
ศิลปะทำมือชูเอกลักษณ์อีสาน
ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม 'มหาศาลฯ' ศิลปะทำมือชูเอกลักษณ์อีสาน : โดย...ไพรจิตรา สุวรรณรักษ์
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ศิลปวัฒนธรรมของชาวอีสานนั้น งดงามมากเพียงใด หลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้คนนอกพื้นที่หรือแม้แต่ชาวต่างชาติ อยากที่จะมาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่ภาคอีสาน ด้วยเอกลักษณ์ที่ชอบความสงบเรียบง่ายและสามารถนำวัตถุดิบจากสิ่งรอบตัวมาทำให้เกิดประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งสืบสานมาจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างมากหลาย โดยเฉพาะ ผ้าไหม ที่เป็นที่เลื่องลือในเรื่องความสวยงาม เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าและคุณภาพที่ดีเยี่ยม
เหล่านี้เป็นแรงผลัก ทำให้ เบญจมาศ ราศี วัย 30 ปี ชาวมหาสารคาม แต่มาเอาดีด้านการค้าขายที่ จ.ขอนแก่น เมื่อราว 3 ปี ที่ผ่านมา โดยดึงเอาเอกลักษณ์ของชาวอีสานให้คนทั้งประเทศได้เห็น สะท้อนออกมาในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ผ้าไหมในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็ต้องอยากได้มาเป็นเจ้าของ
"เบญจมาศ" ย้อนอดีตให้ฟังว่า เดิมเป็นชาวมหาสารคาม และมีชีวิตคลุกคลีอยู่กับผ้าไหมมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ความรักในผ้าไหมตรึงอยู่ในหัวใจแบบแกะไม่ออก จึงอยากที่จะนำเอกลักษณ์อันทรงคุณค่าของชาวอีสานออกมานำเสนอให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่า ผ้าไหมอีสานมีเสน่ห์เพียงใด และได้คิดค้นการแปรรูปผ้าไหมให้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ของใช้ในรูปแบบต่างๆ โดยเน้นที่คุณภาพ คุณประโยชน์ และหัวใจสำคัญคือ ความเป็นอีสาน ที่ไม่เหมือนชาติใดในโลก
"ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบผ้าไหมมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากคุณแม่ชอบสะสมผ้าไหม ทำให้ได้คลุกคลีอยู่กับผ้าไหมตลอด พอโตขึ้นความรักในผ้าไหมจึงฝังตรึงมาด้วย ทำให้อยากจะมีร้านผ้าไหมเป็นของตัวเอง และได้หาทำเลเพื่อเปิดร้าน จนได้ร้านที่ตลาดต้นตาล จ.ขอนแก่น ซึ่งตรงกับความตั้งใจแต่แรก เนื่องจาก จ.ขอนแก่น ถือว่าเป็นเมืองหลวงของภาคอีสาน คนจะเยอะเป็นพิเศษ การตลาดก็จะดีไปด้วย และยังเป็นการเผยแพร่ศิลปะผ้าไหมอีกทางหนึ่งด้วย" เบญจมาศ บอกถึงความฝันอันเป็นที่มาของกิจการร้าน
พร้อมระบุว่า ที่สำคัญร้านขายผ้าไหมที่เมืองขอนแก่นยังไม่ค่อยมีร้านที่แสดงออกถึงความเป็นอีสานแบบเจาะลึกจริงๆ จึงมีแนวคิดจะนำเสนอตรงจุดนี้ ซึ่งผ้าไหมที่นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของใช้ต่างๆ จะมีไหมมัดหมี่ ไหมโสร่ง เป็นต้น โดยจะนำมาแปรรูปเป็นกระเป๋า หมอนอิง ชุดเสื้อผ้า หมวก ของตกแต่งบ้านสไตล์อีสาน และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสินค้าทุกชิ้นจะอยู่ภายใต้ชื่อแบรนด์ "มหาศาล-อีสานบูทีค”
