
ดอยหลวงตาก...ดินแดนทะเลภู
ดอยหลวงตาก ... ดินแดนทะเลภู : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ ภาพ : จิรพัชร ฟ้าใส
เคยมั้ย งานประดังเข้ามาพร้อมๆ กัน เรื่องเที่ยวก็ไม่อยากพลาด สุดท้ายเลยต้องจิ้มในแผนที่ ให้ทั้งงานและเที่ยวไปด้วยกันได้ แม้เวลาจะกระชั้นไปหน่อยช่วงต้น แต่ก็มากเกินพอ จนต้องคิดหนักว่าจะไปไหนต่อดี ผมเองก็เป็น ...อย่างเช่นคราวนี้ เพื่อนชวนไปงานที่ จ.ตาก ส่วนเพื่อนเที่ยวก็ชวนไปเที่ยวแถวๆ แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ที่อยู่เลยเส้นทางที่ผมจะไปแค่เกือบ 100 เมตร
คุยไปคุยมาได้ความว่า เราแบ่งกันคนละครึ่งทาง ไปเดินป่า ปีนเขาขึ้น "ดอยหลวงตาก" ใน อ.บ้านตากแล้วกัน แถมเพิ่มวันให้เป็น 3 วัน 2 คืนแบบจำใจ เพราะแพลนไม่ทันแล้ว
ดอยหลวงตาก มีความสูง 1,175 เมตร (อ้างอิงจากแผนที่วนอุทยาน) ทอดตัวอยู่ในสันขอบอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช กับป่าสงวนแห่งชาติที่อาจจะผนวกรวมวนอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยแม่ไข เพื่อจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติขึ้นมาใหม่ เพราะทางขึ้นอยู่ในเส้นทางของวนอุทยานแห่งชาติห้วยแม่ไข ที่ถือว่าใกล้สุด และขึ้นง่ายสุด
นัดแนะกันเสร็จสรรพ ผมกับเพื่อนอีกกลุ่มนัดเจอกันที่ วนอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยแม่ไข ใกล้กับที่ทำการ อบต.ทุ่งกระเชาะ อ.บ้านตาก เลยไปอีกหน่อย มีป้ายบอกทางแยกไปวนอุทยานแห่งชาติห้วยแม่ไข 5 กม. ก็เลาะไปตามทางดินแดง จนถึงที่ทำการ พี่เจ้าหน้าที่เข้ามาทักทายดูแล ก่อนจะลงมือจัดการมื้อค่ำแบบปิ้งย่าง กลางน้ำค้างปลายปี พร้อมยึดที่ทำการเป็นที่พักแรมคืนนี้เลย
เช้ามาก็ยังโอ้เอ้ กว่าจะได้เคลื่อนขบวนนั่งรถย้อนออกมาปากทาง รับเสบียงจากร้านค้าที่สั่งทำไว้เมื่อคืน แล้วขับรถเลาะเข้าไปส่งที่จุดขึ้นเป้ชายป่า ก็ปาเข้าไป 10 โมงกว่าแล้ว กลุ่มเรามีเจ้าหน้าที่ดูแล 2 คนคือพี่ตู่กับลุงมอย และลูกหาบ ลุงหนาน ขึ้นเป้ได้ไม่ทันกี่ก้าว ก็ต้องข้ามน้ำกันซะแล้ว ดีที่ว่าน้ำน้อยมาก เลยไม่ต้องเปียกกันแต่ต้น จากนั้นก็เลาะตามทางเดินที่ขนานไปกับธารน้ำตก แต่ปลายปีแบบนี้ น้ำแทบไม่เหลือให้ตกซะแล้ว ตลอดทางแทบจะแห้งขอด
