
'หนู'สุริยาภา เตะต่อย ออกหมัด
'หนู'สุริยาภา เตะต่อย ออกหมัด สลัดความเครียด : คอลัมน์ขอเวลานอก : โดย...เรื่อง ณุวภา ฉัตรวรฤทธิ์ : ภาพ สุกล เกิดในมงคล
"การต่อยมวยเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง ระหว่างเหวี่ยงหมัดเราไม่มีสิทธิคิดเรื่องอื่นเลย ต้องคิดตามที่เทรนเนอร์บอกซ้ายขวา เตะ ต่อย วอกแวกนิดเดียวเสียจังหวะหมดเลยนะ เพราะฉะนั้นการที่เราได้ใช้สมาธิแม้จะครั้งละ 3 นาที แต่พอได้ใช้เรื่อยๆ ก็ทำใจเรานิ่งได้ระดับหนึ่งเลย"
การออกกำลังกายไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง (ถ้าทำอย่างจริงจัง) จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ขอเวลานอกในวันนี้จะพาทุกคนไปดูสเต็ปท่วงท่าการออกแรงเหวี่ยงปลายมือเท้าสุดแรงเกิด ของสาวรุ่นใหญ่ที่บอกกับเราว่าชีวิตนี้ไม่เคยมีช่วงไหนที่คิดจะหยุดออกกำลังนานๆ สักครั้ง พร้อมชักชวนเราเข้ามาที่ ทรู ฟิตเนส สาขาเอ็กซ์เชนจ์ ทาวเวอร์ สถานที่ซ้อมมวยของเธอคนนี้ ต้อนรับกันด้วยเสียงปะทะของนวมดังสนั่นไปทั่วยิมอันเป็นการปลดปล่อยความเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจของผู้คนที่มาออกหมัดกัน ในที่นั้นเราได้เห็นนักประชาสัมพันธ์คนเก่ง "หนู" สุริยาภา บุนนาค ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายสื่อสารองค์กร สายการบินนกแอร์ ในชุดออกกำลังกายทะมัดทะแมง เดินมาทักทายพร้อมกับนวมและเทรนเนอร์คู่ใจที่สอนการออกสเต็ปกันมากว่า 1 ปี ทั้งคู่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับชั่วโมงสุขภาพที่จะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
"เมื่อก่อนจะชอบออกกำลังกายปกติ เป็นคนชอบเล่นกีฬาที่แรงๆ เร็วๆ พอมีคนแนะนำให้ต่อยมวยดูก็ติดใจต่อยมาเป็นปี คิดว่าการต่อยมวยเป็นวิธีการเผาผลาญที่ดีที่สุด ออกได้ทุกส่วน ได้กับเรื่องหัวใจมากที่สุดด้วย เวลาออกกำลังกายอื่นๆ หัวใจเราไม่ได้สูบฉีดมากเท่าที่ควร แต่การต่อยมวยได้รู้สึกมีการปั๊มอย่างเต็มที่ ต่อยยกหนึ่งประมาณ 3 นาที รู้เลยว่าเหนื่อยมาก แรกๆ ก็เล่นเอาเราหอบเลยนะ ถึงตอนนี้ก็ยังหอบอยู่ (หัวเราะ) แต่ว่าสนุกมาก วันไหนเหนื่อยมึน ต่อยไปสัก 10 นาที จะรู้สึกมีชีวิตชีวาหัวโล่งเลยนะ ไอ้ที่เหนื่อยมาหายหมดเลย อะดรีนาลีนได้หลั่งเต็มที่เรามีความสุขต่อไปอีกทั้งวัน" สาวนักชกบอกความชื่นชอบให้ฟังก่อนออกวอร์มร่างกายเพื่อขึ้นชกเป็นรายต่อไป
