ไลฟ์สไตล์

เที่ยวเมืองน้ำดำ ย่ำถิ่นไดโนเสาร์

เที่ยวเมืองน้ำดำ ย่ำถิ่นไดโนเสาร์

25 พ.ย. 2555

เที่ยวเมืองน้ำดำ ย่ำถิ่นไดโนเสาร์ : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง//ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์

              เอ่ยชื่อเมืองไดโนเสาร์ คนไม่เข้าใจจะหาว่าไปดูถูกว่าโบราณเต่าล้านปี หากแต่ฉันหมายถึงเมืองสำคัญที่มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ย้อนไปในยุคไดโนเสาร์มีชีวิตอยู่ต่างหาก

                เอ่ยชื่อ “กาฬสินธุ์” หลายคนก็ยังงงอยู่ดี ว่ามีอะไรน่าเที่ยว ??  ไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่ แต่จากการค้นหาข้อมูลจากที่ต่างๆ เห็นว่าเมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออีสาน แถมมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไม่น้อย ยิ่งถ้าอ่านประวัติความเป็นมาของเมืองจะยิ่งสาธยายไม่หมด 

                กาฬสินธุ์ แปลกันตรงๆ ตัวว่า เมืองน้ำดำ กาฬ แปลว่า ดำ, สินธุ แปลว่า น้ำ แม้ไม่เห็นน้ำดำ แต่ที่นี่มีบึงน้ำใหญ่ ไม่ว่าจะน้ำท่วม น้ำแล้ง ใครๆ ก็มองไปที่เมืองนี้ เพราะเป็นที่ตั้งของเขื่อนใหญ่แห่งภาคอีสาน “เขื่อนลำปาว” ที่กินอาณาบริเวณครอบคลุมไปหลายอำเภอ จนปัจจุบันมีทางเข้าถึงเขื่อนและอ่างเก็บน้ำได้หลายทาง  

                จากกรุงเทพฯ คราวนี้ ฉันพาน้องโอโม่ ฟอร์จูนเนอร์ตัวขาว ไปวิ่งเล่นแถวกาฬสินธุ์บ้าง แค่ทางเข้าเมือง ก็เจอ ไดโนเสาร์ มายืนต้อนรับอยู่เกาะกลางถนน บ่งบอกให้รู้ว่าเรามาถึงดินแดนแห่งไดโนเสาร์แล้ว เลยตัวเมืองไปทาง อ.สหัสขันธุ์ ไม่ไกล แวะจิบกาแฟที่ร้านที่ตกแต่งด้วยต้นไม้ร่มรื่น "ร้านผู้จัดการ" ภายในตกแต่งเหมือนเป็นบ้านเชียว มีชั้นหนังสือ-นิตยสารให้เลือกอ่าน และสำคัญที่กาแฟสดรสชาติเข้มข้น ถามไถ่ได้ความว่า เป็นเพราะเจ้าของร้านเคยทำงานแบงก์มาก่อน ไปไหนมาไหน ใครๆ ก็เรียกผู้จัดการ พอมาเปิดร้านกาแฟก็เลยใช้ชื่อร้านผู้จัดการซะเลย 

                ออกจากร้าน คราวนี้ก็มุ่งตรงอย่างเดียว ไปพิพิธภัณฑ์สิรินธร ระหว่างทางเห็นไดโนเสาร์แฝงตัวอยู่ซะเกือบทุกที่ ป้ายข้างทาง สวนสาธารณะ ตู้ไปรษณีย์ ดูแล้วก็น่ารักดี แม้แต่ป้ายชี้เข้าไปพิพิธภัณฑ์ก็ยังเป็นรูปไดโนเสาร์บอกทาง ซึ่งก็เป็นทางเข้าเดียวกับวัดสักกะวันนั่นแหละ

                บริเวณที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ อยู่ที่ ภูกุ้มข้าว มีความหมายว่ากองข้าว ไม่ต่างจากรูปลักษณะของเขาลูกนี้ ที่เป็นภูเขาโดดๆ ดูจากทุ่งด้านหน้าก็เหมือนกองข้าวจริงๆ เป็นเขาลูกไม่ใหญ่ เนื้อที่ราว 1 ตร.กม. มียอดสูงสุด 320 เมตร ตอนที่ขับรถมาก็จะเห็นป้ายตัวหนังสือ "อุทยานโลกไดโนเสาร์" อยู่บนภูกุ้มข้าวแต่ไกล

