
ย้อนอดีตเมืองหลวง'เกียวโต'
ศิลปวัฒนธรรม : ย้อนอดีตเมืองหลวง 'เกียวโต'
นับนิ้วกว่าสิบปีที่มีโอกาสเดินทางมาเมืองเกียวเโต อดีตเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ประจวบเหมาะไปในช่วงการจัดงาน เทศกาลจิไดมัตสึริ เทศกาลที่ย้อนรอยเมืองเกียวโต ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมืองในปี 794 จนถึงปี 1868 ผ่านขบวนพาเหรดที่ผู้ร่วมขบวนจะแต่งกายในยุคสมัยในประวัติศาสตร์ รวมถึงการแต่งกายแบบฉบับของ สมเด็จพระจักพรรดิ ผู้ปกครองเมือง นางใน ซามูไร นักรบ ข้าราชการ และพลเมือง
โดยจากประวัติเมืองเกียวโต หรือ เคียวโตะ นั้นโดยในศตวรรษที่ 8 นักบวชในพุทธศาสนานั่นมีอิทธิพลอย่างมาก ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการในราชสำนักของสมเด็จพระจักรพรรดิ ทำให้จักรพรรดิตัดสินพระทัยที่จะย้ายนครหลวงไปยังภูมิภาคที่ห่างไกลจากอิทธิพลของพุทธศาสนา จักรพรรดิคัมมุ จึงทรงเลือกชัยภูมิแห่งใหม่ ที่หมู่บ้านอุดะ เป็นนครหลวงแห่งใหม่พร้อมนี้ได้รับนามว่า เฮอังเกียว (นครหลวงแห่งสันติและสงบสุข)
ซึ่งนครหลวงแห่งใหม่นี้ได้แนวคิดมาจากนครหลวงฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เพียงแต่ปรับขนาดให้เล็กลง และต่อมาใน ค.ศ. 794 ก็ได้กลายเป็นนครที่ตั้งของราชสำนัก ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเฮอังในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามแม้ว่าภายหลัง รัฐบาลทหารจะตั้งเมืองอื่นๆ เป็นศูนย์กลางทางอำนาจการปกครองที่ไม่ใช่เคียวโตะ (รัฐบาลโชกุนมุโระมะชิ) เช่น คะมะกุระ (โดยรัฐบาลโชกุนคะมะกุระ) หรือ เอะโดะ (โดยรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ) แต่โดยทางนิตินัยแล้ว นครหลวงของญี่ปุ่นยังคงเป็นเคียวโตะอันเป็นนครที่พระจักรพรรดิทรงประทับอยู่ จนถึง ค.ศ. 1869 (ยุคฟื้นฟูจักรวรรดิ) ที่ราชสำนักได้ย้ายไปยังกรุงโตเกียว
และเมื่อได้ทำการย้ายราชสำนักไปอยู่ที่เมืองโตเกียว ผู้ปกครองเมืองในขณะนั้นก็เห็นว่าพลเมืองในเมืองเกียวโตดูเงียบเหงา เศร้าสร้อยกันเป็นอย่างมาก จึงจัดให้มีเทศกาลย้อนระลึกถึงวันคืนที่ผ่านมา พร้อมๆ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้จักประวัติความเป็นมา ขนบธรรมเนียม ประเพณี ในยุคประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน เทศกาลจิไดมัตสึริ จึงเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเลือกวันที่ 22 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันจัดงาน เนื่องจากวันนี้ถือเป็นวันที่กรุงเกียวโตถูกตั้งให้เป็นเมืองหลวงโดยจักรพรรดิ์คัมมุ และเมื่อในการฉลองครบรอบปีที่ 1,100 ของการก่อตั้งเมืองเกียวโต เมื่อค.ศ. 1895 ชาวเมืองเกียวโตได้ร่วมกันสร้างศาลเจ้าเฮอันขึ้นมา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าชาวเกียวโตนั้นให้ความเคารพและเทิดทูนจักรพรรดิ์ของพวกเขามาก และขณะเดียวกันก็จัดให้มีเทศกาลเพื่อเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่เมื่อครั้งที่มีกรุงเกียวโตเป็นเมืองหลวง ซึ่งก็คือจิไดมัตสึริ นั่นเอง
และเมื่อจิไดมัตสึ เป็นเทศกาลประจำศาลเจ้าเฮอัน ซึ่งเป็นศาลเจ้าชินโต ดังนั้นในขบวนแห่จึงมีศาลเจ้าเล็กๆ ซึ่งที่นี้มีความโดดเด่นตรงที่ว่าศาลเจ้าที่แห่กันนั้นเป็นที่สถิตดวงพระวิญญาณของจักรพรรดิพระองค์แรกของกรุงเกียวโต นั่นคือจักรพรรดิคัมมุ และดวงพระวิญญาณของจักรพรรดิโคเมอิ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของกรุงเกียวโต
ขบวนพาเหรดตั้งต้นตรงเวลาเป๊ะตอนเที่ยงวันพอดีที่พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโตและจะสิ้นสุดที่ศาลเจ้าเฮอันในเวลาประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง มีระยะทางยาวกว่า 4.6 กิโลเมตร ซึ่งเราได้ที่นั่งในบริเวณจุดเริ่มต้น โดยทางเจ้าหน้าที่ได้จองที่นั่งไว้ให้นั่งชมกันเป็นที่เรียบร้อย จนขบวนสุดท้ายผ่านไปใช้กว่า 2 ชั่วโมงกันทีเดียว สำหรับคนที่สนใจเรื่องราวของประวัติศาสตร์เป็นต้องสนใจขบวนพาเหรดในครั้งนี้ เพราะแต่ยุคได้บอกเรื่องราวความเป็นมาของตัวเอง ทั้งในเรื่องการปกครอง วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ผ่านเครื่องแต่งกายตามยุคต่างๆ ของเมืองเกียวโตในอดีต ซึ่งในแต่ละยุคจะมีผู้ร่วมขบวนประมาณ 20 คน ที่จะมีไล่เรียงไปจากชาวบ้านจนถึงชนชั้นปกครอง จนชาวญี่ปุ่นบางคนเรียกเทศกาลนี้ว่า "เทศกาลแห่งยุคสมัย" หรือ เฟสติวัล ออฟ เอจส์ โดยจะเริ่มขบวนตั้งแต่ยุคปฏิรูปเมจิ (ค.ศ. 1868) และลำดับย้อนกลับไปจนถึงสมัยเฮอันราวปี ค.ศ.781
ยกตัวอย่างขบวนพาเหรดในยุคเมจิ ซึ่งประชาชนกำลังมีความสุขกับความเป็นอิสระและความสงบในช่วงนั้น โดยมีตระกูลโตกูกาวาเป็นผู้ปกครองมาตลอด 300 ปี จนถึงมีการปฏิวัติและย้ายเมืองหลวงไปอยู่โตเกียว เมื่อบ้านเมืองสงบสุข การแต่งกายจึงสะท้อนความเป็นอยู่เหล่านั้นออกมาอย่างสวยงาม
นั่งดูจนจบท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนแรง แต่ก็ทำให้เห็นว่าขนบธรรมเนียมและความเป็นมาของบ้านเมืองเขาเป็นอย่างไร และก็แอบคิดว่าเมืองไทยนี่ล่ะสวยงาม สงบสุข และรื่นรมย์กว่ามากมาย