
เปิดวิสัยทัศน์ : 52ปีเพื่อการศึกษา
เปิดวิสัยทัศน์ : 52 ปี เพื่อการศึกษา 'อ.จินดา' ผุด 'ห้องเรียนอาเซียน' จินดาพงศ์ : กมลทิพย์ ใบเงิน ... รายงาน
ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย ใครจะเชื่อว่า หนุ่มน้อยผิวเข้ม รูปร่างสันทัด เดินเท้าเปล่าจากกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเข้ามาเมืองหลวง (กรุงเทพมหานคร) มีเงินติดตัวเพียง 140 ต้องฟันฝ่าอดทน ต่อสู้ชีวิต ด้วยใจมุ่งมั่นใฝ่เรียนรู้ มีความเก่งขั้นเทพวิชาคณิตศาสตร์ ทำให้มีโอกาสเป็นครูสอนกวดวิชา เก็บออมจนมีเงินเรียนจบโรงเรียนเทคนิค ได้ทำงานในองค์กรใหญ่ กระทั่งมีเงินซื้อที่ดิน จังหวะชีวิตผกผัน เมื่อ "ร.ร.จินดาวิทย์" เก่าปิด ตัดสินใจเช่าพัฒนาต่อ มีการขยายซื้อที่ดินเพิ่ม ตั้ง ร.ร.จินดาพงศ์ เป็นของตัวเอง ล่าสุดขยายเพิ่มอีกรวม 4 โรงเรียน ได้แก่ จินดาพงศ์, จินดาศึกษา, จินดารัตน์ และจินดาพร พร้อมเปิดห้องเรียนอาเซียนรองรับประชาคมอาเซียนปี 2558
โรงเรียนจินดาพงศ์ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2530 มีพื้นที่กว่า 10 ไร่ บนถนนสุขุมวิท ตั้งอยู่ในซอยอ่อนนุช 30 ในสังกัดสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ได้รับการยอมรับจากผู้ปกครอง ส่งลูกหลานมาจำนวนกว่า 1,000 คน ปัจจุบันมีโรงเรียนในเครืออีก 3 แห่ง ได้แก่ จินดาศึกษา, จินดารัตน์ และจินดาพร
"คม ชัด ลึก" มีโอกาสได้เยี่ยมชม ร.ร.จินดาพงศ์ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นทั้งบรรยากาศ สิ่งแวดล้อม ห้องเรียนรู้ ห้องท้องฟ้าจำลอง ห้องศูนย์วิทยาศาสตร์ และห้องเรียนอาเซียน ที่โรงเรียนกำลังเร่งพัฒนาให้เป็นห้องเรียนอาเซียนโมเดลรองรับการเรียนรู้ของนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-ประถมการศึกษาปีที่ 6 นับเป็นแนวคิดที่ล้ำหน้า เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
การลงทุนลงแรงไปก่อนย่อมมาจากวิสัยทัศน์ และหัวใจของความเป็นครูอยู่เต็ม 100% ทำให้ผู้ก่อตั้งโรงเรียนอย่าง อาจารย์จินดา ตันตราจิณ ผู้รับใบอนุญาตและผู้อำนวยการโรงเรียนจินดาพงศ์ ในปัจจุบัน มีความภาคภูมิใจทุกครั้งเมื่อเห็นเด็กที่จบออกไปจากโรงเรียนมีโอกาสเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนที่ตั้งใจไว้ทุกคน ดั่งปรัชญาของโรงเรียนที่ตั้งไว้ว่า "ภายในปี พ.ศ.2557 โรงเรียนจินดาพงศ์ มุ่งปฏิรูปการจัดการ การเรียนรู้ สู่มาตรฐานสากล ก้าวหน้าด้วยนวัตกรรม นำสู่ประชาคมอาเซียน"