เส้นทางเดินช่วงแรกๆ ยังไม่ชันมาก เหมือนเดินเล่นผ่านป่าใหญ่ ต้นไม้สูงใหญ่ แถมด้านล่างก็ไม่รกนัก จนเพื่อนออกปาก ป่าที่นี่สวยงามจริงๆ ไม้ใหญ่ร่มรื่น เส้นทางขึ้นเนิน ลงเนิน ไม่ชันมาก หารู้ไม่ว่า ระยะโหดรออยู่ไกลๆ ข้างหน้า
เดินมาได้ราวชั่วโมงกว่า ก็พักกินข้าวเที่ยงกันริมลำธาร พักเรียกกำลังกันนานหน่อย เพราะจากนี้ไปเราจะไต่ขึ้นทางชันๆ กันหลายๆ ช่วงแล้วล่ะ ผ่าน ประตูไทร เป็นต้นไทรขนาดยักษ์ ที่โน้มเข้าหากันเหมือนเป็นประตูจริงๆ ซึ่งต้นไทรนี้มีฉายา "นักบุญแห่งป่า นักล่าแห่งพงไพร" เพราะตอนไทรออกลูกก็จะเป็นแหล่งอาหารนกและสัตว์ตัวเล็กๆ แต่ตัวมันเองก็จะต้องเกาะอาศัยต้นไม้อื่น และเมื่อต้นโตขึ้นเรื่อยๆ ก็จะบีบรัดต้นไม้ที่มันอาศัยอยู่ตายไปนั่นเอง
ป่าช่วงล่างต้นไม้ใหญ่เยอะ เลยไม่ต้องฝ่าแดด แต่ก็เล่นเอาเดินไปหอบไป ก็เล่นไต่ความสูงจากระดับ 200 ม.ถึง 800 เมตรกว่าๆ แล้วยังไม่ถึงยอดด้วยนะ แต่ระดับนี้ก็จะมีสนสามใบกระจายไปทั่วแล้ว แถมด้วยดอกไม้ ชบาป่าดอกเล็กๆ กำลังออกดอก ตรงไหนมีต้นมาก ก็เห็นสีชมพูหวานๆ เต็มไปหมด
ระหว่างผ่านแต่ที่มากตามไปด้วยก็เห็นจะเป็น "ผึ้ง" ท่าทางมันจะตามกลิ่นน้ำหวานที่พกไปเพิ่มอินซูลินนั่นเอง กว่าจะเดินพ้นดงผึ้งก็ทำเอาเหนื่อยหอบ ไม่ทันไร ฝนก็โปรยละอองลงมา แต่ก็ยังไม่มากพอจะไล่ผึ้งไปหมด จึงอยู่ที่ 2 เท้าของเราจะก้าวเดินต้านแรงโน้มถ่วงของโลกขึ้นไปให้เร็ว
กว่าจะผ่านขึ้นไปถึงสันเขา ที่อยู่หน้ายอดดอยหลวงได้ ก็เล่นเอาหอบ แถมด้วยฝนที่ตั้งเค้ามาแบบไม่น่าเชื่อ ก็ทะมึนขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะตกไล่หลังมา สันเขาเหลือแต่ต้นไม้เล็กๆ ต้นสาบเสือมีขึ้นทั่วไป กับต้นหญ้าอ่อนที่ระบัดใบ จนดอยหลวงตากเขียวขจีไปทั้งลูก ยังดีที่เราไม่ต้องไต้ขึ้นไปจนถึงยอด หากแต่เดินเลาะขอบเขาไปยังสันเขาอีกด้านหนึ่ง เพื่อลงไปตั้งแคมป์บริเวณหุบ เพื่อหลบลมนั่นเอง
แต่ถึงตอนนี้ที่พักอยู่ไม่ไกล บวกกับวิวสวยๆ อยู่ตรงหน้า ก็แทบไม่สนใจสายฝนแล้ว ขอชื่นชมให้ชื่นใจสักพักก่อน แถมดีใจขึ้นไปอีก เพราะก่อนที่ฝนจะหยุดตก เราก็รองน้ำจากฟลายชีทได้เต็มถังพับใบใหญ่ที่พกไปด้วย เย็นนี้มีน้ำใช้สบายๆ ขณะเดียวกัน ทากก็เริ่มออกมากวนใจ อาทิตย์ตกก็อดดู แต่...เรามีเวลาตั้ง 2 วัน
รุ่งเช้า เห็นแสงแรก ก็ชวนเพื่อนฉวยกล้องเดินขึ้นยอดดอยหลวง ล่าแสงแรกแห่งวัน แล้วก็เห็นเส้นทางสวยๆ อีกเทรล เป็นแนวสนบนยอดเขาที่อยู่หลังหุบลึก เอาเป็นว่าเดี๋ยวกลับไปปรึกษากันก่อน ... เรามีเวลา (ฮา)
