
หนังสือที่เธอถือมา:กรุณาอย่าทิ้งขยะ
หนังสือที่เธอถือมา : กรุณาอย่าทิ้งขยะ : โดย...ไพวรินทร์ ขาวงาม
๑.
บางเช้าที่อากาศสดชื่น ตื่นขึ้นมารู้สึกดีต่อโลกและชีวิต ต่อสายลมแสงแดด เดินชมต้นไม้ในสวน เลาะเลียบริมห้วยหน้าบ้าน พลันอารมณ์อันไม่พึงปรารถนาก็โผล่มาอย่างไม่คาดคิด...
ผมเกิดความโกรธฉับพลัน...
ใครไม่รู้นำขยะมาทิ้งริมลำห้วยหน้าบ้าน ทั้งถุงดำ เศษไม้ เศษกระจก เศษกิ่งไม้ใบหญ้า ประมาณว่าขนมาจากบ้านสักหลังที่กำลังทำความสะอาดบ้านตัวเอง แล้วมาทิ้งตรงหน้าบ้านคนอื่น ทั้งที่บริเวณนั้นผมกำลังปรับทำเป็นสวน ปลูกต้นไม้ให้เห็นว่ามีคนดูแลที่ทางอยู่ คือถ้าคนมีสามัญสำนึกเขาก็จะไม่นำถุงดำมาทิ้งตรงนั้น เพราะไม่ห่างจากบริเวณนั้นยังมีถังขยะสีเหลืองของเทศบาลตั้งอยู่ เป็นที่รู้ๆ ชาวชุมชนจะนำขยะไปทิ้งหรือกองไว้ข้างถังขยะ รอให้รถของเทศบาลมาขนไป
แต่รายนี้เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ผมไม่เห็นเหตุการณ์ แต่เข้าใจว่าบ้านสักหลังได้จ้างสามล้อเครื่องให้ขนขยะไปทิ้ง เจ้าของบ้านคงไม่รู้หรอกว่าจะไปทิ้งตรงไหน คนรับจ้างขนขยะก็ใช้วิธีง่ายๆ แบบมักง่าย คือมาทิ้งลงริมลำห้วย-ลำห้วยนั้นเป็นของสาธารณะ ไม่ใช่ของผม แต่มันอยู่หน้าบ้านผม ผมและเพื่อนบ้านต่างช่วยกันดูแลความสะอาด ทั้งบอกกล่าวกันดีๆ และทำป้ายไวนิลบอกไว้ตลอดริมลำห้วยนั้น
“กรุณาอย่าทิ้งขยะ”
“ห้ามทิ้งขยะ”
“ขออภัย-ไม่ใช่ที่ทิ้งขยะ กรุณาช่วยกันรักษาความสะอาด”
กระทั่งต่อไปคำว่า “กรุณา” อาจดูจะเบาหวิวไป จนต้องแถมคำ “โว้ย” !?
๒.
ขยะ-เรื่องง่ายๆ ที่กลายเป็นเรื่องยากๆ เพราะขณะที่คนกลุ่มหนึ่งช่วยกันเก็บขยะขึ้นจากลำห้วย คนอีกกลุ่มหนึ่งกลับนำขยะมาทิ้งลงลำห้วย จิตสำนึกพื้นๆ ที่ผู้คนพึงมี มันสวนทางกันได้อย่างไร?
ไม่อยากจะเปรียบเทียบไปถึงเรื่องการศึกษาสูงต่ำ เพราะเรื่องอย่างนี้คนไม่ได้ศึกษาสูงก็อาจคิดได้ว่าควรไม่ควร คนมีการศึกษาสูงก็อาจไร้สำนึกเหล่านี้ได้
สำนึกรักความสะอาด สำนึกเรื่องส่วนตัว สำนึกเรื่องส่วนรวม สิ่งที่ไม่น่ามีปัญหาก็กลายเป็นปัญหา หลายครั้งที่ผู้คนกระทบกระทั่งกันเองด้วยเรื่องขยะๆ ทะเลาะกันเรื่องขยะ บานปลายไปถึงเรื่องอื่นๆ ขยะเพิ่มขึ้นทุกวัน ที่รองรับขยะไม่เพียงพอ จิตสำนึกของคนก่อขยะและทิ้งขยะก็ยิ่งชำรุดทรุดโทรม เรามักเห็นการกินใช้ตรงไหนทิ้งตรงนั้น เห็นการนำขยะออกจากบ้านตัวเองไปทิ้งในพื้นที่สาธารณะ
ผมเองก็เกิดความกลัว เมื่อคนทิ้งขยะลงลำห้วยให้เห็นต่อหน้า มักจะเดินไปบอกเขา ขอความกรุณาอย่าทิ้งอย่างนั้น ให้ไปทิ้งตรงถังขยะเถอะ นั่นน่ะสิ-เจอบางคนเขาก็ขอโทษ แล้วขนไปหาที่ทิ้งใหม่ แต่ถ้าเจอคนหน้ามึนดื้อรั้น ไม่สำนึก ไม่ละอาย ไม่แยแสคำบอกกล่าว เขาก็อาจด่าผมหรือต่อยตีผมเอาได้
เขาอาจจะบอก “ห้วยส่วนรวมโว้ย กูจะทิ้งขยะก็เรื่องของกู ไม่เกี่ยวกับมึง ไม่ใช่ห้วยของมึงโว้ย!”
ถ้าเจอลูกนี้ผมก็คงไปไม่ถูกเหมือนกัน และสำหรับการอยู่ในสังคมแบบนี้ วันข้างหน้าผมก็อาจมีโอกาสที่จะเจอหลายลูกที่ไม่อยากเจอ กรณีถุงดำหน้าบ้านนั้น ถ้าผมอยู่บ้านและเห็นการกระทำนั้นต่อหน้า ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไร? เข้าไปบอกเขาดีๆ? ด่าเขา? ทะเลาะกับเขา? หรือแค่ไม่อยากมีเรื่อง แล้วยืนมองเฉยๆ ปล่อยให้เขาทิ้งขยะลงพื้นที่สาธารณะตามใจ?
๓.
รู้แต่ว่า-เช้าอากาศสดชื่นวันนั้น ผมได้กลายเป็นพนักงานเก็บขยะของใครไม่รู้ขึ้นจากริมห้วย ไม่รู้ด้วยความภูมิใจในอาสาหน้าที่เล็กๆ ของตัวเอง หรือด้วยความเจ็บใจกันแน่?
เรื่องราวความมักง่ายเห็นแก่ตัวมากมายในพื้นที่สาธารณะของสังคมนี้ แม้เราไม่ได้กระทำ แม้เราไม่ได้ข้องเกี่ยว แม้มิใช่พื้นที่ส่วนตัวของเรา-แต่ไยเรายังต้องแบกรับและเจ็บปวดกับมันอยู่ได้!?
เหมือนโง่เขลาอับจนปัญญาต่อเรื่องง่ายๆ เล็กๆ นี้ หรือว่าบางที-มันไม่ใช่เรื่อยง่ายๆ เล็กๆ เสียแล้ว!
--------------------
(หนังสือที่เธอถือมา : กรุณาอย่าทิ้งขยะ : โดย...ไพวรินทร์ ขาวงาม)