ไลฟ์สไตล์

ไล่ผอ.สายปัญญาฯ-นศ.อุเทนฯประท้วงจุฬาฯ

ไล่ผอ.สายปัญญาฯ-นศ.อุเทนฯประท้วงจุฬาฯ

15 ก.พ. 2556

ศิษย์เก่า ครู -นักเรียนร.ร.สายปัญญาฯผนึกกำลัง จี้ผอ.-รองผอ.ลาออก ผลหารือสรุปผู้บริหารทั้งสองคนยอมย้ายไปช่วยราชการ ด้าน'ม็อบนศ.อุเทนถวาย'ประท้วงจุฬาฯไล่ที่

               15 ก.พ.56  เมื่อเวลา 07.00 น. กลุ่มศิษย์เก่าโรงเรียนสายปัญญาในพระบรมราชินูปถัมภ์ในนามสโมสรศิษย์เก่าสายปัญญาคาเฟ่นำโดย นางภัทรนันต์  ถาวรภูสิต ซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสายปัญญาฯได้รวมกลุ่มประมาณ 20 คนและเดินขบวนไปยังโรงเรียนสายปัญญาเพื่อยื่นหนังสือให้ นางตรีสุคนธ์  จิตต์สงวน ผอ.โรงเรียนสายปัญญาฯ ลาออกจากตำแหน่ง  เนื่องจากบริหารงานไม่โปร่งใส ไม่สนใจพัฒนาโรงเรียน  ทำให้ครูขาดขวัญและกำลังใจการทำงานจนขอย้ายและขอเกษียณก่อนกำหนดไปหลายคน

              ต่อมาเวลา 07.20 น.กลุ่มศิษย์เก่าได้เดินขบวนมาถึงโรงเรียนสายปัญญาและมีศิษย์เก่าและผู้ปกครองมาสมทบทำให้มีผู้ชุมนุมเพิ่มเป็นกว่า 40 คน และบรรดาศิษย์เก่าได้ร่วมกันทำพิธีสักการะพระรูปพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์และร้องเพลงประกาศิตสายฟ้าซึ่งเป็นเพลงประจำโรงเรียน แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในโรงเรียนได้ เนื่องจากประตูรั้วถูกล็อกและด้านหน้าโรงเรียนมีเจ้าหน้าที่เทศกิจและเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่ 4-5 คน ขณะเดียวกันภายในโรงเรียนก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่หลายคน

              ทั้งนี้ บรรดาศิษย์เก่าจึงใช้โทรโข่งเชิญชวนน้องๆ นักเรียนโรงเรียนสายปัญญาลงมาจากอาคารเรียนเพื่อให้มาร่วมชุมนุม แต่นักเรียนไม่สามารถลงมาได้ เนื่องจากถูกครูสั่งห้ามและมีการข่มขู่ว่าหากนักเรียนคนใดลงมาร่วมชุมนุมจะเรียนไม่จบ  แต่ก็ยังมีนักเรียนชั้น ม.5 กว่า 10 คน หนีครูลงมาร่วมชุมนุมและร้องไห้เสียใจ อึดอัดกับการที่โรงเรียนถูกทำร้าย  ขณะเดียวกันก็ถูกครูและเจ้าหน้าที่ตำรวจถ่ายรูปไว้และมีการข่มขู่ว่าจะเรียนไม่จบ สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่กลุ่มศิษย์เก่า

              นักเรียนชั้นม.5 คนหนึ่งที่มาร่วมชุมนุม  กล่าวว่า เรียนที่โรงเรียนสายปัญญามาตั้งแต่ ม.ต้น และรู้สึกไม่พอใจกับการบริหารงานของ ผอ.โรงเรียน คนปัจจุบันที่บริหารงบประมาณไม่สะอาด มีรู้ว่าเอาเงินที่เรียกเก็บจากนักเรียนไปทำอะไรบ้าง เช่น ค่าบัตรวิ่งแข่งการกุศลขายให้นักเรียน  ก็ไม่รู้ว่าเอาเงินไปทำอะไร และไม่ได้มาดูแลโรงเรียน

