ไลฟ์สไตล์

ปัญหาของเกียร์ (1)

ปัญหาของเกียร์ (1)

07 มิ.ย. 2552

ในรถใช้งานทั่วไประบบเกียร์ที่ใช้ส่งกำลังไปขับเคลื่อนที่ล้อนั้นแบ่งกันง่ายๆ ตามความคุ้นเคยมีอยู่สองแบบคือเกียร์ธรรมดา(Manual Transmission) และเกียร์ออโตเมติกหรือเกียร์ออโต้ (Automatic Transmission)

 ทั้งสองแบบนี้ยังแยกย่อยออกไปได้อีกเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหน้า(Front Wheel Drive) ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้อยู่กับรถเก๋งนั่งทุกประเภทในปัจจุบัน จะยกเว้นก็แต่บางยี่ เช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู และอีกบางค่ายที่จัดอยู่ในประเภทรถหรู

 อีกแบบหนึ่งก็เป็นแบบขับเคลื่อนล้อหลัง(Rear Wheel Drive) แบบนี้ก็เช่นกันยังเป็นที่นิยมใช้งานกันอยู่มากโดยเฉพาะกับรถเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Vehicle) เช่น รถกระบะ รถตู้  รถอเนกประสงค์ รถบรรทุกและรถดัดแปลงอื่นๆ

  มาถึงวันนี้คงไม่มีใครพูดกันอีกแล้วว่าระบบขับเคลื่อนแบบใดดีกว่ากัน ความแตกต่างจะขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการใช้งานมากกว่า ในทั้งสองแบบของการขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นล้อหน้าหรือล้อหลังยังจัดเป็นประเภทได้อีกว่าเป็นแบบขับเคลื่อนสองล้อหรือแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และถ้าจะแยกแยะต่อไปอีกผู้อ่านอาจจะงุนงงสับสนกันไปอีกเช่น ขับสี่ล้อแบบถาวรหรือขับสี่ล้อแบบตามต้องการ  ตอนนี้ขอผ่านเรื่องอื่นๆ ออกไปก่อนจะว่ากันเฉพาะเรื่องปัญหาที่เกิดกับระบบเกียร์ และเท่าที่เนื้อที่จำกัดอยู่คงจะพูดได้เพียงเรื่องปัญหาที่เกิดกับเกียร์ธรรมดาก่อน

 เกียร์ธรรมดาจำเป็นต้องมี ชุดคลัตช์ ตัดต่อกำลังจากเครื่องยนต์กับห้องเกียร์ ปกติแล้วระบบเกียร์ธรรมดาได้ชื่อว่าขับได้มัน ขับได้สนุกประหยัดน้ำมัน และทนทานดูแลบำรุงรักษาง่าย เป็นความเชื่อที่เป็นความจริงและถูกต้องมาจนทุกวันนี้

 ในระบบการขับเคลื่อนแบบนี้จริงๆ แล้วปัญหาที่เกิดกับเกียร์นั้นมีน้อยมาก เพราะในห้องเกียร์มีแต่โลหะผสมกับเหล็กที่ถูกออกแบบให้แข็งแกร่งทนทาน แต่ของใช้ย่อมมีวันสึกหรอและเสื่อมสภาพ  ใช้งานไปนานวันเข้าก็จะเกิดปัญหาขึ้นได้เช่น เกียร์เข้ายาก เกียร์หลุด เกียร์มีเสียงดัง

 ก่อนที่จะไปพิจารณาถึงปัญหาว่า เกิดกับเกียร์ (ห้องเกียร์) จนถึงกับต้องซ่อม แก้ไข ปรับต้องหรือผ่าเกียร์ ผู้ใช้รถควรหมั่นสังเกตอาการเริ่มต้นด้วยตนเอง เช่น เกียร์เข้ายากนั้นมักจะเกิดจาก ระบบคลัตช์ เช่น ปั๊มคลัตช์ตัวบนรั่วทำให้ แรงดันน้ำมัน คลัตช์มีไม่พอที่จะไปสั่งให้คลัตช์ตัดกำลังงาน (คลัตช์) จากเครื่องยนต์เมื่อเข้า เกียร์ยาก ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ใด
ก็ให้พิจารณาการ รั่วซึมจากแม่ปั๊มคลัตช์ หรือ ปั๊มคลัตช์ตัวบน(Clutch master cylinder) ไล่ไปตามท่อน้ำมันจนถึงปั๊มคลัตช์ตัวล่าง (Clutch slave cylinder) ถ้าพบกับการรั่วซึมก็จัดการแก้ไขโดยการเปลี่ยนที่จุดนั้น แต่ถ้าหากแน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึมแล้วเกียร์ยังเข้ายากอยู่ก็ต้องไปพิจารณากันที่ชุดผ้าคลัตช์

ที่ผ้าคลัตช์อาจจะสึกหรอหมดสภาพทำให้หมดความสามารถที่จะตัดกำลังจาก เครื่องยนต์(คลัตช์ลื่น) ก็ต้องพึ่งช่างให้ทำการยกคลัตช์ที่หมายถึงการเปลี่ยนผ้าคลัตช์ แผ่นกดคลัตช์ (หวีคลัตช์)

 ราคาของการยกคลัตช์มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของระบบขับเคลื่อน เช่น ขับล้อหลัง (ถูกหน่อย) ขับล้อหน้าแพงหน่อย ขับสี่ล้อแพงมากขึ้นไปอีก แต่เป็นความจำเป็นที่จะต้องทำเพราะไม่อย่างนั้นก็หมดโอกาสในการใช้รถ ปัญหาเกียร์เข้ายากทั้งหมดจะเกิดจากคลัตช์ถ้าเกิดกับเกียร์แล้วเกียร์มักจะเข้าไม่ได้เลยเพราะชิ้นส่วนที่เป็นโลหะภายในแตกหักไปแล้ว
เกียร์หลุด เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในห้องเกียร์โดยตรงก่อให้เกิดความรำคาญกับผู้ใช้เช่น รถอยู่ในเกียร์สองกำลังจะเปลี่ยน เกียร์ สองคันเกียร์หลุดมาอยู่ในเกียร์ว่าง  อาการที่เกิดขึ้นบอกได้เลยว่าชิ้นส่วนชิ้นใดชิ้นหนึ่งของ ชุดเฟืองเกียร์สอง เสื่อมสึกหรอหมดสภาพไปแล้ว จำเป็นต้องยกเกียร์ ผ่าเกียร์เปลี่ยนชุดเฟืองนั้น (ชุดเกียร์สอง) ทั้งชุด อาการเกียร์หลุดจึงจะหายขาด 

 คราวหน้าจะว่ากันถึงเรื่องเกียร์ดัง เกียร์หอน เกียร์ครางที่เป็นเรื่องถกเถียงกันในหมู่ผู้ใช้รถกระบะ