เจ้าของแบรนด์ "มหาศาล-อีสานบูทีค" ยังเล่าอีกว่า ผ้าไหมที่นำมาแปรรูปนั้น เป็นไหมแท้ ซื้อมาจากฝีมือการทอของคนอีสานจริงๆโดยจะมีแค่ 3 จังหวัดเท่านั้น ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องของไหม ได้แก่ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น อีกทั้งที่ จ.มหาสารคาม และ จ.ชัยภูมิ โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะออกแบบเอง และสมาชิกที่ตัดเย็บสินค้าก็จะเป็นกลุ่มแม่บ้านตั้งแต่สี่ดาวถึงห้าดาว
"ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะออกแบบเองทั้งหมด ตั้งแต่ออกแบบลายไหม ไปจนถึงรูปแบบของสินค้าชนิดต่างๆ ซึ่งผ้าไหมแต่ละผืนที่เรานำมาแปรรูปจะมีราคาตั้งแต่ผืนละ 2,500 บาทขึ้นไป เนื่องจากผ้าไหมทุกผืนจะทอด้วยฝีมือคนทั้งหมด จึงใช้ระยะเวลานานพอสมควร ซึ่งเราอยากจะให้คนทั่วไปได้เห็นฝีมือของชาวอีสานจริงๆ ไม่ใช้ฝีมือของเครื่องจักรเหมือนที่อื่นๆ ซึ่งตรงนี้เรายึดถือเป็นหลัก จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของชิ้นงานต่างๆ"
ส่วนขั้นตอนการทำผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด เบญจมาศ เล่าว่า ขั้นตอนการทำไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด แต่ต้องประณีต สวยงาม ยกตัวอย่างเช่น กระเป๋า ซึ่งตอนแรกจะเริ่มจากการสเก็ตช์แบบออกมาก่อนว่าจะขึ้นรูปแบบไหน ไซส์อะไร จากนั้นก็จะเริ่มวางผ้าเพื่อเลือกว่าจะใช้ผ้าสีและลายแบบไหน ซึ่งจะดีไซน์ออกมาให้เห็นถึงความแตกต่างจากร้านอื่นมากที่สุด หลังจากเลือกลายได้แล้วก็จะเป็นขั้นตอนการตัดผ้าไหมตามขนาดที่ออกแบบไว้ พอได้ชิ้นผ้าที่ตัดเรียบร้อยแล้วก็จะนำมาเย็บขึ้นรูปพร้อมกับประกอบวัสดุแต่ละส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ตรวจความเรียบร้อยก็เป็นอันเสร็จ
"ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นจะเล่นที่สีสันสดใส ทำให้เป็นที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นที่สะดุดตาของผู้ที่พบเห็น โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่จะชอบเลือกซื้อสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย โดยรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากผ้าไหมเฉลี่ยได้เดือนละ 3 หมื่นบาท ส่วนหนึ่งจะมาจากออเดอร์จากต่างประเทศ และในพื้นที่ด้วย ซึ่งจะสั่งทำในรูปแบบของที่ระลึก ของขวัญ และอื่นๆ แล้วแต่ลูกค้าจะสั่งทำ"
สำหรับในส่วนราคาของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดนั้น เบญจมาศบอกว่า ขึ้นอยู่กับปริมาณของผ้าที่ใช้ ชนิดของสินค้า และความยากง่ายในการทำ ทว่าจะอย่างไรก็ตามสามารถต่อรองราคาได้ หากใครสนใจสามารถหาซื้อได้ที่ตลาดต้นตาล จ.ขอนแก่น หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ www.mahasal-living.com หรือที่เบอร์ 08-1117-3997 ช่วยกันสนับสนุนผ้าไหมไทยให้ก้าวไกลไปทั่วโลก
--------------------
(ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม 'มหาศาลฯ' ศิลปะทำมือชูเอกลักษณ์อีสาน : โดย...ไพรจิตรา สุวรรณรักษ์)