ไลฟ์สไตล์

ข้อคิดดีๆจากทฤษฎี'พาเรโต'

ข้อคิดดีๆจากทฤษฎี'พาเรโต'

03 ส.ค. 2556

ข้อคิดดีๆจากทฤษฎี'พาเรโต' : คอลัมน์ คลินิคคนรักบ้าน โดย... ดร.ภัทรพล


          สวัสดีครับแฟนๆ ชาว “คนรักบ้าน” ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี ที่ผมได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนา “อสังหาริมทรัพย์” น้อยใหญ่มาหลายร้อยโครงการ ผมกล้าพูดได้เต็มปากครับ ว่าการที่สามารถประคองตัวให้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้นั้น หนึ่งในวิธีคิดที่ผมนำมาปรับประยุกต์ใช้และได้ผลเสมอ คือ ข้อคิดดีๆ จากทฤษฎี  “พาเรโต” ซึ่งผมได้มีโอกาสศึกษาและเรียนรู้ทฤษฎีนี้ เมื่อ 20 ปีล่วงแล้วตั้งแต่ครั้งยังศึกษาที่ “คิงส์คอลเลจ” ที่ “อเบอร์ดีน” โดย “ครู” (Professor  Hamilton) ของผม ได้แนะนำให้ผมลองเข้าไปศึกษาค้นคว้าในรายละเอียดดู ไม่ผิดหวังครับ ยิ่งได้อ่านงานของ “วิลเฟรโด พาเรโต” ปราชญ์ชาว “อิตาเลียน” ก็ยิ่งเกิดความเบิกบานและประเทืองปัญญาครับ

          จะว่าไปแล้ว “คิงส์คอลเลจ” ที่ผมมีวาสนาได้ไปร่ำเรียนมานั้นได้ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1495 กว่า 500 ปีมาแล้วครับ (สำหรับในประเทศ “สยาม” อยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างอาณาจักร “สุโขทัย” กับ “อยุธยา”) และอีก 400 ปี ต่อมาคือ ในปี ค.ศ.1895 “วิลเฟรโด พาเรโต” ได้นำเสนอ แนวคิดการเพิ่มประสิทธิภาพแบบ “พาเรโต” (Pareto Improvement) คือ กระบวนการจัดสรรทรัพยากรที่ก่อให้ประสิทธิภาพสูงสุด ที่จะทำให้สวัสดิการ (Welfare) ของประชากรในบางกลุ่มในสังคมดีขึ้น โดยไม่ทำให้หรือเบียดเบียนให้ “สวัสดิการ” ประชากรกลุ่มอื่นๆ ในสังคมลดลง 

          การจัดสรรทรัพยากรจะมีประสิทธิภาพแบบ “พาเรโต” (Pareto Efficient) จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้มีการนำเอารูปแบบใหม่ในการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่เดิมผ่านกระบวนการจัดการอีกครั้งหนึ่ง (Reallocate) เพื่อทำให้ประชากรในรัฐมี “สวัสดิการ” หรือ “มาตรฐานในการดำรงชีวิต” ดีขึ้น โดยไม่ทำให้สวัสดิการ หรือมาตรฐานของชีวิตผู้อื่นลดลง

          ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นก็หมายถึง การจัดการในรูปแบบใหม่ของทรัพยากรที่มีอยู่เดิมในรูปแบบที่ “ได้กับได้” เพราะสามารถทำให้ผู้คนมีสวัสดิการทางสังคมที่ดีขึ้น โดยไม่มีใครต้องสูญเสียอะไร ถือได้ว่าแนวคิดแบบ “พาเรโต” นั้น เป็นการจัดสรรทรัพยากรที่เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ผมมักเรียกการจัดสรรนี้ว่าเป็นกระบวนการก่อให้เกิด “ประโยชน์สูงประหยัดสุด” ซึ่งในทางทฤษฎี “เศรษฐศาสตร์จุลภาค” (Micro Economy) เรียกสภาวะนี้ว่า “สภาวะอุดมภาคแบบพาเรโต” (Pareto Optimality) ก็ดูเป็นวิชาการสักหน่อยนะครับ