                พิพิธภัณฑ์สิรินธร เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยาเชิงอนุรักษ์ที่สำคัญ และเป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่า เป็นแหล่งค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ต้องเสียค่าผ่านประตูผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 10 บาท เพิ่งเริ่มเก็บเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นี่เองเพื่อเป็นค่าบำรุงสถานที่ แต่ก็ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากเมื่อเทียบกับความรู้ที่ได้ 

                ภายในพิพิธภัณฑ์ ที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม ทั้งส่วนที่เป็นหุ่นจำลองไดโนเสาร์ด้านนอกอาคาร เหมือนเราเดินเข้าสู่ยุคไดโนเสาร์กันทีเดียว ส่วนภายในอาคารก็จะมีรอยเท้าไดโนเสาร์ พาเดินเข้าชม โดยมีการบอกเล่าเรื่องราว ตั้งแต่สมัยกำเนิดจักรวาล มาถึงยุคไดโนเสาร์ และปริศนาการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ 

                ออกมาด้านนอก ฉันเห็นทางรถขึ้นเนินเขา แต่ติดป้ายไว้ว่า "ถนนคนเดิน" สอบถามเจ้าหน้าที่ถึงได้ความว่า เป็นถนนเดินขึ้นไปที่หลุมขุดซากไดโนเสาร์ของจริง ระยะไกลพอหอบ จริงๆ ขึ้นทางวัดสักกะวันที่อยู่ก่อนถึงพิพิธภัณฑ์ก็ได้ 

                เจ้าหน้าที่ ที่ดูแลบริเวณอาคารหลุมขุดซากไดโนเสาร์เล่าว่า เมื่อก่อนบริเวณนี้เป็นพื้นที่ป่ารกร้าง พระญาณวิสารเถร เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน ในสมัยนั้น ได้นิมิตว่าเห็นสัตว์ขนาดใหญ่เดินเพ่นพ่านอยู่  นิมิตอยู่หลายครั้ง จนมาถึงช่วงที่ขุดถนนรอบวัด ก็เจอกระดูกขนาดใหญ่ และเมื่อได้ให้เจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณีตรวจสอบ ถึงได้รู้ว่าเป็นกระดูกไดโนเสาร์ จึงมีการขุดสำรวจอย่างจริงจัง และพบกระดูกไดโนเสาร์กว่า 700 ชิ้น เป็นไดโนเสาร์กินพืชอย่างน้อย 7 ตัว ทับถมกันอยู่ โดยมีตัวหนึ่งที่พบซากเกือบจะสมบูรณ์ที่สุด โดยขาดไปเพียงส่วนหัวเท่านั้น

                และเมื่อนำไปศึกษาวิจัย ถึงได้พบว่าเป็นไดโนเสาร์กินพืช "ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่" ที่มีอายุราว 130 ล้านปี กรมทรัพยากรธรณีจึงได้สร้างอาคารครอบหลุมขุดค้นซากไดโนเสาร์ขึ้น ต่อมาถึงขยายถึงไปบริเวณด้านล่าง สร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว ก่อนจะได้รับพระราชทานนามจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็น "พิพิธภัณฑ์สิรินธร"

                ออกจากพิพิธภัณฑ์ ย้อนกลับทางเดิม เพื่อเลี้ยวขวาไปทาง เขื่อนลำปาว ปากทางเข้าจะเขียนว่า สถานีประมงน้ำจืดกาฬสินธุ์ นั่นล่ะเลี้ยวไปไม่ผิดแน่ คืนนี้ขอกางเต็นท์บนสันเขื่อนนี่แหละ เพราะจะได้เห็นฟ้าโล่งๆ นอนนับดาวให้สบายใจ แถมไม่ไกลกันนักเป็นตลาดต้นเกด ที่ยังไม่ปิดตัวให้ซื้อข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ได้  ส่วนตัวเขื่อนด้านนี้เป็นหาดต้นเกด สถานที่พักผ่อนหน่อยใจ ที่ลงไปวิ่งเล่นริมน้ำเหมือนชายหาดกว้างๆ กันได้เลย

                ลุงคำเตียง เจ้าของร้านชำเล็กที่ตลาดต้นเกด เล่าว่า ปีนี้ท่าทางน้ำจะแล้ง เพราะยังไม่ทันไรก็เห็นสันดอนโผล่กลางอ่างเก็บน้ำ แถมยังเล่าถึงที่มาที่ไปของชื่อหาดต้นเกดว่าเมื่อก่อนมีต้นเกดเยอะ ลักษณะคล้ายต้นเตย คนสมัยก่อนจะเอาเกสรดอกไปทาหน้าแทนแป้ง เหมือนเป็นเครื่องสำอางธรรมชาติ แต่ปัจจุบันต้นเกดตายไปหมดแล้วหลังมีการปรับภูมิทัศน์เขื่อน

