ไลฟ์สไตล์

ผาดโผนเลียบค่ายนายร้อย'จปร.'

ผาดโผนเลียบค่ายนายร้อย'จปร.'

24 ก.พ. 2556

ผาดโผนเลียบค่ายนายร้อย'จปร.' : คอลัมน์ ชวนเที่ยว โดย... เรื่อง // ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์

          เพราะหนังสือ "รบไป กินไป" ของ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ นายทหารศิษย์เก่า โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า โรงเรียน จปร. บอกเล่าถึงความสวยงามของถนนที่มุ่งสู่โรงเรียน จปร. ที่ร่มครึ้มไปด้วยต้นประดู่ แต่สวยกว่าเมื่อถึงตอนมีดอก หรือตอนดอกร่วงเต็มพื้นถนน ก็ดูสวยงาม จนอยากจะไปดูกับเขาบ้าง แต่พอมีโอกาสก็ไม่ตรงจังหวะ แบบนี้ไปเล่นกิจกรรมผาดโผนเอามันส์ ดีกว่า
 
          ถนนของฉันมุ่งสู่ จปร. จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางรังสิต-องครักษ์-นครนายก (ถนนหมายเลข 305) ถึงแยก จปร. เลี้ยวซ้ายตรงไปจนถึง โรงเรียน จปร. หรือถ้าใครสะดวกเส้นหินกอง จากหินกองตรงไปผ่านแยกบ้านนา ถึงแยก จปร. (ถนนหมายเลข 33 สุวรรณศร) 
 
          โรงเรียน จปร. อยู่ติดกับเขาชะโงก มีพื้นที่ประมาณ 19,290 ไร่ เป็นสถานที่ให้การศึกษาแก่ผู้ที่จะรับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตรแห่งกองทัพไทย และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเที่ยวชม สัมผัสชีวิตและกิจกรรมทางทหาร ตามนโยบายกองทัพบก จนได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ครั้งที่ 3 ประจำปี 2543 ประเภทรางวัลดีเด่นโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว
 
          เข้าไปในโรงเรียน จปร. ใครว่าเจอแต่นักเรียนนายร้อย และทหาร ฉันเจอกับต้นไม้เยอะกว่าเพื่อน เห็นถึงความร่มรื่น ความน่าอยู่ ปนความขลังของสถานที่ จนอยากจะย้อนเวลากลับไปเป็นนักเรียนใหม่ จะสมัครเรียนให้ได้ จบมาเป็นทหารหญิงติดยศโก้เก๋ เอ๊ะ...เค้ามีนักเรียนนายร้อยหญิงหรือเปล่านะ??
 
          แวะไปติดต่อที่ศูนย์บริการท่องเที่ยว หรือสมาคมแม่บ้าน ได้แผนผังแสดงจุดต่างๆ พร้อมกับรายละเอียดของกิจกรรมมา 1 ใบ มีเจ้าหน้าที่อธิบายให้ฟังคร่าวๆ ว่าควรไปจุดไหนบ้าง เวลาทำกิจกรรมแต่ละฐาน ซึ่งไปเองเสาร์-อาทิตย์ก็มีเฉพาะกิจกรรมบางประเภทให้เล่น แต่ถ้าไปเป็นหมู่คณะ หรือเข้าค่ายล่ะก็ ติดต่อล่วงหน้าสัก 2 สัปดาห์ รับรองว่ามีกิจกรรมให้เล่นสนุกๆ อีกมากเลยทีเดียว ทั้งกิจกรรมทางทหาร การปลุกพลัง และกีฬา เรื่องที่พักไม่ต้องห่วง ที่นี่มีที่พักรองรับ ทั้งกรุ๊ปใหญ่ หรือไปเดี่ยวๆ
 