               จากนั้นตั้งแต่เวลา 08.30 น.  ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.) เขต 1 นำโดยนายธีรพล  บัวแก้ว รองผอ.สำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย สพฐ.และนายจิรวัฒน์  ขวัญช่วย รองผอ.สพม. เขต 1 ได้มาเจรจากลุ่มศิษย์เก่าเป็นระยะโดยขอให้ยื่นหนังสือไว้และเดินทางกลับ แต่กลุ่มศิษย์เก่าไม่ยินยอม  กระทั่งเวลา 09.30 น.นายจิรวัฒน์ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่เปิดประตูเพื่อให้กลุ่มศิษย์เก่าเข้าไปในโรงเรียนเพื่อเจรจากับผู้บริหารโรงเรียน ซึ่งเมื่อกลุ่มศิษย์เก่าเข้าไปบรรดานักเรียนที่ยืนอยู่ตามอาคารต่างๆได้ส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีและลงมาชุมนุมกันเพื่อรอฟังผลเจรจาในห้องประชุมโรงเรียนโดยผู้บริหารสพฐ. สพม.เขต 1  ตัวแทนศิษย์เก่า ผู้บริหารสายปัญญาสมาคม ครู นักเรียนและผู้ปกครอง รวมทั้งนางตรีสุคนธ์ จิตต์สงวน ผอ.โรงเรียนสายปัญญาฯและนายกฤษดา  ประยงค์พันธ์   รองผอ.ฝ่ายบุคคล ร่วมเจรจา 

              นางภัทรนันต์ ถาวรภูสิต ซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสายปัญญาฯ กล่าวว่า โรงเรียนสายปัญญาก่อตั้งมานานนับ 100 ปี เคยติดอันดับ 1 ใน 10 โรงเรียนดังของประเทศ แต่วันนี้โรงเรียนตกต่ำลงมากแม้แต่ 1 ใน 100 ก็ยังไม่ติดเพราะนางตรีสุคนธ์    จิตต์สงวน ผอ.โรงเรียนสายปัญญาฯคนปัจจุบันบริหารงบประมาณไม่โปร่งใสไม่ได้ชี้แจงต่อผู้ปกครอง นักเรียน ศิษย์เก่า ผู้บริหารสายปัญญาสมาคมและราชสกุลสายสนิทวงศ์ว่าเงินบริจาคที่ได้รับจากโครงการต่างๆเช่น โครงการเทศน์มหาชาติ โครงการงาน”100ปีรฦก พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์” ซึ่งจัดขึ้นมาช่วง 1-2 ปีนี้เงินบริจาคอยู่ที่ไหนและเอาไปทำอะไรบ้าง มีการจัดซื้อเครื่องถ่ายเอกสารมูลค่ากว่า 1 ล้านโดยไม่มีการประมูล  รวมไปถึงเงินอื่นๆเช่น  เงินค่าบัตรวิ่งแข่งการกุศลขายให้นักเรียนคนละ 2 ใบ ราคาใบละ 200 บาท ซึ่งนักเรียนมี 4 พันคน รวมเป็นเงินประมาณ 8 แสนบาท  เงินทัศนศึกษา เงินจ้างแม่บ้านที่เรียกเก็บจากนักเรียนว่ามีการนำไปใช้อย่างไรบ้าง

              “ที่น่าเศร้าใจนางตรีสุคนธ์ ยังเรียกเงินบริจาคจากเด็กยากจนที่มาเข้าเรียน ม.1 โดยไม่มีใบเสร็จ ทำให้ลุงของเด็กต้องไปกู้เงินและเสียดอกเบี้ยร้อยละ 20  ไม่อยู่โรงเรียนเพื่อดูแลและพัฒนาโรงเรียน  ไม่ดูแลครูทำให้หมดขวัญและกำลังใจขอย้ายไปโรงเรียนอื่นและขอเกษียณก่อนกำหนดด้วย” นางภัทรนันท์ กล่าว

              น.ส.ปภาดา ศักดิ์วรากุลชัย ศิษย์เก่าโรงเรียนสายปัญญาฯ  กล่าวว่า  กลุ่มศิษย์เก่า  ผู้บริหารสายปัญญาสมาคม ครูและนักเรียนรุ่นปัจจุบันต่างเห็นพ้องกันว่า  นางตรีสุคนธ์ จิตต์สงวน ผอ.โรงเรียนสายปัญญาฯ และนายกฤษดา  ประยงค์พันธ์   รองผอ.ฝ่ายบุคคลโรงเรียนสายปัญญาฯมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมใน 3 ประเด็นได้แก่  1.ขาดจริยธรรม  จรรยาบรรณในการเป็นครูและผู้บริหาร 2.ใช้งบประมาณไม่โปร่งใส และ 3.ล้มเหลวในการบริหารงาน  

