ไลฟ์สไตล์

เขาเจ็ดยอด เชื่อมพัทลุง-ตรัง

เขาเจ็ดยอด เชื่อมพัทลุง-ตรัง

19 พ.ค. 2556

เขาเจ็ดยอด เชื่อมพัทลุง-ตรัง : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์

               กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้อง สำหรับมนุษย์เมืองที่โหยหาธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร แสนพิสุทธิ์ ป่าเมืองไหนๆ ก็ไม่เหมือนป่าเมืองไทย เพราะรกครึ้มไปด้วยหมู่ไม้ และลำธาร น้ำตก ที่ต้องก้าวผ่าน ก่อนจะนำตัวเองขึ้นไปถึงยอดๆ ได้ หลายคนบอกว่า ความสวยงามอยู่ยอดๆ แต่บ่อยครั้งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ความสวยงามมีตลอดรายทาง ขอแค่ก้าวช้าหน่อย พักมากหน่อย ก็อาจได้เจอ

               เขาเจ็ดยอด ชื่อที่นักท่องเที่ยวเดินป่าคุ้นเคย หลายคนเคยไป หลายคนยังไม่เคยไป ป่านี้มีทั้งน้ำตกจริงและน้ำตกร้าง ป่าที่มีหินก้อนใหญ่ๆ ปกคลุมด้วยมอส และป่าที่มียอดเขาสวยงาม ที่เห็นได้กว้างไกลในวันที่อากาศดีๆ เพราะเป็นเขาที่อยู่คาบเกี่ยวกับหลายจังหวัด เพราะความที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด เราเลยจัดทริปแบบขึ้นทางน้ำตกไพรวัลย์ อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง ลงไปโผล่ที่หนานสะตอ อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เสียเลย กับระยะเวลาเหลือเฟือ 4 วัน 3 คืน

               ออกเดินทางกันแต่หัวค่ำด้วยรถทัวร์ ไปลงที่ขนส่งพัทลุงตอนเช้าตรู่ พี่เลี่ยม ไกด์ของเรามารับไปซื้อเสบียงเพิ่มเติม ก่อนจะไปจุดเริ่มต้นขึ้นเป้ ที่น้ำตกไพรวัลย์ น้ำตกใหญ่ ที่สวยงามอีกแห่งของจังหวัดพัทลุง เพียงแต่เป้าหมายของเราอยู่สูงขึ้นไปมาก ราว 10 โมงกว่า พวกเราทั้ง 6 คน รวมพี่เลี่ยมและควน ที่ทำหน้าที่เป็นลูกหาบ ก็พร้อมสำหรับเดินทางไกลข้ามเขา ข้ามจังหวัดกันแล้ว

               แค่เริ่มแรก ก็ทำเอาหอบแล้ว เพราะต้องไต่ขึ้นข้างๆ น้ำตกใหญ่ไพรวัลย์ ทางชันจนถึงด้านบนน้ำตก ที่เหลือเพียงธารน้ำใสนั่นแหละ ถึงได้รู้สึกสบายขึ้นมานิดนึง (จริงๆ)  พักเหนื่อยไม่ทันไร ก็ต้องไปต่อ เพราะเป้าหมายวันนี้ อยู่ไกล ตั้งระยะการเดินก็น่าจะราวๆ 6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าหนักเอาการ

               เดินข้ามน้ำ ข้ามหินกันเกือบ 2 ชั่วโมง ก็โผล่ไปถึงลานทราย ที่เคยมาตั้งแคมป์ค้างคืนแรกเมื่อหลายปีก่อน แต่คราวนี้ เราแค่แวะกินข้าวเที่ยง เล่นน้ำให้พอหายเหนื่อย แล้วก็ข้ามน้ำ จากจุดนี้เอง จำได้ดีว่าเมื่อก่อนเหนื่อยยังไง ตอนนี้ก็ไม่แพ้กัน เพราะต้องเดินขึ้นเขาชันๆ ไปเรื่อย จากที่เดินเกาะกลุ่มหน้า ฉันปล่อยตัวเองลงไปเกาะท้ายดีกว่า จะได้ไม่กดดัน แถมทากยังขึ้นน้อยกว่าอีก

               ทริปนี้เดินกันดีเดือด จนถึงทางข้ามน้ำแอ่งลึก ที่มีเพียงหินก้อนใหญ่กั้นขวางอยู่ นั่นแหละถึงได้พักนานหน่อย ปลดทาก เติมน้ำดื่ม แล้วก็เล่นน้ำให้หายเหนื่อย เพราะจากนี้ไปยังต้องปีนทางชัน เลาะข้างธารน้ำกันไปเรื่อยๆ เทรลเดินเหมือนไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย แล้วยังเป็นเส้นทางเลาะธารน้ำไป