                ฟังความหลังแบบนี้ก็เศร้าใจเหมือนกัน อีกสารพัดเรื่องราวที่ได้คุยกับลุงคำเตียง ฉันว่าคนกาฬสินธุ์ก็ใจดีไม่แพ้ที่ไหน คุยอยู่นานถึงได้กลับมาแคมป์ นั่งคุยกันไป คอยดูดาวตกไป วันนี้โชคดีดาวเต็มท้องฟ้า และเป็นคืนที่จะเห็นฝนดาวตกด้วย 

                ยามเช้าอ้อยอิ่งอยู่นานสองนาน ก่อนเก็บข้าวของ ก่อนกลับแวะไป สะพานเทพสุดา ซะหน่อย เพราะมีป้ายเหมือนท่องเที่ยวเชิญชวนอยู่ในที ไม่ไกลจากภูกุ้มข้าว สะพานเทพสุดาเป็นสะพานที่เชื่อมสองฝั่งของอ่างเก็บน้ำลำปาว และ 2 อำเภอของกาฬสินธุ์ คือ สหัสขันธ์ และหนองกุงศรี เข้าด้วยกัน ทำให้ย่นระยะการเดินทางได้มาก ตัวสะพานทอดยาวสีม่วงเล่นระดับ มีรูปไดโนเสาร์แต่งข้างสะพาน ไม่ไกลกัน เป็นลานทรายกว้างๆ มีแพพักริมน้ำ เป็นอีกสถานที่พักผ่อนของชาวกาฬสินธุ์และนักท่องเที่ยว คราวหน้าฉันจะมานอนดูอาทิตย์ขึ้นแถวนี้บ้าง

                จุใจกับการท่องเที่ยวเมืองน้ำดำ แต่ยังไม่เต็มอิ่ม ก็ใครว่า กาฬสินธุ์ ... ไม่มีอะไร

               
เที่ยวทั่วไทย ไปกับโตโยต้า

                เยือนถิ่นไดโนเสาร์ นับดาวบนสันเขื่อนลำปาว

                 การเดินทางระยะไกล คนส่วนใหญ่จะเลือกเดินทางตอนกลางคืน เพื่อถึงที่หมายในตอนเช้า นอกจากเตรียมพร้อมรถแล้ว คนก็ต้องเตรียมพร้อม คนขับควรมีเวลาพักผ่อนสัก 3-4 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และให้ดีก็หาเพื่อนที่ขับรถเป็นไปด้วย แต่ถ้าง่วงทั้งคู่ก็ควรแวะปั๊มจอดพัก เดี๋ยวนี้มีปั๊มใหญ่รายทางเยอะ มีรถจอดพักกันเยอะจนไม่น่ากลัวเหมือนแต่ก่อน 

                เทคนิคการใช้สัญญาณไฟ สื่อสารกับรถคันอื่น เส้นทางขึ้นอีสาน จัดได้ว่าเป็นเส้นทางที่มีรถบรรทุกเยอะที่สุดสายหนึ่ง แถมด้วยทางขึ้นเขาช่วงรอยต่อมวกเหล็ก-ปากช่อง หรือบางช่วงถนนแคบ ถ้าเห็นรถข้างหน้าเปิดไฟกะพริบขวา สลับซ้าย 2-3 ครั้ง คือห้ามแซง เพราะมีอุปสรรคข้างหน้าหรือเขาอาจจะจอด แต่ถ้าเขาให้แซงได้ก็จะเปิดไฟเลี้ยวซ้ายและขับชิดเลนซ้ายเปิดพื้นที่ให้ ถ้าเป็นกลางคืนบางคันใจดีเปิดไฟสูงให้เห็นทางสะดวกขึ้นด้วย สำคัญ!! ก่อนแซงควรกะดูระยะด้วย ถ้าไม่พ้น...อย่าแซง

                  ขับรถเอื้ออาทรต่อกัน การเดินทางก็ปลอดภัย และไปเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติแบบนี้ อย่าลืมเก็บขยะกลับออกมาทิ้งข้างนอกดีกว่า ธรรมชาติสวยงามจะได้อยู่กับเราไปนานๆ นะคะ

               พิพิธภัณฑ์สิรินธร เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (09.00-17.00 น.) โทร.0-4387-1613, 15

               ................................................
(เที่ยวเมืองน้ำดำ ย่ำถิ่นไดโนเสาร์ : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง//ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์)