          เราเริ่มจากสักการะ เจ้าพ่อขุนด่าน ที่ตั้งอยู่บนชะง่อนหิน เขาชะโงก ไม่ไกลจากศูนย์บริการท่องเที่ยว ใครที่ไปเขื่อนขุนด่านปราการชล ที่อยู่ไปทางน้ำตกนางรอง เห็นชื่อเดียวกันนี้ ก็คือบุคคลเดียวกันนี่แหละ และถือเป็นผู้มีคุณูปการต่อจังหวัดนครนายกและประเทศไทยอีกบุคคลหนึ่งเลยทีเดียว ตามประวัติ ระบุว่า ขุนด่าน เป็นนายด่านเมืองนครนายกสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อปี พ.ศ. 2130 ขณะที่ไทยต่อสู้ทำสงครามกับพม่า เขมรได้รุกรานและกวาดต้อนผู้คนแถบปราจีนบุรี เพื่อนำกลับไปเป็นเชลย ขุนด่านรวบรวมชาวเมืองนครนายกที่เขาชะโงก แล้วยกกำลังขับไล่เขมรออกไป จนเขมรแตกพ่าย  
  
          บริเวณด้านล่างศาลเต็มไปด้วยตุ๊กตาม้าลาย เยอะมากๆ จนตาลายเห็นเป็นทางม้าลายกันทีเดียว เจ้าหน้าที่ดูแลบอกว่า เป็นตุ๊กตาแก้บน จริงๆ แล้วควรเป็นม้าศึก แต่ที่นครนายกมีการทำตุ๊กตาปูนปั้นม้าลายเยอะ ที่นี่เลยเต็มไปด้วยม้าลายอย่างที่เห็น
 
          จากศาลเจ้าพ่อขุนด่าน เพื่อนฉันอยากออกกำลังเต็มแก่ เลยขอไป โดดหอ เล่นซะก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะพลาดโอกาสงามๆ ไปได้ เพราะโดดหอ-โรยตัว เป็นหนึ่งในกิจกรรมทางทหารที่เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ พ.ท.ปฏิภาณ ศรีวรรณรัตน์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลฐานบอกว่า เพราะวันธรรมดาทหารก็มีหน้าที่อื่นที่ต้องทำเช่นกัน จึงเปิดให้บุคคลทั่วไปมาเล่นได้วันเสาร์-อาทิตย์ หรือถ้าติดต่อเป็นหมู่คณะมาล่วงหน้า ก็เปิดให้ตามวันที่ติดต่อมาทำกิจกรรมได้
 
          ฐานนี้ มีทหารจากกองวิชาสงครามพิเศษ ส่วนวิชาทหาร รร.จปร. เป็นผู้ดูแล ใช้กำลังเจ้าหน้าที่หลายคน ทั้งคนปล่อย และคนคอยรับเบื้องล่าง ฉันยืนชะเง้อคอมอง ไม่สูงเท่าไหร่ แต่ได้ยินมาบ่อยว่า ระยะเสียวสุดของคนเรา มันต้องอยู่ที่ความสูง 34 ฟุตเท่านั้น เกินกว่านี้ หรือน้อยกว่านี้ก็ไม่เกิดอาการเสียวเท่า แบบนี้ต้องลองซะหน่อยแล้ว
 
          เพื่อนของฉันเตรียมพร้อมสำหรับการโดดหอ ส่วนฉันก็เตรียมพร้อมถ่ายรูป(ดีกว่า) แต่ก็ขออนุญาตขึ้นไปทดสอบความเสียวด้านบนกับเขาด้วยเหมือนกัน บร๊ะเจ้า...แค่เดินขึ้นก็หอบซะแล้ว พอขึ้นถึงด้านบน แค่ไม่ถึงกับยืนริมๆ ที่มีรั้วเหล็กกั้นไว้ ก็รู้สึกได้ถึงอาการเสียววูบ จ.ส.ต.วัฒนา สมดวงศรี ที่ดูแลการปล่อยตัวด้านบน บอกฉันว่า "ตอนขึ้นมาแรกๆ ก็เสียวครับ แต่พอนานๆ ไปก็ชิน"
 
          "นี่ใช่มั้ย ที่เรามักเห็นภาพ ใครไม่กล้าโดดจะโดนยันออกไป" ฉันพูดขึ้นมา จ.ส.ต.วัฒนา รีบแก้ต่าง ไม่ใช่นะครับ เป็นลมพัดหวนมาพอดี เลยเหมือนผลักออกไปราวกับถูก... (ฮา) 
 