สายๆ พกเสบียงนิดหน่อย ชวนพี่ตู่ ลุงมอย ลุงหนาน ไปเดินสำรวจกัน แล้วก็ได้ความว่า เป็นกลุ่มแรกที่มาเดิน เลยต้องบุกป่าฝ่าดง ต้นทางขึ้นไปอีกฝั่ง พี่ตู่เองก็ได้เดินสำรวจแหล่งน้ำ พบว่ามีแต่อยู่ในหุบลึก เส้นเขาฝั่งนี้มองเห็นลำน้ำปิงเป็นสายยาว ลอนเขาสวยงาม ทุ่งหญ้า ป่าสน สวยๆ จนต้องออกปาก คราวหน้าถ้ามาต้องขอนอนที่นี่สัก 1 คืนให้ได้ เพราะจากยอดดอยใช้เวลาแค่ไม่ถึง 3 ชั่วโมงไป-กลับ แถมนั่งพักเล่นอีกเป็นนานสองนาน
กลับมาจัดการข้าวเที่ยงเสร็จ ก็เดินลงหุบอีกด้าน ไปขึ้นยอดเขาแหลม ที่แทบจะกรี๊ดสลบ เพราะทากระหว่างทางเยอะจริงๆ ชนิดห้ามหยุดยังกวาดใส่รองเท้าเป็นร่วม 20 ตัว บรื๋ยยยย ..แถมขึ้นถึงยอดเขาแหลมที่เห็นอยู่ลิบๆ ก็ไม่สวยระยะใกล้ จนได้ข้อสรุปกลับมายอดที่เราตั้งแคมป์ดีสุดทั้งอาทิตย์ขึ้นและตก ขากลับก็เลยต้องวิ่งตัวใครตั้วมัน ห้ามหยุดกลางทางถ้าไม่อยากโดนรุม
อิ่มเอมสมใจกับเวลาที่ทุ่มให้กับดอยหลวงตาก เลยได้ชมทั้งอาทิตย์ขึ้นและตกสวยๆ แต่บร๊ะเจ้า...ต้องผ่านดงทากที่เราวิ่งกันเมื่อวาน แต่วันนี้รู้ตัวล่วงหน้าเลยจัดการป้องกันด้วยยาเส้นซะหน่อย ก็พอติดรองเท้า ขากางเกงมานิดหน่อย ขากลับไม่ต้องขึ้นถึงยอดเขาแหลม แต่ลงอีกด้านเห็น "ห้วยบวกหลวง" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "อ่างเก็บน้ำท่าตะกู" นั่นแหละเป้าหมายที่เราต้องเดินไป
เพียงชั่วโมงก็ถึง น้ำตกที่บอกให้รู้ว่าถึงครึ่งทางแล้ว พี่มอยออกปากทีเดียว ไม่น่าเชื่อจะเดินกันเร็วขนาดนี้ เพราะปกติเดินกัน 2 ชั่วโมง แต่จากน้ำตกถึงห้วยบวกหลวง นี่สิแทบแย่ โดยเฉพาะด้านล่างที่เป็นทางราบ แต่ดันเป็นทราย ฝ่าเปลวแดดเที่ยงๆ หันหลังกลับไปมองยอดดอยหลวงที่อยู่เบื้องหลัง "อืมมม เราเดินกันขึ้นไปขนาดนั้นเชียวหรือ"
แนวสันเขาสีเขียว และยอดสนโดดเด่น ดอยหลวงตาก ... ดินแดนแห่งทะเลภูเขา ที่สวยงามจริงๆ
.......................................
ติดต่อ วนอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยแม่ไข : ศิริพงษ์ รังสีฐิติภัทร(หัวหน้าวนอุทยาน) 08-4817-8549
......................................
(ดอยหลวงตาก ... ดินแดนทะเลภู : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ ภาพ : จิรพัชร ฟ้าใส)