'อู๋'ได้หนังสือกะบิ๊กไบค์พาท่องโลก
'อู๋'อนุวัชร ได้หนังสือ กะ บิ๊กไบค์ พาท่องโลกกว้าง : คอลัมน์ขอเวลานอก : โดย...เรื่อง - กอบแก้ว แผนสท้าน : ภาพ - อนันต์ จันทรสูตร์
ชอบอ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ผมคิดว่ามันสามารถช่วยในเรื่องงานได้ อย่างการเมือง จะมีวัฏจักรที่คล้ายๆ กัน อีกประเดี๋ยวสิ่งเหล่านี้ก็จะวนกลับมาหาเราเอง ที่สำคัญที่สุดเราจะได้เห็นได้รู้จักคนโบราณ คนในอดีตทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ คนคนหนึ่งสามารถสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่กับโลก
มีคนเคยบอกว่า อะไรก็ไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก โดยเฉพาะสิ่งที่รักนั้นเป็นทั้งงานทำเงินและกิจกรรมยามว่างสร้างสุข ...."อู๋" อนุวัชร อินทรภูวศักดิ์ ผู้บริหารหนุ่มแห่ง "อินท์" อินเตอร์เซค พระราม 3 พ่วงด้วยตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ออโต้ เฮ้าส์ บาวาเรีย จำกัด ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่เขาเลือกสอดแทรกความอิ่มเอมในทุกโมงยามของการทำงาน ด้วยการเปิดโลกกว้างให้ตัวเองจาก "หนังสือ" และการขับขี่ "บิ๊กไบท์"
ใช้ "หนังสือ" แก้เหงาในวัยเด็ก กระทั่งกลายเป็นหนุ่มรักการอ่านจนถึงวันนี้ ส่วนกิจกรรม "ขี่บิ๊กไบค์" ชอบเพราะดีไซน์และทำให้ได้เห็นโลกกว้าง ...บอสหนุ่มวัย 33 ปี
"เรียกได้ว่าผมเองเป็นหนอนหนังสือเลย อย่างตอนเด็กๆ เป็นคนที่พ่อแม่ไม่เคยดูแลอะไรมาก เพราะท่านทั้งสองคนต้องทำงาน ก็เลยชอบอ่านหนังสือค่อนข้างติดด้วยถ้าวันไหนไม่ได้อ่านจะนอนไม่หลับ ในห้องน้ำก็ต้องมีหนังสือ อ่านไม่เลือกประเภท อ่านได้ทุกอย่าง แต่ว่าที่ชอบพิเศษเกี่ยวกับงานที่ทำ เช่นหนังสือหลักการบริหาร เรื่องของโปรดักส์รถมอเตอร์ไซค์ เรื่องไลฟ์สไตล์ มอลล์ที่รับผิดชอบอยู่ เรื่องอาหาร แต่ถ้าพิเศษสุดผมชอบประวัติศาสตร์ อย่างประวัติศาสตร์จีนสนุกมาก ประวัติศาสตร์อเมริกา ประวัติศาสตร์ยุโรป ส่วนการขี่บิ๊กไบค์แม้จะเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน แต่ผมว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีดีไซน์สวยที่สุด ไม่มีส่วนเกินเลย ถ้าเปรียบกับผู้หญิงก็คงเหมือนกับนางแบบ ขณะเดียวกันมอเตอร์ไซค์เวลาขับฟิลลิ่งจะไม่เหมือนการขับรถยนต์เลย ความรู้สึกเป็นอิสระมาก ปลดปล่อยมาก แม้จะมีความเสี่ยงเยอะมากสักหน่อย" หนุ่มเจ้าของบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์สปอร์ตและรถบิ๊กไบค์แบรนด์ดูคาตี้ เล่าให้ฟัง
จะมอเตอร์ไซค์ หรือหนังสือก็ดีทำให้ได้เห็นโลกกว้างขึ้น ทายาทคนโตในจำนวน 3 คนพี่น้องของ อนุชัย-วัชรี อินทรภูวศักดิ์ แชร์มุมมอง