                ดังนั้น จึงขอให้สพม.เขต 1  สั่งพักราชการนางตรีสุคนธ์และนายกฤษดาหรือสั่งย้ายไปบริหารโรงเรียนมัธยมแห่งอื่นเพื่อเป็นหลักประกันว่านักเรียนและครูที่เกี่ยวข้องในการชุมนุมและร้องเรียนทั้งหมด จะไม่ถูกกลั่นแกล้งในการทำงานหรือไม่ให้เรียนจบ  รวมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา 2 ชุดคือ คณะกรรมการชุดแรกตรวจสอบการทำงานของนางตรีสุคนธ์ ผอ.โรงเรียน และคณะกรรมการชุดที่สองตรวจสอบการทำงานของนายกฤษดาด้วย

                ผศ.บุญล้อม  มะโนทัย วัย 85 ปี ศิษย์เก่าโรงเรียนสายปัญญาฯและอดีตนายกสายปัญญาสมาคมหลายสมัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือไปถึง รมว.ศึกษาธิการและรมช.ศึกษาธิการเพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีการสร้างหลังคาโดมหน้าอาคารเรียนตึก 1 เนื่องจากตนได้สอบถามความเห็นจากทายาทของราชสกุลสายสนิทวงศ์   ซึ่งเป็นผู้บริจาคตำหนักและที่ดินก่อตั้งโรงเรียนสายปัญญา เกี่ยวกับการสร้างหลังคาโดมดังกล่าว ก็ได้รับความเห็นว่าไม่เหมาะสม ทำให้เสียทัศนียภาพของโรงเรียนและอาคาร 1 นั้นจำลองแบบมาจากตำหนักวังของพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ หากดำเนินการใดๆในการรื้อถอน ต่อเดิมใดๆโดยไม่ได้หารือทายาทราชสกุลสายสนิทวงศ์และสายปัญญาสมาคมก็เท่ากับไม่ให้เกียรติของราชสกุลสายสนิทวงศ์     

                นอกจากนี้ นางตรีสุคนธ์ จิตต์สงวน  ผอ.โรงเรียนสายปัญญาฯก็มักไม่ค่อยมาร่วมประชุมกับคณะกรรมการสายปัญญาสมาคมโดยอ้างว่าติดราชการ  และนายกฤษดา   ประยงค์พันธ์   รองผอ.ฝ่ายบุคคลโรงเรียนสายปัญญาฯยังมีพฤติกรรมใช้วาจาไม่เหมาะสม  ข่มขู่  ก้าวร้าวกับผู้บริหารสายปัญญาสมาคมและครูในโรงเรียน  ซึ่งศธ.ได้ตั้งสอบสวนในเรื่องการสร้างหลังคาโดมและพฤติกรรมของนายกฤษดาโดยผลสรุปว่านายกฤษดายอมรับว่า กระทำจริง

                “ขณะนี้ความขัดแย้งระหว่างครู นักเรียน ศิษย์เก่าและผู้บริหารสายปัญญาสมาคมกับนางตรีสุคนธ์  และนายกฤษดา ประยงค์พันธ์ รองผอ.ฝ่ายบุคคลโรงเรียนสายปัญญาฯได้กลายเป็นความร้าวฉาน จนอยู่ด้วยกันไม่ได้อีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเป็นศัตรูกัน   จึงอยากให้ สพม.เขต 1 ย้ายทั้งสองคนไปโรงเรียนอื่นเพราะทุกฝ่ายได้ข้อสรุปว่าพฤติกรรมที่ผู้บริหารทั้งสองคนแสดงออกนั้นไม่ได้รักโรงเรียนสายปัญญาเหมือนที่ทุกฝ่ายรักโรงเรียนแห่งนี้   จึงควรไปบริหารโรงเรียนอื่นดีกว่า     ซึ่งการย้ายออกไปในเวลานี้ หากวันข้างหน้าทั้งสองคนกลับมาโรงเรียนในฐานะอดีตผู้บริหารโรงเรียน ก็ยังพูดคุยกันได้” ผศ.บุญล้อม  กล่าว

                นางตรีสุคนธ์  จิตต์สงวน   ผอ.โรงเรียนสายปัญญาฯ กล่าวว่า  เวลานี้หายใจก็ยังผิด ซึ่งขอชี้แจงว่า เงินโครงการเทศน์มหาชาติไม่ได้ไปไหน ยังอยู่ในปบัญชีธนาคารเป็นเงินกว่า 8 แสนบาท ส่วนการสร้างหลังคาโดมนั้นเพราะเห็นนักเรียนร้อน จึงได้สร้างเพื่อประโยชน์ของนักเรียน ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตตามมา  และกรณีครูสอนภาษาญี่ปุ่นขอย้ายไปนั้น ได้ขอร้องไว้และหาอาจารย์มาสอนแทน