เมื่อใส่นวมเสร็จก็ออกแรงวอร์มด้วยการถือดัมเบลเล็กๆ ต่อยลมซ้าย ขวาข้างละ 15 ครั้ง พร้อมยืดเส้นยืดสายในส่วนอื่นๆ ไปด้วย เจ้าตัวบอกว่าบางทีใช้การปั่นจักรยาน 15 นาที เพื่อเตรียมกล้ามเนื้อให้ยืดหยุ่นพร้อม ก่อนเริ่มต่อยกับเทรนเนอร์ที่จะใช้เบาะมาเป็นแรงต้านเล่นเป็นเซต เซตละ 3 นาที ดูเป็นเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำเอาเหนื่อยไม่น้อย
"ที่เล่นอยู่ไม่ใช่มวยไทยแท้ๆ เป็นศาสตร์บ๊อกซิ่งอย่างหนึ่ง ใช้การออกหมัดเตะต่อยเป็นเบสิกอย่างหนึ่ง เป็นรูปแบบของการออกกำลังกายไม่ใช่ไปน็อกใคร แถมป้องกันตัวเองไปด้วย ก่อนต่อยมวยได้เล่นบอดี้คอมแบทมาก่อน มีลักษณะคล้ายต่อยมวยแต่เป็นการต่อยลม แต่ต่อยมวยในที่นี้เรามีการปะทะจริงๆ ไม่เหมือนกันเลย บอดี้คอมแบทชั่วโมงนึงสบาย แต่แบบนี้เรามีแรงต้านแค่ 3 นาที เหนื่อยสะท้านเลย เพราะการต่อยที่ถูกต้องไม่ได้ใช้กำลังจากแขน แต่ใช้แรงออกจากเอวตลอดเวลา ต่อยไปได้ประมาณ 2 เดือนก็เริ่มซื้อนวมให้ตัวเอง เพราะเราเป็นคนข้อมือเล็กมาก แรกๆ ใช้นวมปกติรู้สึกว่ามันล็อกมือเราไม่เน้น เลยไปหาซื้อมาเองเป็นนวมที่ใส่แล้วพอดีข้อมือ เวลาปล่อยหมัดออกไปเราไม่เจ็บข้อมือ ขนาดเหมือนนวมเด็ก เทรนเนอร์เป็นคนไปหาให้จากสนามมวยลุมพินีเลย ล็อกข้อมือเราดีมาก" เจ้าของนวมสีขาวชี้ชวนให้เราดูก่อนสวมใส่นวมคู่ใจ
เสียงเหวี่ยงหมัดซ้าย ขวา ตุ้บตั้บ!...อย่างต่อเนื่องจวบจนเวลา 3 นาทีผ่านไป ก็ถึงช่วงพักแม้ท่าทางเจ้าตัวยังไม่ออกอาการเหนื่อยมาก แต่ก็รีบบอกกับทุกคนว่า เนื่องจากช่วงนี้ต้องเดินทางบ่อยเลยไม่ได้มาออกกำลัง เหมือนปกติที่ต้องมาเล่นในวันจันทร์ อังคาร พุธ ติดต่อกันสม่ำเสมอ เลยอาจได้เห็นอาการเหนื่อยหอบเป็นธรรมดา เพราะเวลาไม่ได้ต่อยนานพอกลับมาเล่นอีกทีอาการ "เรียกแรงไม่ขึ้น" จึงมาเยือน
"การต่อยมวยเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง ระหว่างเหวี่ยงหมัดเราไม่มีสิทธิคิดเรื่องอื่นเลย ต้องคิดตามที่เทรนเนอร์บอกซ้ายขวา เตะ ต่อย วอกแวกนิดเดียวเสียจังหวะหมดเลยนะ เพราะฉะนั้นการที่เราได้ใช้สมาธิแม้จะครั้งละ 3 นาที แต่พอได้ใช้เรื่อยๆ ก็ทำใจเรานิ่งได้ระดับหนึ่งเลย จากที่ต่อยมวยมานอกจากเจ็บข้อมือเพราะนวมไม่รัดพอดีก็ไม่เคยบาดเจ็บเรื่องอื่น อาจจะมีเรื่องที่เทรนเนอร์เองเจ็บตัวเพราะเราแวบไปคิดเรื่องงานเลยเสียสมาธิไปนิดนึง เทรนเนอร์สั่งให้เตะซ้าย เราก็เตะขวาไป ต้องนึกแล้วว่าวันนี้เราไม่ค่อยพร้อม แต่ถ้าให้ไปมีคู่ชกจริงจังพี่ว่าพี่ยังไม่มีแรงพอขนาดนั้นเพราะเราตัวเล็ก กระดูกเล็ก แค่มีเทรนเนอร์คอยต้านเวลาเตะต่อยก็เหนื่อยแล้ว" พีอาร์ตัวแม่ค่ายนกแอร์เล่า
