
สุนทรภู่ผู้ร่ำไรเรื่องร้างเล่น(แต่จริง)
หนังสือที่เธอถือมา : สุนทรภู่ผู้ร่ำไรเรื่องร้างเล่น (แต่จริง) : โดย...ไพวรินทร์ ขาวงาม
๑.
เดือนเมษายนที่ผ่านมา ไปเที่ยวทะเลระยองกับครอบครัวสองวันสองคืน ได้เล่นน้ำทะเล ได้เที่ยว ได้กิน ได้ดื่ม ได้พักผ่อนหย่อนใจกับบรรยากาศของทะเลฤดูร้อน
รายการหนึ่งก็คือ ไปอำเภอแกลง เพื่อคารวะอนุสาวรีย์สุนทรภู่ ทุกคนที่ไปมีทั้งคนแก่และเด็กๆ ก็ดูเหมือนจะได้รู้จักและประจักษ์ถึงตัวตนของ ‘สุนทรภู่ครูกลอน’ ตามคำบอกเล่ามาบ้าง อย่างน้อยก็เห็นรูปปั้นบุคคลหนึ่งที่ดูเหมือนมีความศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขาม ในแวดล้อมของรูปปั้นพระอภัยมณีเป่าปี่ ผีเสื้อสมุทร นางเงือก กระทั่งฤาษีชีเปลือย ที่เด็กๆ เห็นแล้วชอบใจกันใหญ่ แบบ
‘ประหลาดใจไยหนอไม่นุ่งผ้า
จะเป็นบ้าไปหรือว่าถือศีล
หนวดถึงเข่าเคราถึงนมผมถึงตีน
ฝรั่งจีนแขกไทยก็ใช่ที’
ไปถึงก็ได้เช่าดอกไม้ธูปเทียนสักการะ เจ้าหน้าที่พรรณนาถึงคุณงามความดีของพ่อครู สามารถขอพรขอความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตได้ คนอื่นที่เขาเป็นชาวบ้านธรรมดาจะคิดจะขออะไรบ้างไม่รู้ แต่ผมในฐานะคนวนเวียนอยู่กับวิชาโคลงกลอน ก็ขอพรขอพลังและกราบขอบพระคุณท่านด้วยสำนึกในใจ รู้สึกปีติตื้นตันไปตามประสาความรักและศรัทธาในชีวิตของท่าน แม้จะรู้ว่านั่นเป็นเพียงรูปปั้น
ในบรรดากวีโบราณ ผมชอบสุนทรภู่มากที่สุด ชอบอ่านชอบจินตนาการไปตามบทกลอนอันไพเราะของท่าน ไปแกลงกลับจากแกลง เกิดแรงบันดาลใจอยากค้นหานิราศของท่านมาอ่าน ทั้งในหนังสือ และในยุคนี้ยังมีเรื่องราวชีวิตและผลงานของท่านให้ค้นคว้ามากมายในสื่ออิเล็กทรอนิกส์
‘จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น
อย่านึกนินทาแกล้งแหนงไฉน
นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ
จึงร่ำไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอย’
ลองนึกถึงการ ‘ร่ำไรเรื่องร้าง’ ของท่านเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อนโน้น (๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ - พ.ศ. ๒๓๙๘) คงเป็นแบบนักเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยศึกษาค้นคว้าวิชาชีวิต ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่มีกล้องวีดิโอ ไม่มีโน้ตบุ๊ค ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีคลื่นสัญญาณการสื่อสารทางเทคโนโลยีใดๆ ไม่มีปากกาหรือสมุดบันทึกกระดาษสวยงาม ท่านคงใช้กล้องชีวิตจิตใจ คลื่นสัญญาณอักษร และอุปกรณ์การเขียนในแบบของท่าน แต่เมื่อได้อ่านนิราศร่ำไรเรื่องร้างแล้ว รู้สึกเหมือนได้อ่านสารคดีชีวิตและการเดินทาง ได้เห็นภาพได้ยินเสียงเคียงสัมผัสเหลือคณา นอกจากได้รับความรู้ ยังมีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของท่าน มโนธรรมสำนึกของท่าน ร่องรอยประวัติชีวิตของท่าน ประวัติของสุนทรภู่ที่เราเรียนรู้กันนั้น ล้วนมาจากการแกะรอยตัวอักษรของท่าน แม้แต่บุคลิกลักษณะหน้าตาของท่านที่ปรากฏเป็นรูปวาดรูปปั้น ก็น่าจะเป็นการจินตนาการมาจากตัวผลงานที่อาจบ่งบอกประมาณนั้น คงไม่มีผู้ใดในยุคสมัยของเราเคยเห็นหน้าเห็นตาจริงๆ ของท่านเป็นแน่แท้
๒.
ค้นเจอหนังสือเล่มหนึ่งของ อาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว ซื้อไว้ในวันสุนทรภู่ เมื่อ ๙ ปีที่แล้ว แต่ยังไม่ได้อ่าน
‘ถูกใส่ร้ายป้ายสีเป็น อาลักษณ์ขี้เมา แต่แท้จริงคือ...สุนทรภู่ : อาลักษณ์เจ้าจักรวาล’
เป็นการย่อยเรื่องสุนทรภู่ นำเสนอวิเคราะห์บางฉากบางตอนอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะพูดถึงเรื่อง ‘นิราศเมืองแกลง’ ที่สุนทรภู่เดินทางไปเยี่ยมบิดาซึ่งบวชอยู่ที่วัดบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง กระทั่งต่อมาเมืองแกลง เมืองระยอง มีความรู้สึกกลายเป็นเมืองสุนทรภู่ไปโดยปริยาย ทั้งที่ว่ากันว่าสุนทรภู่เกิดที่วังหลังฝั่งธนบุรี เมืองแกลงเป็นเพียงทางผ่านของนักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น
ในเล่ม ยังมีบทความเรื่อง ‘อนุสาวรีย์สุนทรภู่’ โดย เสวตร เปี่ยมพงศ์ศานต์ ว่าด้วยการริเริ่มสร้างอนุสาวรีย์เมื่อปี ๒๔๗๘ สมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี
ครับ-จะเก็บความบางส่วนมาเล่าต่ออีกในเดือนสุนทรภู่นี้!
--------------------
(หนังสือที่เธอถือมา : สุนทรภู่ผู้ร่ำไรเรื่องร้างเล่น (แต่จริง) : โดย...ไพวรินทร์ ขาวงาม)