
'ศิษย์เก่า'ปลื้ม'ไม่มีรามฯไม่มีเรา'
เปิดใจ 'ศิษย์เก่าดีเด่น' ปลื้มความสำเร็จ 'ไม่มีรามฯ ไม่มีเรา'
ศิษย์เก่ารามคำแหงผู้ประสบความสำเร็จในหลากหลายอาชีพ รับรางวัล “ศิษย์เก่าดีเด่น” ในโอกาสครบรอบวันสถาปนา "41ปีรามคำแหง" เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เผยความในใจเส้นทางชีวิตที่ฟันฝ่า อดทน จนก้าวมาถึงวันนี้เพราะ "ไม่มีรามฯ ไม่มีเรา”
นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์ เล่าว่า เรียนรามคำแหงปี 2517 คณะวิทยาศาสตร์ แต่ขอย้ายมาเรียนคณะนิติศาสตร์ในปี 2 จากนั้นก็ตั้งใจเรียน ฝึกฝน จนเรียนจบใน 4 ปี เลือกสอบเข้ารับราชการที่สภาผู้แทนราษฎร มาตั้งแต่ปี 2521 ถึงวันนี้ 34 ปี และล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
“ความสำเร็จในวันนี้ ด้วยคณาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ลูกศิษย์ ได้มีความรู้ ความสามารถ ตั้งมั่นอยู่ในความพยายาม จนฟันฝ่าอุปสรรคได้ทุกรูปแบบ ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยที่มอบโอกาสให้แก่ทุกคน ที่ต้องการเรียนหนังสือ และให้เกียรติลูกศิษย์คนนี้ให้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ผมจะรักษาชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยไปตราบนานเท่านาน”
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์ กล่าวว่า “ไม่มีรามฯ ไม่มีเรา” ผมเป็นผลิตผลของรามคำแหงตัวจริง เมื่อปี 2519 เป็นนักศึกษารามฯ ชั้นปริญญาตรี รุ่นที่ 5 และปริญญาโทคณะนิติศาสตร์ ภูมิใจมากที่ได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยให้เป็นศิษย์เก่าดีเด่น และปลื้มใจที่สถาบันเห็นคุณค่าของคนที่ทำงานให้สังคม
“ผมเรียนจบ 3 ปี ทำให้เข้าทำงานเร็วและได้รับโอกาสที่เร็วกว่าใครๆ คนที่เรียนรามฯ ต้องช่วยเหลือดูแลตัวเองอย่างมาก ส่งผลไปถึงชีวิตการทำงาน ที่ทำให้เป็นคนที่รู้จักขวนขวาย มีน้ำใจ และรู้จักการทำงานเป็นทีมกับผู้อื่น ผมเชื่อมาเสมอว่า เรียนรามฯ ไม่น้อยหน้าใคร ลูกศิษย์รามฯ หลายรุ่นมีหน้าที่การงานใหญ่โต ทั้งในภาครัฐและเอกชน”
นางศิริพร กิจเกื้อกูล รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ศิษย์เก่าคณะศึกษาศาสตร์ เล่าว่า เรียนคณะศึกษาศาสตร์ เมื่อปี 2516 รหัส 16410020 ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ มีความภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาศึกษาในสถาบันแห่งนี้ เพราะสิ่งที่เราสามารถฟันฝ่าอุปสรรคมาได้ ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เข้าเรียนจนจบออกไป ทำให้รู้ว่าจบรามคำแหงไม่ได้น้อยหน้าใคร และออกไปสู้กับสังคมได้อย่างภาคภูมิ
“เรียนที่รามฯ ความตั้งใจเป็นสิ่งสำคัญ ครู อาจารย์ทุกท่านพร้อมที่จะมอบความรู้ให้ เรียนรามฯ สอนให้มีความอดทน ความพยายาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวเราไปตลอด เข้าทำงานที่ไหนก็ขยัน อดทน รับผิดชอบต่อตนเองและหน้าที่การงาน"
นายลายทองเหรียญ มีพันธุ์ ผู้อำนวยการวังช้างอยุธยา ศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า มีความยินดีที่รามคำแหงมองเห็นความสำคัญของศิษย์เก่าและตัวเนื้องานที่ออกไปทำเป็นนักวิจัย การที่จะมีคนรู้ถึงการทำงานจริงๆ เป็นเรื่องยาก "ไม่มีรามฯ ไม่มีเรา” เป็นเรื่องจริง เพราะเรียนรามฯ 7 ปี รามฯ เป็นเตาหลอมเนื้อเหล็กชั้นดี ทำให้เรามองโลกต่างจากคนอื่น เรารู้ว่าเราทำทุกอย่างในโลกนี้ได้ แต่โอกาสของนักวิทยาศาสตร์มีน้อยมาก แต่รามฯ หล่อหลอมทางความคิดให้เป็นนักสู้ ทำให้เข้าใจชีวิต เข้าใจสังคมของคนจน และเข้าใจความหลากหลายที่ครบเครื่อง อีกทั้งเรียนรามฯ ต้องอดทนและค้นคว้า เพราะไม่ว่าเราจะเป็นนักปฏิบัติอย่างไร ก็ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานทางวิชาการที่ถูกต้อง ถึงจะประสบความสำเร็จได้