               ช่วงหลังๆ เริ่มพักกันถี่ขึ้น คนนำผลัดมาเดินตาม ใครกำลังดีก็เดินไปก่อน จากเดิมที่ตั้งเป้าถึงที่หมายก่อน 6 โมงเย็น ตอนนี้ ลดเวลาลงมาหน่อย

               "เดินแค่ 5 โมงเย็นพอ ถึงตรงไหนก็หาที่พักตรงนั้นแหละ" เสียงหัวหน้าทริปบอกไกด์ของเรา แต่ไม่นานก็ถึงที่หมายตั้งแคมป์ริมธารน้ำ ที่ด้านหน้าจากลานทรายกลายเป็นลายหิน จากอิทธิพลของน้ำป่า พักมื้อค่ำ ทำกับข้าวกันยังไม่ทันเสร็จ ฝนก็เทมาห่าใหญ่  แต่มื้อค่ำกลางสายฝนในป่าใหญ่ อะไรๆ ก็อร่อยไปหมด 555

               รุ่งขึ้น ไม่หวังได้ดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่แค่จิบกาแฟริมน้ำก็สุขใจ วันนี้ล่ะที่เราจะขึ้นถึงยอดเขา โดยมีเป้าหมายไปนอนเล่นซะ 2 คืน เส้นทางเข้าป่าลึก บางช่วงชัน บางช่วงเดินสบายๆ แต่ทากชุมชะมัด รายทางของธารน้ำ เป็นจุดแวะพักขา

               หลังพักมื้อเที่ยงตรงธารน้ำที่จะมุ่งเข้าไปสู่น้ำตกร้างและเป็นทางขึ้นยอดเขา จากนี้แหล่ะ ที่ดูเหมือนเราจะต้องทำตัวรักก้อนหินและสายน้ำกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทะลุขึ้นถึงยอดเขา บ่ายแก่ ฝนเริ่มมา ระหว่างที่ไต่ตามก้อนหินที่หลายๆ ก้อนปกคลุมไปด้วยมอส สวยงาม ของ น้ำตกร้าง แต่ตัดใจไม่ถ่ายรูปเพราะแสงน้อย แถมฝนทำท่าจะลงมาทักทายอยู่รอมมะร่อ

               เดินไต่ตามกันไปไม่หยุด จากฝนโปรยปราย กลายเป็นฝนหนัก ระยะทางยิ่งชันขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็ได้ยยินเสียงกิ๊วก๊าว ของก๊วนหน้า เหมือนจะพ้นทางชันถึงวิวเปิดยอดเขาแล้วนะ เราเร่งฝีเท้าตามขึ้นไปให้ได้ชื่นใจกับเขาบ้าง ฝนซาเมื่อถึงโผล่ขึ้นสันเขา รู้สึกเหมือนมีอะไรกัดหัว พอให้เพื่อนดู ถึงได้รู้ว่า เสียท่าเจ้าทากไปแล้ว คงอ้วนกลมทิ้งตัวไปแล้ว เหลือเพียงรอยเลือดไว้ให้เพื่อนดูต่างหน้า

               ชี้ชวนกันดูยอดนั้น ยอดโน่นได้พักหนึ่ง ก็ตัดใจเอาแบบเฮือกสุดท้ายให้ถึงที่พักเลยดีกว่า ไกด์พาเลาะเดินตามเทรลข้างเขา ผ่านยอดนี้ขึ้นยอดนั้น ไปยอดนู้น เห็นหมอกขึ้นรำไร จนตอนแรกนึกไปว่า มีใครมาก่อกองไฟตรงที่เราพัก จนเดินถึง อ้อ...ไม่มีแฮะ

               ตั้งแคมป์กับเสร็จ เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เพราะจะได้พักยาวหน่อย ต่างคนต่างจับจองพื้นที่ผูกเปลนอน มีทำเลให้เลือกเยอะ พอเอาเข้าจริง ฉันก็ไกลเพื่อนอีกแล้วซิ ด้านหัวนอนเป็นป่าโบราณ ต้นไม้ใหญ่  กระรอกหางฟูเป็นพวงออกมาวิ่งเล่นปลุกฉันตื่นตอนเช้า "เจ้านี่เอง มิน่าเมื่อคืนมีเสียงก๊อกแก๊กอยู่เรื่อย"