อาจารย์จินดา กล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนกำลังทำปรัชญาให้เป็นความจริง เนื่องจากโลกทุกวันนี้ระบบการติดต่อสื่อสารมีความรวดเร็วมาก เมื่อโลกภายนอกมีการเปลี่ยนแปลง เด็กต้องมีการเรียนรู้ และปรับตัว เพราะหากตามโลกไม่ทันเด็กเราจะไม่พัฒนาและไม่ทันนานาประเทศ ดังนั้นเรื่องประชาคมอาเซียนทางโรงเรียน และคุณครูเองก็ต้องปรับตัว เตรียมตัวให้พร้อม การนำร่องพัฒนาห้องเรียนอาเซียน จะช่วยให้เด็กนักเรียนทุกระดับชั้นได้มีความรู้เกี่ยวกับอาเซียนใน 10 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย พม่า กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย และบูรไน โดยการศึกษาเนื้อหาสาระ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม ภาษาของแต่ละประเทศ อาทิ หนังสือของแต่ละประเทศมีตัวอย่างเป็นอย่างไร ชุดการแต่งกายของแต่ละประเทศ ตัวอย่างการสนทนาสั้นๆ ซึ่งวัสดุ อุปกรณ์ทางการศึกษาต่างๆ เหล่านี้จะนำมาใส่ไว้ในฐาน ทั้ง 10 ฐานในห้องเรียนอาเซียนโมเดล
“การลงทุน ลงแรง กับการศึกษา ผมไม่คิดกำไรมาก่อน เพราะการทำงานคิดว่าคุณภาพสำคัญ ใช้ผลสัมฤทธิ์ของเด็กเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเด็กได้ก็เป็นความสุขของเรา เพราะการจะทำบุญอะไรไม่เหมือนกับการทำบุญกับการศึกษา ทำบุญกับการศึกษามีความสุขทางใจ ปัจจุบันผมอายุ 78 ปีแล้ว ทำงานการศึกษามา 52 ปี เข้าใจ เพราะสมัยหนึ่งเราเคยยากจนมาก่อน ภูมิลำเนาเดิมผมเป็นเพียงเด็กบ้านนอก เข้ากรุงเทพฯ มีสตางค์ติดตัวมาเพียงแค่ 140 บาท นั่งเรือมาจากอยุธยา มาขึ้นที่ท่าเตียน ตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย รองเท้าก็ไม่มีใส่ เพราะไม่เคยรู้ว่าหน้าตารองเท้าเป็นแบบไหน ก็เหมือนกับเด็กบ้านนอกเข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรก มาแบบไม่รู้อะไร ความรู้สึกตอนนั้น อายก็อาย เมื่อเห็นคนอื่นเขาใส่รองเท้ากัน พอไปเยี่ยมบ้านญาติ ขึ้นบ้านเขา เราต้องมองหาตุ่มน้ำ เพราะจะไปล้างเท้า กลัวบ้านเขาจะเปรอะ” อาจารย์จินดา เล่าย้อนอดีตด้วยรอยยิ้ม
เงิน 140 บาท ที่ทางบ้านให้ติดตัวมา "หนุ่มอยุธยา" ไม่สามารถไปสมัครเรียนที่ไหนได้ ช่วงแรกลำบากมาก ไปรับจ้างหั่นไก่บ้านย่าตอนกลางคืน เพื่อให้มีที่นอน และได้ค่าแรงคืนละ 30 บาท กลางวันก็ไปรับจ้างทำงานก่อสร้าง และทำงานโรงพิมพ์ พอได้ค่าแรงมาจึงนำรวมกันแล้วไปสมัครเรียนโรงเรียนเทคนิค ซึ่งค่าเทอม 400 บาท วันเสาร์-อาทิตย์ สอนกวดวิชาคณิตศาสตร์ เพราะเก่งคณิตศาสตร์ สอบได้ที่ 1 มาตลอด สอนกวดวิชาอยู่หลายปี ต่อมาเปิดโรงเรียนกวดวิชาเอง ขณะนั้นยังเป็นนักศึกษาอายุ 21 ปี เริ่มมีเงินเก็บไปเรียนต่อจนจบโรงเรียนเทคนิค ได้เข้าทำงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในตำแหน่งช่าง แต่ทำงานตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันมาทำโรงเรียนกวดวิชา และเป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งช่างกลให้แก่เทคโนโลยีกรุงเทพ ขณะนั้น ร.ร.จินดาวิทย์เก่าปิด จึงไปเช่าต่อมาขยายซื้อที่ดินเพิ่ม ทำให้เป็นหนี้ธนาคาร 220 ล้านบาท
"ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 จากดอกเบี้ยร้อยละ 6 เพิ่มเป็นร้อยละ 18 ผมเจรจากับธนาคารจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย จนหนี้เริ่มลดลงมาในตอนหลัง เหลือ 120 ล้าน เหลือ 50 ล้าน และเหลือ 16-17 ล้าน ตามลำดับ แต่ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจผมไม่มีการให้ครูออก แต่เราเตรียมครู ให้ครูมาฝึกอบรมภาษา ฝึกเรียนรู้สาขาวิชาต่างๆ และซื้อบ้านใกล้โรงเรียนให้ครูพักฟรี เมื่อเศรษฐกิจดีนักเรียนก็เพิ่ม ครูก็มีประสิทธิภาพในการสอน ทำให้เด็กมีคุณภาพ"
ทุกวันนี้ "อาจารย์จินดา" ตื่นตีสี่ มาถึงโรงเรียน 6 โมงเช้า ตรวจดูรายรอบเทคโนโลยีกรุงเทพและยืนรอรับนักเรียน เป็นตัวอย่างให้คุณครู ที่มาสายก็จะไม่กล้ามาสายเพราะเกรงใจ ผู้ปกครองเมื่อมาถึงเทคโนโลยีกรุงเทพมีโอกาสได้พบ และพูดคุยกัน ทำให้ทุกอย่างเป็นระบบ ระเบียบ เด็กก็มีวินัย ในปีก่อน นักเรียนของ ร.ร.จินดาพงศ์ สามารถสอบเข้าเรียนต่อชั้น ม.1 เทคโนโลยีกรุงเทพดีเด่นดังได้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งเด็กสอบโอเน็ตได้ที่ 1 ของประเทศ ด้วยคะแนนเต็ม 100 คะแนน ซึ่งสาขาวิชาที่ค่อนข้างแข็งของเทคโนโลยีกรุงเทพ ได้แก่ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย ผู้ปกครองให้ความไว้วางใจมาก และวันเสาร์-อาทิตย์ ทางโรงเรียนจะจ้างครูภาษาอังกฤษที่เก่งๆ ข้างนอก มาช่วยติวให้เด็กตั้งแต่ป.1-ป.6 ฟรี
อาจารย์จินดา สวมหมวกอีกใบในตำแหน่ง ประธานกลุ่มเครือข่ายโรงเรียนเอกชน กลุ่มที่ 13 จากทั้งหมด 26 กลุ่ม 4,000 กว่าโรงเรียน เพื่อวางแนวนโยบายและทิศทางของโรงเรียนเอกชนที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างไรให้ไม่ติดขัด รวมทั้งเรื่องการของบประมาณ เพราะถ้าปล่อยให้รัฐบาลดำเนินการเพียงลำพังจะไม่ทันกาล เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่า ในปี 2558 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกำลังมา สำหรับ ร.ร.จินดาพงศ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งจัดทำหลักสูตรอาเซียน เบื้องต้นมุ่งเน้นเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมของครู คาดว่าจะเสร็จและเริ่มสอนได้ภายในเดือนมกราคม 2556
ไม่เพียงเท่านั้น "จินดาพงศ์" ยังใช้เทคโนโลยีตรวจสอบมาตรฐานการสอนของครู ด้วยการวัดคุณภาพความรู้ของนักเรียน ควบคู่ไปกับการยอมขึ้นเงินเดือนให้ครูไปแล้ว 14,000-15,000 บาท เพราะครูบางคนอยู่มากว่า 20 ปี
"ผมยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายปีละกว่า 3 ล้านกว่าบาท ขณะที่ค่าเทอมเท่าเดิม ตรงนี้อยากจะให้รัฐบาลเข้ามาช่วยโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ 20,000 แห่ง หากต้องจ่าย 15,000 บาท หรือเพิ่ม 7,000 บาท มีโรงเรียนอยู่ได้แค่ 1,000 โรงเรียน" อาจารย์จินดา ฝากทิ้งท้าย
---------------------
(เปิดวิสัยทัศน์ : 52 ปี เพื่อการศึกษา 'อ.จินดา' ผุด 'ห้องเรียนอาเซียน' จินดาพงศ์ : กมลทิพย์ ใบเงิน ... รายงาน)