ไลฟ์สไตล์

ทำมาหากิน : น้ำพริกแจ่วดำ-น้ำผักสะทอน

ทำมาหากิน : น้ำพริกแจ่วดำ-น้ำผักสะทอน

03 ก.ค. 2556

ทำมาหากิน : น้ำพริกแจ่วดำ-น้ำผักสะทอน โอท็อปห้าดาวเมืองด่านซ้าย : โดย...บุญชู ศรีไตรภพ

 

                             กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนาดี นำโดย นางคำพัน อ่อนอุทัย แห่ง ต.นาดี อ.ด่านซ้าย จ.เลย ใช้พืชพื้นบ้านที่มีในพื้นที่เป็นวัตถุดิบผสมผสานภูมิปัญญาชาวบ้านผลิต "น้ำพริกแจ่วดำ น้ำผักสะทอน" นำมาซึ่งการเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่คว้าโอท็อป 5 ดาว มี อย.รับรอง ที่นำมาซึ่งการผลิตป้อนตลาดทั้งในและต่างประเทศ

                             นางคำพัน อ่อนอุทัย ประธานกลุ่ม เล่าถึงความเป็นมาของผลิตภัณฑ์ "น้ำพริกแจ่วดำ น้ำผักสะทอน" ว่าผักสะทอนเป็นพืชยืนต้นพื้นถิ่น ต.นาดี โดยจะพบได้ตามป่าเขา จากความเชื่อรวมทั้งที่ได้มีการพิสูจน์จากหมอโบราณว่ารากและใบของต้นสะทอนมีสรรพคุณเป็นยา บรรเทาอาการปวดท้อง แก้ไข้ ฯลฯ 

                             "คนยุคก่อนเมื่อมีอาการไข้จะไปเอาใบสะทอนมาคั้นน้ำออก แล้วเอามาโปะตามร่างกายส่วนที่เป็นน้ำสีเขียวจะนำไปหมัก แล้วนำมาเคี่ยว ด้วยมีกลิ่นหอม รสชาติออกหวาน จึงเกิดเป็นภูมิปัญญาคิดแปรรูปเป็นน้ำปรุงรส เพื่อผสมกับน้ำพริกหรือใส่กับส้มตำให้รสชาติดี โดยน้ำใบสะทอนจะรสชาติดีมากในเดือน 4 เดือน 5 หากเป็นฤดูกาลอื่นรสชาติจะเปลี่ยนไป" ประธานกลุ่มแจง

                             หลังคิดค้นสูตรนำปรุงรสได้และให้ชาวบ้านชิม ต่างบอกว่าอร่อยลิ้น จึงนำผสมกับน้ำพริกป่นแห้งแล้วแปรรูปเป็นน้ำพริกจำหน่ายในละแวกพื้นบ้าน จนได้รับการตอบรับจากเพื่อนบ้านเป็นอย่างดี เพราะมีรสชาติดี อีกทั้งยังเก็บได้นานอีกด้วย

                             ต่อเมื่อปี 2540 กลุ่มได้เข้าร่วมมหกรรมอาหารพื้นบ้าน "ประเพณีบุญหลวง และการละเล่นผีตาโขน" โดยนำเอาน้ำผักสะทอนเป็นเครื่องปรุงรสในการร่วมแข่งขันตำน้ำพริกแจ่วดำ-น้ำผักสะทอน ซึ่งเมนูนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ

                             "กลุ่มจึงมีความคิดทำเป็นสินค้าจำหน่าย พร้อมส่งเข้าโครงการคัดสรรสุดยอดหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลปีแรก ได้ 4 ดาว ประเภทอาหารทั้งระดับอำเภอ จังหวัด และระดับภาค ต่อเมื่อปี 2555 คว้าโอท็อป 5 ดาว จากจุดนี้สำนักงานพาณิชย์ จ.เลย ได้นำเอาผลิตภัณฑ์ไปร่วมงานแสดงสินค้าที่ต่างประเทศ จนเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคต่างแดนขณะนี้"

                             ปัจจุบันกลุ่มมีสมาชิก 18 คน ด้านเงินทุนเริ่มจากการรวมหุ้นของสมาชิก หุ้นละ 100 บาท มีระบบปันผลให้สมาชิก และที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์สามารถสร้างรายได้เข้ากลุ่มเฉลี่ย 1.5-2 แสนบาทต่อปี โดยสินค้าจะมีจำหน่ายตามตลาดสด ร้านค้าในพื้นที่ ร้านโอท็อปอำเภอ ร้านโอท็อปจังหวัด วิทยาลัยอาชีวศึกษาเลย ปั๊มน้ำมันในพื้นที่ ที่ทำการกลุ่ม รวมถึงการจำหน่ายในงานแสดงสินค้าต่างๆ

                             สำหรับ น้ำพริกแจ่วดำ-ผักน้ำสะทอน มีส่วนประกอบ พริกป่น (พริกจันดา) น้ำตาลทราย กระเทียม เกลือไอโอดีน น้ำปลา และน้ำผักสะทอน ด้านวิธีทำ เริ่มจากนำกระเทียม พริกคั่วบดละเอียด 1,000 กรัม กระเทียมสับละเอียด 300 กรัม เกลือไอโอดีน 135 กรัม น้ำตาลทราย น้ำปลา 750 ซีซี น้ำผักสะทอน 350 มิลลิลิตร ผสมเข้าด้วยกันและหมักทิ้งไว้ 20 นาที จากนั้นโขลกส่วนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกันเป็นอันเสร็จ ก่อนบรรจุลงกระปุก 100 กรัมต่อ1 กระปุก ติดตราผลิตภัณฑ์เตรียมจำหน่าย โดยสนนราคาขายกระปุกละ 20 บาท

                             นางคำพัน บอกว่าด้วยคุณสมบัติเด่นเมนูนี้ที่ว่า รสเด็ด เผ็ดทุกคำ เก็บได้นาน ไม่ใช้สารกันบูด ส่งให้ผลิตภัณฑ์ "น้ำพริกแจ่วดำ-น้ำผักสะทอน" ที่แตกไลน์เป็นน้ำพริกแจ่วดำรสธรรมชาติ และน้ำพริกแจ่วดำรสแมงดา ได้รับรางวัลจากสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาและรางวัลศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (FIXIT CENTER) พร้อมได้รับการรับรองมาตรฐาน อย.ในทุกเมนู

 

 

----------------------

(ทำมาหากิน : น้ำพริกแจ่วดำ-น้ำผักสะทอน โอท็อปห้าดาวเมืองด่านซ้าย : โดย...บุญชู ศรีไตรภพ)