ การคัดค้านมีหลายระดับ มีกลุ่มที่ทำความเข้าใจได้ แต่อีกกลุ่มยังไงก็ไม่เอา การสำรองไฟฟ้า 15% หากสำรองมากเกินไป มีการลงทุนมากเกินไป อาจห่วงว่าค่าไฟฟ้าแพง หากสำรองไม่เพียงพอ โรงไฟฟ้าหยุดซ่อม ความต้องการไฟฟ้าโตกะทันหันจะมีปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอ"
ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าวอีกว่า โชคดีที่ประเทศไทยมีถ่านหินที่แม่เมาะ ปัจจุบันใช้ถ่านหิน 16 ล้านตันต่อปี เหลืออีกประมาณ 300 กว่าล้านตัน คาดว่ามีใช้ได้อีกประมาณ 20 ปี ถ่านหินที่แม่เมาะจะหมด หากถ่านหินแม่เมาะหมด ไทยจะเอาถ่านหินที่ไหนผลิตไฟฟ้า ปัจจุบันโรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นโรงที่ทำให้ค่าไฟฟ้าอยู่ในสภาพที่ยังแข่งขันได้ เป็นเหมืองที่ผลิตเอง ทำให้ราคาไม่แพงมาก ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยก็ร่อยหรอลง หากไม่สำรวจเพิ่มหรือดูแลเพิ่มคาดว่าอีกประมาณ 10 ปีจะหมด ต้องไปพึ่งพาก๊าซจากพม่า
อนาคต...อาจต้องนำเข้าก๊าซเหลวเข้ามา เชื้อเพลิงถ่านหินต้องนำเข้าเช่นกัน เป็นปัญหาในระยะยาว ดังนั้นการพึ่งพาตนเอง การพัฒนาพลังงานทดแทน เป็นความจำเป็น เป็นสิ่งที่ กฟผ.ตระหนักและพัฒนาให้เกิดขึ้น พลังงานทดแทน กังหันลม แสงอาทิตย์ เป็นเทคโนโลยีนำเข้าหมด ถึงแม้ไม่นำเข้าเชื้อเพลิง แต่เทคโนโลยีต้องนำเข้าวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นสิ่งดี ตัวเชื้อเพลิงเป็นผลผลิตในประเทศไทย แต่ตัวเครื่องกำเนิด เครื่องจักร เครื่องมือ ต้องเริ่มพัฒนาเทคโนโลยี และจะทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
.....................
(อีก 20 ปีข้างหน้า ไฟฟ้าหายาก : คอลัมน์สัมภาษณ์พิเศษ : สุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) )