          ทฤษฎี “พาเรโต” ได้ก่อให้เกิดการ “ประยุกต์” ใช้ “กฎ 20/80” กันอย่างกว้างขวาง เพราะ “พาเรโต” ได้สังเกตว่าบรรดาผู้คนในสังคมไม่ว่ายุคใดสมัยใดในประวัติศาสตร์ดูเหมือนว่าได้ ถูกแบ่งออกตามธรรมชาติเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งมีสัดส่วนที่น่าสนใจคือ 20/80 หมายถึงในสังคมนั้นมี “คนส่วนน้อย 20%” ที่สำคัญมาก(Vital Few) แต่กลับมีบทบาทเหนือ “คนส่วนใหญ่ 80%” และ 20% นี่แหละครับที่ครอบครองความมั่งคั่งและมีอิทธิพลในการชี้นำสังคมนั้นๆ ของอีกกลุ่ม 80% ซึ่งเป็น คนส่วนมากที่สำคัญน้อย (Trivial  Many) เป็นกลุ่มประชากรระดับกลางถึงล่างของประชากรทั้งหมด 

          และต่อมาได้ค้นพบสัดส่วน 20/80 นี้ ในเชิงเศรษฐกิจ เพราะการประกอบธุรกิจธุรกรรมต่างๆ  ทั้งหมดล้วนแล้วเป็นไปตามกฎของ “พาเรโต” เช่นกัน ยกตัวอย่าง  เช่น กิจกรรม 20% ของการลงทุนจะก่อให้เกิดผลลัพธ์  80% ของทั้งองค์กร นอกจากนี้ สินค้าจำนวน  20%  ของบริษัทจะทำยอดขายได้ 80% ของสินค้าทั้งหมด และก่อให้เกิดกำไร 80% ของผลกำไรทั้งหมด ซึ่งสะท้อนถึงการทำงาน 20%  ที่ทำ จะส่งผลที่มีคุณค่าของผลลัพธ์ทั้งมวลเป็นจำนวนสูงถึง  80% และก็จะเป็นอย่างนี้เรื่อยไป

          นั่นหมายถึง “พาเรโต” บอกเราไว้เมื่อ 118 ปี ล่วงแล้วว่า หากท่านมีแผนงานที่จะลงมือทำอยู่ 10 รายการแล้วล่ะก็จะมีเพียงแค่ 2 รายการเท่านั้นที่ทำแล้วจะเป็นงานที่มีค่ามากกว่าหรือเทียบเท่ากับงานอีก 8 งานที่เหลือรวมกัน ซึ่งการทำงาน 20% ก่อให้เกิด “ผลลัพธ์มากที่สุด” และเป็นงานที่ “ทรงคุณค่ามากที่สุด”

          เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจกฎของ “พาเรโต” ง่ายขึ้น  ผมยกตัวอย่างเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุดดังนี้ เช่น ท่านมีหนังสือที่คิดว่าชอบอยู่ 10 เล่ม วางเรียงกันบนชั้นเก็บหนังสือก็จะมีเพียง 2 เล่มเท่านั้นที่ท่านชอบจริงๆ และนำมาอ่านอยู่เสมอๆ หรือท่านมีเสื้ออยู่ 10 ตัว ในตู้เสื้อผ้าก็จะมีเพียงตัวเก่ง 2 ตัวเท่านั้นแหละครับ ที่เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้นำมาสวมใส่และยังทำให้รู้สึกว่าใส่แล้วดูดีและมักจะใช้เสื้อ 2 ตัวนี้เป็นประจำในทุกโอกาส

          จะเห็นได้ว่า ทฤษฎี 20/80 ของ “พาเรโต” นั้น ครอบคลุมไปแทบทุก “มิติ”  เอาไว้ครั้งหน้าผมจะมาเฉลยว่าแนวคิดของ “พาเรโต” นั้น ผมนำมา “ประยุกต์” ใช้อย่างไรในธุรกิจ “การลงทุนอสังหาริมทรัพย์” ที่ทำให้ผมอยู่รอดปลอดภัยมาจนทุกวันนี้  และ ทฤษฎี 20/80 ของ “พาเรโต” ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในหัวข้อการบรรยายของผม แบบมาราธอน 4 วันเต็ม ใน วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 10-11 และ เสาร์-อาทิตย์ที่ 17-18  สิงหาคม ที่จะถึงนี้  ณ อาคารเนชั่นทาวเวอร์ ชั้น 27เอ ถนนบางนา-ตราด ในหัวข้อ การลงทุน “การลงทุนทำอพาร์ตเม้นท์ไม่บาน, มินิอพาร์ตเม้นท์ไม่บาน, โรงแรม+รีสอร์ทไม่บานและคอนโดมิเนียมขนาดเล็กไม่บาน ฯลฯ ในยุค “เออีซี” เปิดเสรี “อาเซียน”  ครับ

.......................................
(หมายเหตุ ข้อคิดดีๆจากทฤษฎี'พาเรโต' : คอลัมน์ คลินิคคนรักบ้าน โดย... ดร.ภัทรพล)