ลุยกันอีกหลายยกที่เจ้าตัวออกแรงเหวี่ยงแขนขาเต็มที่ กับเทรนเนอร์ส่วนตัวของพีอาร์คนเก่ง ครูภา ที่บอกว่าสเต็ปมวยของศิษย์คนนี้เข้าสู่ระดับที่ 3 ใช้การเตะเป็นหลัก ซึ่งการยกขาถี่ๆ กันหลายทีสามารถเผาผลาญแคลอรี่ไปได้หลายโข พูดจบก็แอบสังเกตอาการลูกศิษย์พบว่าเธอพร้อมแล้วครูสาวก็รีบหยิบเบาะรองรับหน้าแข้งเล็กๆ พร้อมตะโกนปลุกเร้าอารมณ์นักเตะอย่างเต็มที่ ผ่านไป 3 นาที (อันยาวนาน) ยิ้มเหนื่อยๆ เริ่มมีให้เห็นแต่ร่างกายยังขยับทั้งเดิน ทั้งกระโดดไปมา พร้อมเตะต่อยเต็มที่
"จุดประสงค์ที่เรามาออกกำลังกายเยอะๆ คือเพื่อสุขภาพ เราเป็นคนทำงานเยอะ อายุก็เยอะแล้วด้วย แต่ด้วยการงาน ด้วยสังคมก็ยังมีพฤติกรรมทำลายสุขภาพอยู่เยอะ เลยอยากหาอะไรช่วยให้ร่างกายทำงานได้สมบูรณ์ ผ่อนคลายขึ้น โดยเฉพาะการหายใจเป็นอะไรที่สำคัญต่อร่างกายมาก การที่เราหายใจให้ลึกแล้วปล่อยออกมา เราได้ออกซิเจนเข้าร่างกายเต็มที่ สมองเราจะโล่งผ่อนคลายเมื่อเล่นไปสักระยะหนึ่ง ไม่ได้ทำเพื่อจะให้ผอมอะไรเลย ขนมเค้ก ของหวานทุกอย่างเป็นของโปรดชอบกินหมด นอกจากนี้การต่อยมวยยังได้ความคล่องตัว กระฉับกระเฉงไปเต็มๆ ถ้าให้พี่ไปเล่นโยคะก็หลับนะ เมื่อก่อนจะเล่นอะไรหนักๆ อย่างพีราเตส ที่ใช้หน้าท้องในการเคลื่อนไหวทั้งหมดเล่นแล้วหน้าท้องจะเรียบมาก มีเล่นเครื่องเวฟที่เล่น 15 นาที เท่ากับวิ่ง 1 ชั่วโมงด้วย ใครมาทักว่าแก่ขนาดนี้ยังไม่มีพุง ก็ไม่แปลกเลยเพราะเราออกกำลังเยอะมาก ตอนนี้ให้ไปซิทอัพ 100 ที ก็ยังสบายๆ แต่เราทำแบบนี้มานานมากนะไม่ใช่เพิ่งมาทำแล้วแข็งแรง เริ่มจากเมื่อก่อนเราเต้นบัลเลต์เป็นครูสอนด้วย พอมีลูกเลยหยุดไปใช้วิธีการออกกำลังกายที่บ้านแทน ทำมาตลอด 20 กว่าปี ไม่เคยหยุดออกกำลังกายเลย" เจ้าตัวทิ้งท้ายด้วยการชี้ให้เห็นถึงผลดีของการออกกำลังกายเป็นประจำ
ก่อนเน้นย้ำด้วยท่าทางมีความสุขในช่วงท้ายชั่วโมงของการออกหมัด ว่าตอนนี้อายุ 55 แล้วนะจ๊ะ ดูสิยังไหวอยู่ !
..........................................
('หนู'สุริยาภา เตะต่อย ออกหมัด สลัดความเครียด : คอลัมน์ขอเวลานอก : โดย...เรื่อง ณุวภา ฉัตรวรฤทธิ์ : ภาพ สุกล เกิดในมงคล )