                “อยากให้มีกระบวนการตรวจสอบ เพราะดิฉันแจกแจงได้ทุกข้อ และจะได้มีการพิสูจน์และทำให้รู้ความจริงว่าดิฉันทำงานโปร่งใส  ดิฉันเป็นคนพูดไม่เก่ง คนพูดเก่งก็ชนะไป” นางตรีสุคนธ์ กล่าว

                นายกฤษดา ประยงค์พันธ์ รองผอ.ฝ่ายบุคคลโรงเรียนสายปัญญาฯ กล่าวว่า กรณีงบทัศนศึกษาของนักเรียน ม.ต้นคนละ 450 บาท และนักเรียนม.ปลายคนละ 470 บาทโดยให้จัดทัศนศึกษาเทอมละ 1 ครั้งนั้นยังมีเงินเหลืออยู่ ไม่ได้เอาออกไปไหน ส่วนค่าจ้างแม่บ้านก็นำมาจ้างแม่บ้านและรปภ.  ซึ่งเงินเหล่านี้อยู่ครบ 100 %   เอาไปไหนไม่ได้เพราะผิดระเบียบราชการ  ส่วนเรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับผู้บริหารสายปัญญาสมาคมและกล่าวพาดพิงครูหลายคนนั้น ก็รู้สึกว่าเสียใจและต้องขอโทษด้วย ทั้งนี้ ยินดีให้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง

                ทั้งนี้   ในการหารือตัวแทนศิษย์เก่า  ผู้บริหารสายปัญญาสมาคม ครู นักเรียนและผู้ปกครองต่างพูดถึงปัญหาต่างๆในโรงเรียนและมีการเปิดคลิปในการประชุมนักเรียนซึ่งนักเรียนแอบอัดไว้เพื่อแสดงเป็นหลักฐาน  เช่น  การพูดพาดพิงถึงครูในทางไม่เหมาะสม  ครูขาดขวัญและกำลังใจในการทำงานทำให้ขอย้ายไปโรงเรียนอื่นหรือขอเกษียณก่อนกำหนด ทำให้โรงเรียนขาดแคลนครูโดยเฉพาะด้านภาษาอังกฤษ   ภาษาต่างประเทศ  เงินโครงการเทศน์มหาชาติ  เงินโครงการงาน”100ปีรฦก พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์”   ปัญหาเงินทัศนศึกษา  เงินจ้างแม่บ้าน  และเรียกร้องให้นางตรีสุคนธ์เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเงินบริจาคในโครงการเทศน์มหาชาติ และโครงการงาน”100ปีรฦก พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์”

                พร้อมทั้งแสดงสมุดบัญชีเงินฝาก กระทั่งในที่สุดนางตรีสุคนธ์ได้ยอมเปิดเผยข้อมูลยอดเงินบริจาคโครงการเทศน์มหาชาติมีรายรับ  1,297 ,409 บาท  ปัจจุบันเหลือ 825,936 บาท  พร้อมกับบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชีเทศน์มหาชาติ สาขากรุงเกษม  และยอดเงินโครงการงาน”100ปีรฦก พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์” มีรายรับ 132,321 บาทและรายจ่าย 123,046  บาท ปัจจุบันเงินเหลือ 9,275   บาท และบัญชีเงินฝาก

                  นายสายัณห์ รุ่งป่าสัก ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.) เขต 1 กล่าวว่า จากการหารือกันนางตรีสุคนธ์ จิตต์สงวน  ผอ.โรงเรียนสายปัญญาฯ และนายกฤษดา ประยงค์พันธ์ รองผอ.ฝ่ายบุคคลโรงเรียนสายปัญญาฯขอไปช่วยราชการชั่วคราวที่สพม.เขต 1  จนกว่าผลการสอบสวนข้อเท็จจริงจะสรุปออกมา ซึ่งตนจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามที่กลุ่มศิษย์เก่าและผู้บริหารสายปัญญาสมาคมร้องเรียนซึ่งมีรวบรวมได้ 14   ข้อให้ได้ข้อสรุปภายในเดือนมีนาคมนี้โดยจะให้ความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย

                "ส่วนการตรวจสอบกรณีเงินบริจาคจากการจัดงาน”100 ปีรฦก พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์”นั้น จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปชี้แจงข้อมูลด้วย  ส่วนการจะย้ายผู้บริหารโรงเรียนสายปัญญาทั้งสองคนไปโรงเรียนอื่นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1   นอกจากนี้ ตนขอรับรองในความปลอดภัยของนักเรียนและครูที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากใครถูกกลั่นแกล้งก็ขอให้แจ้งมายังตนโดยตรง   หากผู้บริหารโรงเรียนมีพฤติกรรมกลั่นแกล้งตนจะลงโทษ" นายสายัณห์ กล่าว

