
5นิสิตนิติจุฬาฯเฮ!ม.อนุมัติเรียนต่อ
'จุฬา ฯ'อนุมัตินิสิตนิติศาสตร์กลับเข้าเรียน เช็คเกรดไม่ถึง 2.00 กลับไปเรียนปี 1 พร้อมเสียค่าเล่าเรียนให้ แต่ถ้าผ่านโปรก็ให้เรียนต่อจนจบ
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน เวลา 17.30 น.ที่อาคารจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผศ.ดร.ม.ร.ว.กัลยา ติงศภัทิย์ รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศ.ดร.ศักดา ธนิตกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมแถลงข่าวกรณีที่นิสิตคณะนิติศาสตร์vจำนวน 5 คน ต้องพ้นสภาพนิสิตย้อนหลังไปในปี 2554 เนื่องจากขณะนั้นนิสิตกลุ่มดังกล่าวกำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 1 ในวิชากฎหมายกับสังคม ซึ่งเป็นวิชาที่นิสิตทุกคนต้องเรียนในปีที่1 ภาคการศึกษาที่ 2 สาเหตุจากอาจารย์ผู้สอนส่งผลคะแนนการศึกษาในวิชาดังกล่าวล่าช้ามากกว่า 2 ปี หรือกว่า 5 ภาคการศึกษา โดยผลคะแนนของวิชาดังกล่าวเพิ่งออกมาเมื่อไม่นานมานี้
โดยผศ.ดร.ม.ร.ว.กัลยา กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นทางมหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยก่อนหน้านี้ทางคณะนิติศาสตร์ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารคณะ และมีมติในเบื้องต้นเกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหาย โดยอิงตามแนวคำพิพากษาศาลปกครองที่เคยมีการพิจารณากรณีในลักษณะเดียวกัน หลังจากนั้นทางคณะนิติศาสตร์ได้นำเรื่องมาปรึกษากับส่วนกลางของมหาวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้อนุมัติให้นิสิตกลุ่มดังกล่าวกลับมาศึกษาต่อใน 2 แนวทาง ดังนี้ 1.เมื่อนิสิตที่เรียนจนจบชั้นปีที่ 3 แทนที่จะใช้ผลการเรียนเฉพาะชั้นปีที่ 1 และ 2 มาคิดคำนวณ ก็จะให้นำผลการเรียนทั้งหมดที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมาคำนวณ ถ้านิสิตได้พัฒนาตนเองมาจนถึงเกณฑ์ที่สามารถเรียนต่อได้ หรือมีเกรดเฉลี่ยรวม 2.00 มหาวิทยาลัยก็จะให้นิสิตสามารถเลือกที่จะเรียนต่อในภาคการศึกษา2556 ได้ทันที
รองอธิการบดี กล่าวต่อว่า แต่ถ้าผลการเรียนของนิสิตเฉลี่ยรวมทั้งหมดที่ผ่านมาต่ำกว่าเกณฑ์ที่จะเรียนต่อไปได้ มหาวิทยาลัยก็จะมีทางเลือกที่ 2 ให้แก่นิสิต คือ จะรับนิสิตที่พ้นสถานภาพย้อนหลังในครั้งนี้ มาเรียนชั้นปีที่ 1 ใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา2556 หรือปีการศึกษานี้เป็นต้นไป และให้นิสิตมีเลขประจำตัวใหม่ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นิสิตได้แก้ตัวและตั้งใจเรียน เพื่อให้ผลการเรียนดีขึ้น โดยคณะนิติศาสตร์จะรับผิดชอบค่าเล่าเรียนของนิสิตนักศึกษา อย่างไรก็ตาม ทางออกดังกล่าวจะเป็นกรณีพิเศษเฉพาะนิสิตกลุ่มนี้เท่านั้น
