ไลฟ์สไตล์

'อุเทนฯ'เดินขบวนทวงกรรมสิทธิ์ที่ดิน

'อุเทนฯ'เดินขบวนทวงกรรมสิทธิ์ที่ดิน

14 มิ.ย. 2556

'จุฬาฯ'งัดหลักฐานโต้'อุเทนถวาย' ชี้เป็นเจ้าของพื้นที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่อุเทนถวายไม่ได้ ด้าน'อุเทนฯ'ขอให้กรมธนารักษ์จัดสรรอ้างต้องใช้เพื่อการศึกษา

               14 มิ.ย.56 มีรายงานข่าวว่า วันนี้ ตัว​แทนศิษย์​เก่า​และศิษย์ปัจจุบัน มหาวิทยาลัย​เทค​โน​โลยีราชมงคลตะวันออก วิทยา​เขตอุ​เทนถวาย ​เบื้องต้นคาดว่า จำนวนประมาณ 1,000 คน ​นัดชุมนุม​และเคลื่อนขบวนจากหน้าวิทยา​เขตอุ​เทนถวาย​ไปยังสำนักจัด​การทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริ​เวณ​ใกล้อาคารบัณฑิตวิทยาลัย ตั้ง​แต่​เวลา 12.00 น. ​เพื่อคัดค้าน​การที่จุฬาฯ ​ให้อุ​เทนถวายออกจากพื้นที่ ​เพื่อ​ใช้​เป็น​เขตขยาย​การศึกษาของจุฬาฯ ​เนื่องจากขณะนี้ครบกำหนด 90 วัน หลัง​การยื่นหนังสือชี้​แจงกรณีกรรมสิทธิที่ดินพระราชทาน ​โดยจะมี​การหลักฐานมา​เปิด​เผยต่อสาธารณชน ​เพื่อสร้าง​การรับรู้​ความ​เข้า​ใจ ​โดย​เฉพาะหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์

               ทั้งนี้ ตัว​แทนนักศึกษาอุ​เทนถวาย ยืนยันว่า จะ​ไม่มี​การปราศรัยรุน​แรง ​แต่หากคำตอบที่จุฬาฯ ​ให้ยังคง​เป็นคำตอบ​เดิม หลังจากนี้ ​การ​เคลื่อน​ไหวของอุ​เทนถวาย จะยกระดับ​การชุมนุม​ให้มี​ความเข้มข้นมากขึ้น

               ขณะที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ​เตรียม​แถลงข่าวชี้​แจงกรณีในช่วงเช้านี้ ​แต่จะ​ไม่มี​การหยุดการ​เรียน​การสอน​ทั้งส่วนของมหาวิทยาลัย​ และ​โรง​เรียนสาธิตจุฬาฯ มี​เพียงสำนักงานจัด​การทรัพย์สินฯ ที่จะปิด​ทำ​การ​เท่านั้น

               ด้านที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ​ได้จัด​เตรียมกำลังพร้อมดู​แล​ความ​เรียบร้อย​ใน​การชุมนุมของนักศึกษาอุ​เทนถวายฯ ​แล้ว

 

 

"จุฬาฯ"งัดหลักฐานโต้"อุเทนถวาย"ชี้เป็นเจ้าของพื้นที่

              

                จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดแถลงข่าวกรณีที่สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ได้ยื่นจดหมายลงวันที่ 15 มีนาคม 2556 เรื่องขอโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนให้แก่โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย โดยมี รศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ของจุฬาฯ รศ.ดร.บุญไชย สถิตมั่นในธรรม รองอธิการบดี จุฬาฯ และดร.คณพล จันทร์หอม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของจุฬาฯ ออกมาชี้แจงเนื้อหาจดหมายดังกล่าว

                รศ.ดร.สุเนตร กล่าวว่า เนื้อความในจดหมายดังกล่าวเป็นการตีความเอกสารทางประวัติศาสตร์อย่างคลาดเคลื่อน  เพราะในทางประวัติศาสตร์ไม่มีหลักฐานชี้ชัด หากจะเอามาอ้างเป็นประเด็น อ้างความชอบธรรม ก็ไม่ทราบว่าจะคืนที่ดินให้อุเทนถวายได้อย่างไร เพราะไม่มีการมอบให้กันมาก่อน ส่วนที่มาของจุฬาฯ มีการกำหนดชัดเจนว่า การสถาปนาเป็นไปตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งมีกำหนดไว้ในศิลาจารึกด้านข้างศิลาพระฤกษ์ และมีการกำหนดเขตพื้นที่ และสิทธิ์ทางกฎหมายที่สอดประสานกับการพระราชทานที่มีมาตั้งแต่แรก โดยทิศเหนือจดถนนสระปทุม ทิศใต้จดถนนหัวลำโพง ตะวันออกจดถนนสนามม้า และตะวันตกจดคลอดสวนหลวง รวมอาณาเขตทั้งหมด 1,309 ไร่ ซึ่งรวมพื้นที่ของอุเทนถวาย และครอบคลุมพื้นที่อุเทนถวายอย่างแน่นอน แต่น่าแปลกที่อุเทนถวายไม่เคยพูดถึงหลักฐานชิ้นสำคัญนี้เลย