 

ม็อบนศ.อุเทนถวายปิดถ.พญาไทสุดฉุนจุฬาฯไล่ที่

                 เมื่อเวลา 15.00 น. บริเวณหน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลุ่มนักศึกษาศิษย์ปัจจุบัน และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ประมาณ 500 คน เดินประท้วงจากหน้าอุเทนถวาย ไปจนถึงบริเวณจามจุรี สแควร์ โดยการเดินประท้วงดังกล่าว นักศึกษาไม่ได้ตะโกน หรือสร้างความวุ่นวาย เพียงแต่ถือป้ายผ้า เรียกร้องให้จุฬาฯ คืนที่ดิน เพราะที่ดินดังกล่าวได้รับพระราชทาน และเดินย้อนกลับมาวางพวงหรีดหน้ามหาวิทยาลัย

               นายสืบพงษ์ ม่วงชู รักษาการรองอธิการบดี มทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน ที่ได้รับทราบข้อมูล ว่าทางจุฬาฯ จะไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดิน ซึ่งจะหมดสัญญาในปีนี้ จะมีการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้จุฬาฯ ต่อสัญญาเช่าที่ดิน แต่ไม่ทราบว่านักศึกษาจะออกมาเรียกร้องวันนี้ ซึ่งตอนที่ทราบเรื่องว่านักศึกษาจะรวมตัวกันเรียกร้องนั้น ตนได้ขอความร่วมมือจากนักศึกษา แล้วว่าจะดำเนินการอะไร ขอให้นึกถึงภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย และต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ขณะเดียวกันได้ขอให้ทางคณบดีในแต่ละคณะห้ามปรามเด็ก ไม่ให้กระทำการไม่เหมาะสม

               แหล่งข่าวระดับสูงจากอุเทนถวาย กล่าวว่า ตามที่มีการฟ้องร้องกัน ศาลได้มีการตัดสินแล้วว่า ที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุเทนถวาย ย่านปทุมวัน เป็นกรรมสิทธิ์ของจุฬาฯ และศิษย์เก่าอุเทนถวายได้ถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อขอใช้สถานที่ดังกล่าวต่อไป และหากจุฬาฯจะดำเนินการอะไรต่อไป ขอให้ทรงมีพระราชวินิจฉัยลงมาก่อน

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นก็ได้พยายามติดต่อไปทางฝั่งผู้บริหารของจุฬาฯ ทั้งคุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ นายกสภามหาวิทยาลัย , ศ.ดร.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาฯ แต่ไม่สามารถติดต่อได้

               สถานการณ์ ล่าสุด กรณี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโลยีราชมงคลจะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย รวมตัวกันทั้งศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน เดินขบวนประท้วง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ยกเลิกต่อสัญญาเช่าพื้นที่ ได้ยุติลงแล้ว โดยก่อนหน้านี้มีการรวมตัวกันเดินขบวนบนถนนพญาไท ตั้งแต่แยกสามย่าน และเมื่อถึงหน้าประตูของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการวางพวงหรีดกลางถนน แต่เนื่องด้วยการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเจรจาให้กลุ่มนักศึก เอาพวงหรีดออกเพื่อคืนพื้นผิวจราจร.

               ทั้งนี้ ทางแกนนำได้ออกแถลงจุดยืนของมหาวิทยาลัยโดยได้ ตั้งข้อสังเกตว่าทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอาจจะเอาพื้นที่เพื่อไปใช้ในเชิงพาณิชย์ อย่างจามจุรีสแควร์ที่ในขณะนี้เป็นในเชิงธุรกิจแล้วและในวันที่ 31 มี.ค.นี้ โรงเรียนปทุมวันระดับประถมก็จะต้องย้ายออกทางกลุ่มจึงจะไปปรึกษากับหลายหน่วยงานเพื่อที่จะคัดค้านและหาทางออก พร้อมทั้งมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขอคืนพื้นที่เพื่อการศึกษา โดยอุเทนถวาย เองจะเป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องร้องเรียน และเรียกร้องจากการขอคืนพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นสนามศุภชลาสัยที่ถูกขึ้นค่าเช่า โรงเรียนปทุมวัน ที่ถูกยกเลิกสัญญา และอุเทนถวาย เองที่ถูกยกเลิกสัญญาเช่นเดียวกัน

               สำหรับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวายมีอายุ กว่า 80 ปี และมีชื่อเสียงในด้านการผลิตช่างก่อสร้าง และวิศวกร ให้กับประเทศจำนวนมาก