               อีกเสียงเหมือนคนเดินมาไม่ไกล ที่แท้ก็เพื่อนฉันเอง ที่ขึ้นไปชะโงกดูฟ้า ก่อนจะมาชวนกันไปดูดวงอาทิตย์ขึ้น แค่เดินขึ้นเนินไม่กี่ก้าวก็เห็นทะเลหมอก ปกคลุมในแอ่งเขา จนต้องหยุดถ่ายรูปเป็นระยะ กว่าจะถึงยอดเขา แสงเริ่มสาดเขาเป็นริมไลท์ เราเลยเริ่งฝีเท้าอีกหน่อยถึงเนินเขา ก็ได้เห็นแสงวันใหม่ ที่มีก้อนเมฆใหญ่ๆ พยายามจะบดบัง แต่แสงก็ยังลอดส่องลงมากระทบผืนน้ำกว้างๆ

               "นั่นไง ทะเลสาบสงขลา" พี่เลี่ยมบอก วันนี้ถือว่าโชคดีที่เห็นวิวเปิดได้ไกล เขาลูกเล็กๆ ดูเป็นตะปุ่มตะป่ำในหุบ ยอดไม้แน่นๆ ในหุบล้อแสงแดดและหมอกบางๆ ปุยเล็กๆ ยามเช้า ดูสดใส ถ่ายรูปกันจนลืมนึกถึงกาแฟที่เตรียมขึ้นมาชงจิบเย้ยเขาไปเลย

               สายๆ ถึงได้ลงมาจัดการมื้อเช้า แล้วค่อยออกเดินเล่น ส่วนฉันเลือกนั่งจิบกาแฟ นอนเล่นที่แคมป์ สักพักเพื่อนกลับมา บอกว่าเย็นๆ ค่อยไปเดินดีกว่า ตอนนี้ร้อนมว้ากกกก ... ตามนั้น แต่ตอนเย็นก็มีโอกาสขึ้นกัน 2-3 ยอด แต่วิวเปิดให้เห็นเป็นบางจังหวะ ลมเย็นๆ กล่อมเกลาให้อิ่มเอมกับธรรมชาติป่าเขาเบื้องหน้า เพื่อนไปปีนก้อนหินเล่น "ขึ้นยาก แต่ก็เป็นไปได้นะ" จนเมฆสีเทาหม่นก้อนใหญ่ คืบคลานเข้ามานั่นแหละ ถึงได้กลับแคมป์กัน

                วันรุ่งขึ้น 9 โมงเป๊ะ เก็บแคมป์เรียบร้อยออกเดินทาง เราเดินฉีกไปอีกด้านของขามา เพื่อลงเขาด้านฝั่งจังหวัดตรัง เป้าหมายอยู่ที่หนานสะตอ อ.ปะเหลียน ก่อนบ่ายสอง ทางเลาะเขาลงชันเรื่อยๆ มีข้ามธารน้ำนิดหน่อย ผิดกลับฝั่งพัทลุง พวกเราแวะพักเที่ยงกับริมธารน้ำใหญ่ แต่ก็อยู่ไม่ได้นานเพราะฝนมาห่าใหญ่ ตัวบีบคั้นให้เราต้องเร่งเดินทางแข่งกับเวลา แล้วไม่นานก็หลุดออกสู่ป่ายาง จากจุดนี้อีกราว 40 นาที เราก็โผล่หน้ามาเจอกับป้าย "หนานสะตอ" และธารน้ำ ที่หมายปลายทางของเรา ทุกคนจัดแจงอาบน้ำกันที่น้ำตกนี่แหละ แต่พอมองท้องฟ้าแล้ว หนุ่มๆ ที่จะนั่งหลังกระบะตัดสินใจยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า แล้ว ... ฝนห่าใหญ่มาส่งพวกเราจนถึงสถานีรถไฟจังหวัดตรัง 

               รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากชานชาลา  แต่ฉันยังไม่ลืมความรู้สึกของสายลมเย็นๆ บนยอดเขา และสายน้ำใสๆ ในร่องน้ำตก แต่ก็อดนึกไปถึงขยะที่สอดแทรกมาให้เห็น โดยเฉพาะใกล้แคมป์บนเขาไม่ได้ จนต้องออกปากฝากฝังพี่ๆ คนนำทาง ให้ช่วยคอยดูแลผู้มาเยือน

 

.................................................

(เขาเจ็ดยอด เชื่อมพัทลุง-ตรัง : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์ )