“ทางมหาวิทยาลัยและคณะนิติศาสตร์เห็นว่าทั้ง 2 แนวทางน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่จะช่วยเยียวยานิสิตแล้ว ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้แจ้งให้นิสิตรับทราบ พร้อมทั้งจะเชิญนิสิตและผู้ปกครองมาพูดคุยอีกครั้งถึงทางเลือกที่มีอยู่ว่าทางเลือกใดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในสัปดาห์หน้า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสะเทือนใจผู้ปกครอง ทั้งนี้ การส่งเกรดช้าเกิดจากปัจจัยหลายด้าน แต่โดยปกติทางมหาวิทยาลัยจะมีการกำหนดกรอบเวลาว่าจะต้องแจ้งผลการเรียนให้นิสิตรับทราบภายใน 90 วันหลังจากสอบเสร็จ ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นเป็นการส่งเกรดล่าช้าแน่นอน แต่จะต้องไปดูว่าเกิดจากปัจจัยใด ซึ่งทางมหาวิทยาลัยจะถือโอกาสนี้ทำการวิจัยสถาบัน โดยจะศึกษารอบด้านว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้การส่งเกรดล่าช้า ซึ่งไม่ใช่กรณีของคณะนิติศาสตร์เท่านั้น แต่เป็นการวิจัยทั้งระบบ เพื่อจะได้หามาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูจากผลการเรียนคร่าวๆของนิสิตทั้ง 5 คน มี 1 คน ที่สามารถเลือกเรียนต่อในภาคการศึกษานี้ได้ทันที ส่วนอีก 4 คน ต้องย้อนกลับไปเรียนชั้นปีที่ 1ใหม่เป็นกรณีพิเศษ ”รองอธิการบดี กล่าว
ศ.ดร.ศักดา กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าหน่วยงาน ตนขอแสดงความเสียใจและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ทางคณะนิติศาสตร์ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงอาจารย์ท่านดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันได้ยุติการสอนไว้ชั่วคราว ส่วนจะต้องให้ออกจากการเป็นอาจารย์หรือไม่นั้น ต้องรอผลการสอบสวนคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงก่อน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเมื่อทางคณะทราบปัญหาก็ได้สอบถามถึงสาเหตุที่ทำให้อาจารย์ท่านดังกล่าวออกเกรดช้า เบื้องต้น คาดว่าน่าจะเกิดจากปัญหาสุขภาพที่ไม่ค่อยอำนวย เพราะอาจารย์ท่านดังกล่าวปัจจุบันต้องนั่งรถเข็นมาสอน แต่ก็ยังไม่ได้สรุปว่า ข้อผิดพลาดดังกล่าวเกิดจากปัญหาสุขภาพ โดยต้องดูผลการสอบสวนของคณะกรรมการต่อไป ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าความผิดพลาดของอาจารย์รายดังกล่าว เนื่องจากทางคณะส่งอาจารย์ไปดูงานที่ต่างประเทศนั้น อาจารย์ท่านดังกล่าว ได้ไปนำเสนอผลงานทางวิชาการที่บอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาจริง แต่ทางคณะมีเงื่อนไขกำหนดไว้ว่า การเดินทางไปเสนอผลงานต้องไม่กระทบกับงานประจำ ซึ่งคิดว่าปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปเสนอผลงาน เพราะถือเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจารย์จะเดินทางไปเสนอผลงานทางวิชาการที่ต่างประเทศ เพราะเป็นความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการและประโยชน์ต่อนิสิต
นายศักดา กล่าวต่อว่า สำหรับทางเลือกที่ทางมหาวิทยาลัยเสนอ หากนิสิตกลุ่มดังกล่าวไม่เลือกแนวทางแก้ปัญหาที่มหาวิทยาลัยเสนอ เพราะอาจจะเห็นว่าทำให้เสียเวลา โอกาสและอาจฟ้องร้องมหาวิทยาลัยนั้น เชื่อในความเป็นลูกศิษย์ ครูดังนั้นจึงคิดว่า โอกาสที่มีการฟ้องร้องก็คงจะมีน้อย อีกทั้งตั้งแต่มีปัญหาเกิดขึ้นทางคณะพยายามรับผิดชอบและแสดงความจริงใจต่อนิสิตที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจากการพูดคุยหาแนวทางแก้ปัญหาก็ได้รับความร่วมมือที่ดีจากส่วนกลาง โดยยกเลิกกฎเกณฑ์บางประการ ซึ่งสำคัญมากๆ เพื่อให้ได้ทางเลือกที่ดีมาเสนอ