
"พระไม่ควรเป็นหมอดู เพราะไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
"เราจะทำจิตใจสงบเย็นได้อย่างไร ในภาวะโลกร้อน เราจะมีชีวิตอย่างไร โดยไม่มีความกังวลใดๆ ขณะที่คนส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่กับความกังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เราไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สมัยอาตมาเป็นเด็ก มีข่าวเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์ สงครามในยุโรป ตอนบว
พระอาจารย์พรหมวงฺโส ชาวอังกฤษ ลูกศิษย์ หลวงปู่ชา สุภัทโท ยังกล่าวอีกว่า อาจารย์ชาไม่เคยทำนายอะไรในสิ่งเหล่านี้
นอกจากเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งที่มักมาช่วยงานอาจารย์ชาอยู่บ่อยๆ
วันหนึ่งผู้ชายคนนี้ขอให้อาจารย์ชาอ่านลายมือให้หน่อย อาจารย์ชาบอกชายคนนั้นไปว่าพระที่ดีไม่ทำนาย ชายคนนี้ก็บอกว่า ได้ช่วยงานวัดทุกอย่าง นี่เป็นครั้งแรกที่ขอหลวงพ่อ ทำไมหลวงพ่อทำให้ไม่ได้
อาจารย์ชาตกที่นั่งลำบาก แต่ท่านก็ให้ชายคนนี้ส่งมือมาหน่อย แล้วท่านกล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ดูลายมือให้ เพราะอาจารย์ชาไม่เคยโกหก สิ่งที่ท่านพูดต้องเป็นความจริง ชายผู้นั้นดีใจ แล้วอาจารย์ชาก็เริ่มดูลายมือช้าๆ ทีละเส้นๆ ชายคนนั้นตื่นเต้นมาก จากนั้นอาจารย์ชาก็หยุด แล้วพูดว่าลายมือน่าสนใจนะ ผู้ชายคนนั้นก็ยิ่งตื่นเต้น อยากรู้ว่าหลวงพ่อจะพูดว่าอย่างไร แล้วท่านก็พูดว่าอนาคตของท่านไม่แน่นอน
อาจารย์ชาคือพระที่ยิ่งใหญ่ ที่รู้ว่าจะออกจากสถานการณ์ที่สำบากได้อย่างไร
ขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หรือแม้แต่ยังไม่ลำบาก แต่ในใจกลับทำตัวเองให้ลำบากไปก่อน คือ เต็มไปด้วยความกังวล โน่นนี่ จนทำให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่าที่ควรจะเป็น
สำหรับพระอาจารย์พรหมวงฺโส ท่านกล่าวว่า ในเมื่อเราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้น "สงคราม" หรือ "โลกร้อน" ก็เหมือนกัน มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เรารู้ว่าจะไม่กังวลกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร เพราะถ้าเรามัวแต่กังวล เราจะหมดเวลาไปกับความกังวลในวินาทีนั้น
"ดูขวดน้ำใบนี้ เห็นน้ำในขวดกระเพื่อมไหม อาตมาจะทำให้น้ำในขวดนี้นิ่ง โดยการถือไว้อย่างเอาจริงเอาจัง อาตมาตั้งใจถือไว้นิ่งๆ เพราะอยากให้น้ำในขวดนิ่ง ยิ่งตั้งใจเท่าไหร่ น้ำในขวดก็ไม่นิ่ง นี่คือการปฏิบัติผิด ถ้าจะถือจิต ถ้าจะบังคับจิต ถ้าจะหวังว่าจิตจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ต้องวางไว้ ถูกไหม"
"พอวางขวดไว้ อาตมามีแต่มอง ไม่ได้ทำอะไร มองไป มองไป ไม่ได้ทำอะไร ตอนแรกน้ำในขวดยังไม่นิ่ง อีกสักพักหนึ่ง น้ำยังไหวนิดๆ หน่อยๆ อีกสักพักหนึ่งจะนิ่งจริงๆ ความนิ่งเป็นอัตโนมัติของจิต ไม่เกี่ยวข้องกับความพยายาม ถ้าปล่อยวางไม่บังคับ จิตจะค่อยๆ นิ่งเอง อย่างนี้เป็นสิ่งที่จะพิสูจน์ตัวเรา ถ้าเราจับขวด จับไปจับมา เป็นการควบคุมมัน จิตมันจะยิ่งดิ้น พระพุทธเจ้าบอกให้ปล่อยวาง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเราบังคับไม่ได้ ปล่อย ปล่อย ปล่อย แล้วจิตจะค่อยๆ นิ่ง พอจิตนิ่งแล้วจะมีความสุขมาก"
"อาจารย์ชาสอนว่า ถ้าอยากมีร่างกายที่มีกำลังแข็งแรง ก็ต้องออกกำลัง ถ้าอยากจะมีพลังของจิตต้องให้จิตนิ่ง ยิ่งจิตนิ่งยิ่งมีกำลัง ยิ่งแข็งแรง ถ้าคิดไปคิดมา ทำให้จิตไม่นิ่ง ทำให้จิตอ่อนแอ จะฝึกจิตให้นิ่ง จิตมีกำลังมาก"
แล้วเมื่อจิตนิ่ง เวลาทำอะไรปัญญาก็จะมาช่วยทัน เช่นเดียวกับตอนที่ท่านอาจารย์ชาให้พระอาจารย์พรหมวงฺโสเดินทางไปประเทศออสเตรเลีย ทั้งๆ ที่ท่านไม่เคยเห็นออสเตรเลียมาก่อน เมื่อไปแล้วก็พบว่าการฝึกจิตกับอาจารย์ชามาก่อนนั้น ทำให้สามารถก้าวพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้