                ดร.คณพล กล่าวว่า ในปี 2480 ปรากฎว่าต้องจัดตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนั้นเพื่อจะได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จึงได้มีการนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานเลิกสัญญาเช่า และขอพระราชทานที่นี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่จุฬาฯ ซึ่งก็ได้พระราชทานลงมา และรัฐบาลได้นำกฎหมาย พรบ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ.2482 เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และไม่มีใครคัดค้าน ดังนั้น ตามกระบวนการและความชอบด้วยกฎหมาย ขณะนั้นจึงได้ตราออกมาเป็น พรบ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ.2482 และมีแผนที่ออกมาชัดเจน และตั้งแต่นั้น จุฬาฯถือว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยถูกต้องตามกฎหมาย

                 "จนกระทั่งจุฬาฯ ออกนอกระบบมีการออก พรบ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพ.ศ.2551 ในมาตรา 16 กำหนดชัดเจนว่าจุฬาฯไม่เป็นที่ราชพัสดุ และในมาตรา 16 ยังระบุด้วยว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจุฬาฯ ที่ได้มาตาม พรบ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินฯ พ.ศ.2482 จะกระทำมิได้ ในแง่กฎหมายการดำเนินการตามข้อเรียกร้องของนักศึกษามทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายที่ขอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้อุเทนถวาย จึงกระทำมิได้เช่นกัน นอกจากนั้น การยื่นถวายฎีกาของฝ่ายอุเทนถวาย ซึ่งได้หนังสือตอบกลับจากสำนักพระราชเลขาธิการที่แจ้งให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาชี้ขาดการยุติให้การดำเนินการคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(กยพ.) ที่มีมติให้อุเทนถวายขนย้ายและส่งมอบพื้นที่ให้แก่จุฬาฯ ซึ่งถือเป็นข้อยุติและทุกฝ่ายต้องยอมรับในพระราชวินิจฉัยนั้น" ดร.คณพล กล่าว

                รศ.ดร.บุญไชย กล่าวว่า ยืนยันว่าการขอโอนกรรมสิทธิ์ เป็นไปไม่ได้และแม้ทางจุฬาฯจะอยากทำ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมี พรบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ.2551 กำกับอยู่ และจะขัดต่อกฎหมาย ทั้งนี้ กระทรงศึกษาธิการ (ศธ.)จะต้องเป็นเจ้าภาพในการหาพื้นที่ใหม่อุเทนถวาย ทางจุฬาฯ เรียกร้องขอให้ทุกฝ่ายเคารพมติของ กยพ. แต่ทั้งนี้จุฬาฯ ถวายก็ตระหนักดีว่าเรื่องการย้ายเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องมีการวางแผนในการหาพื้นที่และงบประมาณ ดังนั้น จึงไม่ได้เร่งรัดว่าอุเทนถวายจะต้องออกจากพื้นที่ในวันนี้หรือพรุ่งนี้ ส่วนจุฬาฯ ยืนยันว่าจะไม่มีการนำพื้นที่อุเทนถวายไปใช้ในเชิงพานิชอย่างแน่นอน เพราะมีการแบ่งพื้นที่เป็นเขตพื้นที่การศึกษา และพื้นที่พาณิชย์อย่างชัดเจน ซึ่งอุเทนอยู่ในเขตพื้นที่การศึกษา โดยจุฬาฯ โดยจะนำพื้นที่อุเทนถวายไปพัฒนาโครงการศูนย์นวัตกรรมงานสร้างสรรค์เพื่อชุมชน ซึ่งเป็นการขยายพื้นที่การศึกษาของมหาวิทยาลัย