          เพื่อนของฉันที่เคยไปโรยตัวหน้าผาน้ำตกมาแล้ว อดร้องไม่ได้ตอนเจ้าหน้าที่จะปล่อยตัว แต่ก็เริงร่าปลายสายสลิงไปได้ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยรับตัวอยู่ปลายทาง เพื่อนฉันบอกว่า "แค่วูบเดียวเอง" งั้นเอาใหม่ แต่ดูเหมือนจะเล่นกันแค่ 2 รอบ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การโดด แต่อยู่ที่การเดินขึ้นบันไดไปตั้งหลักต่างหาก ...แฮ่กๆๆ
 
          จากโดดหอ ยังลองโรยตัวทั้งแบบธรรมดา หรือลงแบบสไปเดอร์แมน เดินลงมา หรือจะไต่ลงมาตามลักษณะที่ฉันว่าเหมือนตุ๊กแกไต่ข้างฝา ก็ทำได้ที่หอเดียวกันนี่แหละ แต่ก่อนปล่อยให้เล่น ก็จะสอนวิธีการเบรก การปล่อยลง เรียกว่า สนุกปนหวาดเสียว ก็ต้องมาที่นี่ล่ะ
 
          เปลี่ยนมากิจกรรมทางน้ำกันบ้าง "เลื่อนข้ามน้ำ" จะมีลูกโป่งน้ำให้ไปหย่อนลงตรงจุดที่กำหนด ใครหย่อนลงก็ได้เล่นรอบต่อไปฟรี ดูเหมือนฐานนี้เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ เลื่อนข้ามน้ำเห็นวิวเขาสวยๆ หรือจะพายเรือคายัก หรือเรือถีบ ก็เล่นได้จนเย็นทีเดียว เจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้ายังมีคนมาเล่นก็ยินดีบริการเช่นกัน  ส่วนพวกผู้ชายสนใจอีกกิจกรรมที่อยู่ไม่ไกลกัน ทั้งยิงธนู ยิงปืน ถ้ามีเวลาหน่อย อาจจะได้เล่นยิงปืนเพนท์บอลกัน นอกจากนี้ยังมีฐานกิจกรรมปลุกพลัง แต่จะเปิดให้สำหรับการมาทำกิจกรรมเป็นหมู่คณะ
 
          หลังแยกย้ายกับเพื่อน ฉันยังอดไม่ได้ที่จะวนรถเข้าไปชมด้านใน ผ่านอาคารเรียนสีสวย ด้านหลังอาคารกองบัญชาการโรงเรียนนายร้อย จปร. มีศาลาวงกลม หรือศาลาลม ภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ส่วนบริเวณโดยรอบร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักเรียนนายร้อย ช่วงเย็นๆ ก็มีคนมาวิ่งออกกำลังกาย หรือไม่ก็มาขี่จักรยานกัน  
 
          ก่อนกลับ ยังได้แวะ อาคารพิพิธภัณฑ์ จปร.100 ปี  ชมนิทรรศการเกี่ยวกับกองทัพไทย จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เคยใช้ทำสงครามในอดีต เครื่องแบบนายทหารของกองทัพ คุ้มค่าจริงๆ กับค่าเข้าชมแค่ 10 บาท ด้านข้างยังมีต้นสุพรรณิการ์ เยอะแทบจะเป็นสวน ดอกเริ่มร่วง แต่งแต้มพื้นดินเป็นสีเหลือง ดูสวยงาม  
 
          หมดวันไปอย่างรวดเร็ว ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่ยังลิ้มรส ทั้งเดินป่าผจญภัยและพักแรมบนเขาชะโงก ...โรงเรียน จปร. อยู่ใกล้แค่นี้ ยังไงก็ไม่พลาด ได้ไปอีกแน่ๆ
.......................................
ติดต่อศูนย์บริการท่องเที่ยว รร.จปร. 0-3739-3185, 0-3739-3010-4 ต่อ 62960-1,
.......................................
(หมายเหตุ ผาดโผนเลียบค่ายนายร้อย'จปร.' : คอลัมน์ ชวนเที่ยว โดย... เรื่อง // ภาพ :  นพพร วิจิตร์วงษ์)