"การสร้างวัดก็ลำบากมาก อาตมาเรียนปริญญาโททางด้านวิทยาศาสตร์ ไม่ค่อยใช้แรงงานออกเหงื่อ ในเมืองไทยอาตมาออกบิณฑบาตในซอยตอนเช้าๆ เห็นคนงานยกปูนซีเมนต์ ตอนสร้างวัดในออสเตรเลีย อาตมาก็ต้องทำอย่างนั้นเหมือนกัน เป็นพระเรียนสูงมาก็ต้องมาเป็นกรรมกรเหมือนกัน ต้องออกแรก ผสมปูนเอง ก่ออิฐเอง ขุดท่อระบายอุจจาระเอง ทำห้องน้ำเอง ทำเองทุกสิ่งทุกอย่าง"
ท่านบอกว่า ในเมืองไทย บางทีพระอยู่สูงเกินไป ถ้าพระอยู่สูงเกินไป จะอยู่เหนือคนธรรมดา อยู่เหนือประชาชน ประชาชนกับพระจะคุยกันยาก จะแก้ปัญหาให้คนไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นพระอย่าอยู่เหนือใคร อย่าอยู่สบายมากเกินไป การห่างกับประชาชนจะยิ่งทำให้ศาสนาเสื่อม
"อาตมาออกบิณฑบาตตอนเช้าทุกเช้า จริงๆ ไม่ต้องออกบิณฑบาตทุกวันก็ได้ แต่เป็นชาวพุทธ เราต้องออกบิณฑบาต เพื่อให้ประชาชนได้เห็น ได้ถวายอาหาร ได้พบปะกันพูดคุยกัน แล้วคนทุกวันนี้ไม่ได้ไปวัดทุกคน เราต้องไปหาเขา"
๒๕ ปีผ่านไปในออสเตรเลีย พระอาจารย์พรหมวงฺโสบอกว่า คนนับถือศาสนาพุทธเยอะขึ้น ผิดกับเมื่อก่อนที่เขาไม่เคยเห็นพระ
"เดี๋ยวนี้ออกบิณฑบาตตอนเช้า ก็มีคนมาถวายอาหาร รู้จักกันทุกคน เวลานี้จึงเป็นเวลาที่สำคัญที่สุด ถ้าเรามัวแต่กังวลเรื่องอนาคต เรากำลังละเลยเวลาที่จะทำอะไรดีๆ เดี๋ยวนี้ปัญหาของพวกเราที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะเราแก้ไม่ถูกจุดต่างหาก การแก้ปัญหาเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ก็คือการที่เรากลับมาอยู่ตรงนี้ ขณะนี้อย่างแท้จริง แล้วเราจะรู้ว่าเราจะหาทางออกให้ปัญหาแต่ละอย่างได้อย่างไร อาตมาพบว่าคนที่ผ่อนคลายมากที่สุด คือคนที่มีความสุขที่สุด และคือคนที่ประสบความสำเร็จ
"หยุดกล่าวโทษคนนั้นคนนี้ซะที แล้วคิดว่าเราจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหมือนโลกร้อน เราจะทำอะไรกับมันได้ สำหรับอาตมาเห็นว่า สาเหตุของโลกร้อน คือ คนเยอะเกินไป อาตมาก็เลยทำหน้าที่ลดโลกร้อนด้วยการเป็นพระ"
พระอาจารย์พรหมวงฺโส หรือ พระอาจารย์พรหม เกิดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๙๔ หลังจากเรียนจบทางด้านฟิสิกส์ ในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก็ทำงานเป็นครูอยู่ปีหนึ่ง ก่อนตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทย
ท่านอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๓ ปี ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยมี พระพรหมคุณาภรณ์ (ปัจจุบัน คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์) เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นท่านเดินทางไปยังสำนักของ หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี และอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่ชา ถึง ๙ ปี
ในพ.ศ. ๒๕๒๖ หลวงปู่ชาให้ท่านเดินทางไปเผยแผ่พระธรรมในประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาส วัดป่าโพธิญาณ และประธานทางจิตวิญญาณของพุทธสมาคมแห่งประเทศออสเตรเลียตะวันตก (The Buddhist Society of Western Australia)
พระอาจารย์พรหมวงฺโส ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระวิสุทธิสังวร เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙
หนังสือที่ท่านเขียนเรื่อง "Opening the Door of Your Heart" แปลเป็นภาษาไทยว่า "ชวนม่วนชื่น" เล่มนี้ ได้รับการแปลเป็นหลายภาษา และได้พลิกชีวิตผู้อ่านมาทั่วโลกแล้ว สนใจคลิกเข้าไปรับชมรับฟังธรรมบรรยายได้ที่ www.bswa.org