“41ปีรามคำแหง ก้าวมาถึงวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และยั่งยืน รวมถึงลูกศิษย์หลายรุ่นที่ออกไปสร้างชื่อเสียงให้คนรุ่นใหม่ได้เจริญรอยตาม เช่นผมทำงานกับช้างร่วม 200 เชือก ทำให้เห็นว่า ช้างตัวที่เชื่องที่สุด ตัวที่ฉลาด และงามที่สุดในโลกรวมอยู่ที่ผม เหมือนวันนี้รามคำแหงก็มีช้างมากที่สุดในโลกรวมอยู่ที่นี่”
นายสาโรจน์ วสุวานิช กรรมการและรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด ศิษย์เก่าคณะเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า เรียนจบจากรามฯ ไป 38 ปีแล้ว มีความยินดีอย่างยิ่งที่รามคำแหงให้เกียรติและเห็นคุณค่าของลูกศิษย์ รามคำแหงสอนให้รู้ว่า ชีวิตจำเป็นต้องดูแลตัวเอง ต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเอง ทำให้ลูกศิษย์มีความแข็งแกร่งในการใช้ชีวิต ลูกศิษย์รามฯ จบออกไปถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะมีความเข้มแข็ง มานะ และอดทน ให้โอกาสทางการศึกษาและเป็นสถาบันที่ช่วยสร้างสรรค์สังคม
นางอำภา รุ่งปิติ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ศิษย์เก่าคณะเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า จบป.ตรีคณะเศรษฐศาสตร์ และป.โทคณะบริหารธุรกิจ จึงมีความผูกพันกับรามฯ และปลื้มใจที่ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ขอขอบคุณรามคำแหงที่สอนให้ลูกศิษย์กล้า และมุ่งมั่นในชีวิต ทำให้ดิฉันมีวันนี้ มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้ทำงานช่วยเหลือประชาชน สังคม และประเทศชาติ ถ้าหากมีสิ่งใดที่ลูกศิษย์คนนี้สามารถช่วยเหลือได้ก็มีความยินดี
นายสำราญ เมืองนิล ผู้อำนวยการจัดการที่ราชพัสดุ 1 สำนักบริหารที่ราชพัสดุ 2 กรมธนารักษ์ ศิษย์เก่าคณะเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า มีความภูมิใจและปลื้มใจที่มหาวิทยาลัยให้เกียรติลูกศิษย์คนนี้ ผมเชื่อว่า “รู้จักอภัย ตั้งใจศึกษา บูชาพ่อขุนฯ สนองคุณชาติ” เป็นคำขวัญที่ลูกศิษย์รามฯ ต้องยึดถือ คือเมื่อเข้ามาเรียนรามฯ แล้วต้องมีความตั้งใจไขว่คว้าหาความรู้ ให้จบออกไปใช้วิชาความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
นายปกรณ์ พรพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ศิษย์เก่าคณะศิลปกรรมศาสตร์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของ ม.รามคำแหง ครบรอบ 41 ปี ไม่ใช่แต่อายุ หรือเวลาที่ผ่านมา แต่สิ่งสำคัญที่ควรจดจำ คือ ความเจริญรุ่งเรืองของรามคำแหง ซึ่งมีเครือข่ายทั่วประเทศและทั่วโลก ต้องยอมรับวิสัยทัศน์ในการพัฒนางานของผู้บริหารรามคำแหง ในฐานะเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกของคณะศิลปกรรมศาสตร์ เมื่อได้ก้าวเข้ามาอยู่ในรั้วพ่อขุน นอกจากความรู้ที่ได้รับ สิ่งที่ได้มากกว่านั้น คือ ความแข็งแกร่ง ความอดทน ความมุ่งมั่น และความเมตตาจากคณาจารย์ทุกท่าน แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่สิ่งที่ได้คุ้มค่าในชีวิต วันนี้ที่ยืนอยู่ได้เพราะได้รับโอกาสจากคณาจารย์และรามคำแหง