
กรุ่นกลิ่นชานานารส
กรุ่นกลิ่นชานานารส : คอลัมน์ชวนชิม
ภาพสาวไฮโซนั่งไขว่ห้างจิบชาพร้อมเสาวนาอย่างออกรสกับเพื่อนสาวในร้านชาเกรดเอบวกๆ "TWG TEA" (ทีดับเบิลยูจี ที) บริเวณชั้นจี ห้างดิ เอ็มโพเรียม ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ ชวนให้สงสัยว่าคุณเธอเหล่านั้นจะทราบหรือเปล่านะว่า รสชาที่ดื่มผ่านสร้อยเพชรเม็ดเป้งก่อนจะลงคอนั่นน่ะ มาจากไหน...ถ้าไม่ล่ะก็ รู้ไว้เลยว่า ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เชื่อว่า "จีน" เป็นชนชาติแรกที่รู้จักนำใบชามาใช้ โดยเขียนไว้ว่าชาเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมมากก่อนศตวรรษที่ 12 ซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์โจว
ขณะที่ชาวอาทิตย์อุทัยกลับเชื่อต่างว่า ชาที่ปลูกในจีนนั้นมาจากอินเดีย แต่ในเชิงวิชาการเขาว่า แหล่งกำเนิดของชาโลกอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง แถบภาคเหนือของพม่า แคว้นอัสสัม ตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ไทย ลาว และญวน สรุปว่า ใครๆ ก็ดื่มชา...ร่ายให้ฟังยืดยาวขนาดนี้ ถึงกับวางถ้วยชาไม่ลงกันทีเดียว โดยเฉพาะเวลาได้มานั่งจิบในร้านชาไฮโซสัญชาติเมืองลอดช่อง ซึ่งร้านนี้บอกเลยว่าเหมาะกับใครก็ได้ที่ชื่นชอบการดื่มชานานาชาติ เลือกกันไปเลยให้ถูกโฉลก มีทั้งชาแบบดั้งเดิม และผสมผสานกับส่วนประกอบอื่นๆ ให้ลิ้มลองจนกว่าจะพอใจกว่า 450 ชนิด ท่ามกลางบรรยากาศร้านที่ออกแบบและตกแต่งอย่างมีรสนิยม มีในส่วนของ ที ซาลอน ให้นั่งจิบชาแบบอบอุ่น ทั้งโต๊ะและผนังเป็นไม้ขัดเงาสบายตา มุม ที บูทิก จัดไว้สำหรับใครที่อยากนำชากลับไปดื่มด่ำที่บ้าน นอกจากนี้ยังขนมอร่อยๆ ไว้จับคู่กับชารสโปรดด้วย
ถ้าชอบรสชาติอ่อนโยนและสดชื่นขณะดื่ม ไวท์ เอิร์ลเกรย์ เหมาะสุดๆ เพราะมีส่วนผสมของใบชาขาวและมะกรูด หรือจะเป็นชาเขียวอุ่นๆ ที่รสชาติไม่เข้มมาก แต่ถ้าอยากเริ่มต้นด้วยความดุดันแนะนำให้ลิ้มลองชาดำต้นตำรับ รับรองแก้วเดียวอยู่ แต่ถึงจะเข้มก็มีดีพอสมควรที่จะได้รับความนิยมในอันดับต้นๆ ของร้าน เช่นเดียวกับ ซิลเวอร์ มูน ที ที่ชวนให้นึกถึงน้ำที่สะท้อนดวงจันทร์ประกายระยิบระยับ แฝงรสชาติแร่ธาตุ จิบแล้วอารมณ์สุนทรีย์ไม่หยอก
รูปลักษณ์ของชา โดยเฉพาะสี นำพาให้ผู้ดื่มหลงใหลมานักต่อนัก อย่างเรด ออฟ แอฟริกา ต้นกำเนิดจากแอฟริกาใต้ ก่อนจะมานอนกลิ้งให้ได้จิบอุ่นๆ ต้องผสมเครื่องเทศรสหวานกับดอกดาวเรือง จึงให้ทั้งสีและกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่สำคัญสามารถดื่มแบบเย็นก็ได้ไม่เสียรสชา อีกตัวเป็น พิงค์ ฟลามิงโก้ ที ผสมผสานระหว่างชาเขียวกับดอกชบาสีแดงเข้ม ดูคล้ายๆ สีกุหลาบส่วนรสชาติจะออกเปรี้ยวนิดๆ สาวๆ น่าจะชอบนะ
เช่นเดียวกับ เบน เด โรสเสส ที่เขาอธิบายว่า ในเดือนพฤษภาคมของทุกปีกุหลาบจากแกรสส์ (Grasse) จะเบ่งบาน ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วเมืองโพวองซ์ของฝรั่งเศส ซึ่งชาแก้วนี้เกิดจากการรวมตัวกันของกุหลาบพิเศษ วานิลลา และชาดาร์จีลิง ทำให้ถูกคอสำหรับนักดื่มชาทั้งยุโรปและเอเชีย แต่ถ้าออกแนวสำนึกรักบ้านเกิดแล้วละก็ ต้องนี่เลย รอยัล ไทย อูหลง ชื่อเสียงกระฉ่อนเป็นที่รู้กันดีว่า แก้วนี้ได้ผ่านการหมักมาเล็กน้อยพอให้มีกลิ่นหอมอบอวล แล้วพอจัดมาในนามของดับเบิลยูจีทีก็ยิ่งมีความเข้มข้นปนกลิ่นอายบของข้าวคั่วอ่อนๆ
และเพื่อให้บรรยากาศการดื่มชาไฮโซสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทางร้านก็มีทั้งอาหารเช้า มื้อเที่ยง และไดนิ่งไว้บริการ แต่ละรายการบ่งบอกว่าสมกับเป็นของอร่อยจากร้านขายชาจริงๆ เพราะมีการนำผงหรือใบชาไปประยุกต์เข้ากับจานอร่อย อย่างมันฝรั่งทอดก็โรยผงชาเขียวเพิ่มกลิ่นหอม หรือสลัดก็ราดด้วยเดรสซิ่ง (น้ำสลัด) ที่มีส่วนผสมของชาต้นตำรับปี 1837 ประมาณนี้ เป็นต้น
เรียกว่าละเมียดละไมจนสาวน้อยสาวใหญ่และชายหนุ่มผู้มีรสนิยมวางแก้วไม่ลงกันทีเดียว...
........................................
(กรุ่นกลิ่นชานานารส : คอลัมน์ชวนชิม)