"เหตุที่ชอบอ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ผมคิดว่ามันสามารถช่วยในเรื่องงานได้ อย่างการเมือง จะมีวัฏจักรที่คล้ายๆ กัน อีกประเดี๋ยวสิ่งเหล่านี้ก็จะวนกลับมาหาเราเอง ที่สำคัญที่สุดเราจะได้เห็นได้รู้จักคนโบราณ คนในอดีตทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ คนคนหนึ่งสามารถสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่กับโลกได้โดยที่ไม่ต้องมีเทคโนโลยีอะไรเลย ขณะเดียวกันก็ได้เห็นว่าคนเลวก็สามารถทำอะไรที่เลวมากๆ ได้โดยที่ไม่ต้องมีเครื่องมือช่วย ทำให้ผมได้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่าที่จริงแล้วมนุษย์เรามีศักยภาพทำอะไรก็ได้ทั้งดีและเลว อีกอย่าง ผมอาศัยหนังสือเป็นหน้าต่างให้ผมได้รู้จักสิ่งใหม่ๆ ในโลกนี้ ทุกครั้งที่อ่านไม่ว่าจะอ่านอะไรก็ตามผมจะได้ไอเดียในการใช้ชีวิตหรือทำธุรกิจตลอด แต่ละเดือนหมดกับค่าหนังสือเยอะมาก เพราะชอบอ่านจริงๆ อ่านแล้วอ่านได้ใหม่ อย่างหนังสือเรื่องสามก๊ก เมื่อมีหลายสำนักแปล ก็ย่อมมีหลายสำนวนให้อ่านยิ่งอ่านเยอะยิ่งรู้เยอะ เช่นเดียวกับการขี่มอเตอร์ไซค์ ผมเชื่อในคำพูดหนึ่งที่ว่า..บนเส้นทางเดียวกัน เมื่อขับรถจะเห็นวิวหนึ่ง พอมาขี่มอเตอร์ไซค์ ก็จะได้เห็นอีกวิวหนึ่ง หรือแม้แต่เวลาขี่จักรยานมุมมองย่อมต่างไปอีกเช่นกัน ดังนั้นเวลาขี่มอเตอร์ไซค์ ผมจึงรู้สึกอิสระและปลดปล่อย แม้ว่าส่วนมากจะขับในเมืองก็ตาม" หนุ่มอู๋เล่าพร้อมกับชี้ชวนให้ดูบิ๊กไบค์คันโปรดซึ่งเขาใช้เป็นพาหนะคู่กาย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทว่าต่อให้เลิฟมากแค่ไหนก็ขอจอดทิ้งไว้ที่บ้านในช่วงหน้าฝน เพราะต้องการความปลอดภัย และจะจับมาบิดคันเร่งกันอีกคำรบในช่วงฤดูหนาวกับเพื่อนร่วมทริป 6-7 คน
อีกหนึ่งข้อดีของการอ่านหนังสือและการขี่มอเตอร์ไซค์ นั่นคือ สามารถหยิบยกมาปรับใช้กับชีวิตและการทำงานได้หลายอย่าง อาทิ สติ การวางแผนชีวิต... ผู้บริหารคอมมูนิตี้ มอลล์ แบ่งปันประสบการณ์จากการท่องสวนอักษรและตระเวนบิดบิ๊กไบท์ไปตามเส้นทางต่างจังหวัด
"มีแน่นอนหลายเรื่องด้วย หนึ่งคือการใช้ชีวิตอย่างมีสติ ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ส่วนตัวอักษร ก็ได้แนวคิดจากหนังสือ อย่างเช่นหนังสือเกี่ยวกับบริหาร ผมว่าสำคัญมากต่อให้คนที่ไปเรียนทางด้านนี้มา ก็ควรมีการทบทวนเทคโนโลยี หรือเทคนิคการบริหารใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ เทรนด์เป็นอย่างไร เพื่อปรับตัวให้เข้ากับปัจจุบันได้ ส่วนหนังสือประเภทวรรณกรรม วรรณคดี ที่ดีๆ หรือแม้แต่หนังสือประวัติศาสตร์ ก็สอนให้เราดูคน การตัดสินใจในช่วงสถานการณ์หนึ่งๆ ของชีวิต เหมือนกับว่าเราได้เห็นเหตุการณ์นั้นก่อน หนังสือจึงเปรียบเสมือนเป็นสื่อกลาง ในมุมมองของผมแม้แต่คนยิ่งใหญ่อย่าง หลอกว้านจง ผู้เขียนหนังสือสามก๊ก ถึงตายมาไม่รู้กี่ร้อยปีแล้ว แต่ทุกวันนี้เราก็ยังพูดคุยกับเขา มันทำให้ผมรู้สึกว่าอะไรก็ตามที่มีอยู่ในตัวผมและถ้าผมถ่ายทอดออก หากสามารถเป็นข้อแนะนำดีๆ ได้ รุ่นลูกรุ่นหลานของผมได้อ่าน ก็เหมือนว่าผมยังไม่ตาย ผมว่าความคลาสสิคของหนังสืออยู่ตรงนี้" หนุ่มเจ้าของหนังสือทั้งอ่านเล่น หนังสือวิชาการกว่า 3,000 เล่ม และบิ๊กไบค์รุ่นลิมิเต็ดสนราคาไม่ต่ำกว่า 800,000
สำหรับอ่านหนังสือแทบจะหาข้อจำกัดไม่เจอ ต่างจากการขับขี่พาหนะสองล้อเครื่องยนต์ใหญ่ ในฐานะผู้คลุกคลีกอยู่กับการจำหน่ายรถบิ๊กไบท์ แต่ไม่ถนัดด้านเครื่องยนต์เท่าไหร่นัก ให้ข้อแนะนำว่า อันดับแรกผู้ขับขี่ต้องสติ ส่วนเรื่องเกี่ยวกับเครื่องยนต์ก็ควรจะมีติดตัวไว้บ้าง แม้เพียงงูๆ ปลาๆ
"ในส่วนของเรื่องเครื่องยนต์กลไก ผมว่าอันที่จริงแล้วก็ควรจะมีความรู้ติดตัวซักหน่อยน่าจะดี อย่างผมเองก็ไม่รู้ลึกแต่จะใช้วิธีหากเกิดปัญหาอะไรจะโทรเข้าหาช่างที่ออฟฟิศ สรุปคือรู้ไว้เป็นเรื่องดีที่สุด แต่ถ้าไม่รู้อะไรเลย คิดว่าควรจะมีเบอร์ติดต่อผู้เชี่ยวชาญสามารถให้ความช่วยเหลือให้คำปรึกษาได้ และสำหรับเคล็ดลับประจำตัว ผมมีหลักอยู่ว่า ถ้ารีบไปไหนเร็วๆ ผมจะไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ ในทางตรงข้ามหากต้องการขี่มอเตอร์ไซค์ ผมจะเลือกที่มั่นใจว่าทันเวลา ความคิดผมค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น เนื่องจากคนมักเข้าใจว่ามอเตอร์ไซค์เหมาะสำหรับช่วงเวลาเร่งด่วน จริงๆ แล้วในความคิดของผมมองในทางกลับกันว่า มอเตอร์ไซค์เหมาะจะขี่เล่นสบายๆ มากกว่า คือหากขี่ต้องไม่รีบร้อน เพราะจะทำให้ผู้ขับขี่ไม่มีสมาธิ และนั่นหมายถึง ต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่า" หนุ่มอู๋ กล่าวฝากและไม่ลืมฝากข้อคิดไปถึงบรรดาขาแว้นทั้งหลายว่า ทุกครั้งที่ขับขี่ต้องมีสติ ไม่ประมาท ใช้มอเตอร์ไซค์เพื่อการมองโลกใหม่ๆ พบสังคมใหม่ๆ ไม่ใช่แค่สนองความต้องการของตัวเองเรื่องความเร็วเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญต้องขับขี่อย่างรับผิดชอบต่อตัวเอง ต่อครอบครัว และสุดท้ายต่อสังคมด้วยคร้าบบบบ
..............................................
('อู๋'อนุวัชร ได้หนังสือ กะ บิ๊กไบค์ พาท่องโลกกว้าง : คอลัมน์ขอเวลานอก : โดย...เรื่อง - กอบแก้ว แผนสท้าน : ภาพ - อนันต์ จันทรสูตร์)