                “จุฬาฯกับอุเทนถวายไม่ใช่คู่กรณีกัน จุฬาฯเคารพในความเป็นสถาบันการศึกษาของอุเทนถวาย ซึ่งการมายื่นหนังสือเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมในการแสดงออกและอุเทนถวายยืนยันว่าจะการดำเนินทุกอย่างเป็นไปอย่างสงบ ดังนั้นจุฬาฯ จึงไม่ได้ปิดการเรียนการสอน กิจกรรมทุกอย่างยังดำเนินไปตามปกติ และยืนยันว่า ยังจำเป็นต้องขยายเขตการศึกษาออกไป เพราะปัจจุบัน จุฬาฯมีจำนวน นิสิต 40,000 คน คณาจารย์ บุคลากร รวมกว่า 8,000 คน และด้วยจำนวนบุคลากรที่มากจึงจำเป็นต้องขยายเขตการศึกษาออกไป เพื่อสร้างองค์ความรู้พัฒนาประเทศ และเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของอุเทนถวายกับจุฬาฯเท่านั้นยังมีองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ในฐานะผู้บังคับบัญชา ต้องลงมาจัดการอย่างไรอย่างหนึ่งในเชิงนโยบายให้มีความชัดเจนว่า เราจะเดินหน้ากันอย่างไร ส่วนกรณีที่อุเทนถวาย เสนอจะขอพูดคุยกันระหว่างสองสถาบันนั้น คงเป็นไปไม่ได้เพราะตอนนี้กระบวนการทุกอย่างจบไปหมดแล้ว และเป็นสิ่งที่นอกเหนือขอบเขตอำนาจของจุฬาฯ จำเป็นต้องมีคนกลางซึ่งคือศธ.ที่เป็นผู้บังคับบัญชามาตัดสิน”รองอธิการบดีจุฬาฯกล่าว

                ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในงานแถลงข่าว มีกลุ่มนักศึกษาจากอุเทนถวายมาร่วมรับฟังคำชี้แจง และได้เสนอว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่ทางอุเทนถวายกับทางจุฬาฯ จะมานั่งคุยเพื่อหาทางออกอื่นร่วมกันได้หรือไม่ เพราะไม่งั้นเรื่องนี้ก็ไม่จบอย่างแน่นอน

 

 

"อุเทน"ขอให้กรมธนารักษ์จัดสรรอ้างต้องใช้เพื่อการศึกษา

 

               ต่อมาเวลา 14.00 น.กลุ่มนักศึกษาอุเทนถวาย ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน ประมาณ 1,200 คน เดินขบวนจากอุเทนถวาย มายังบริเวณทางเข้าอาคารจามจุรี 2 ยึดพื้นที่บริเวณเกาะกลางถนนพญาไท และหนึ่งช่องการจราจร เพื่อยื่นหนังสือทวงถามเรื่องขอให้โอนคืนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย โดยมีนายบุญไชย เป็นผู้รับหนังสือ

               สำหรับการรักษาความปลอดภัยโดยรอบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 640 คน จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.น.)6 จำนวน 500 นาย และเจ้าหน้าตำรวจฝ่ายสืบสวน 80 นาย และตำรวจจราจรกลาง 60 นาย คอยดูแลรักษาความปลอดภัย ตั้งแต่บริเวณแยกมาบุญครองหน้าอุเทนถวาย ไปจนถึงแยกสามย่าน

               บรรยากาศการชุมนุม ภาพรวมเป็นไปโดยเรียบร้อย ไม่มีการปะทะ การจราจรเกิดการติดขัด รถเคลื่อนตัวได้ช้า ขณะที่ แกนนำนักศึกษาอุเทนถวายปราศรัยผ่านเครื่องกระจายเสียงขอให้จุฬาฯใช้ที่ดินเพื่อการศึกษา ตามพระราชปณิธานของ ร.6 ไม่ใช่เพื่อการพาณิชย์ โดยจากนี้ทางอุเทนถวาย จะรอดูท่าทีทางจุฬาฯ อีก 90 วัน ก่อนนัดรวมตัวเพื่อทวงถามเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ยังประกาศยุติบทบาทนักเรียน นักเลงเพื่อระดมสรรพกำลัง สติปัญญาทวงคืนแผ่นดิน ขณะที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าอาคารจามจุรี 2 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนเรียงแถวป้องกันความปลอดภัยประมาณ 30 นาย และได้ปิดประตูรั้วอย่างมิดชิด

               นายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการบริหาร มทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย กล่าวว่า ทางอุเทนถวายคงไม่ออกมาตอบโต้อะไร ซึ่งทางกฎหมายก็มีข้อเท็จจริงอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่า กฎหมายบางฉบับมีความไม่เป็นธรรม ไปลิดรอนสิทธิ์ของผู้อื่น โดยกรณีนี้หากจะแก้ไขจริงๆ ต้องแก้กฎหมายให้ถูกต้อง ที่ดินตรงนี้ อุเทนถวายไม่ได้ขอเพื่อเอามาเป็นของตนเอง แต่จะขอให้กลับไปอยู่ในการดูแลของกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์

 

 

 

...............................................

(หมายเหตุ : ภาพจากแฟ้มข่าว)