
สุดเขตแดนสยาม@เชียงคาน-แก่งคุดคู้
สุดเขตแดนสยาม @ เชียงคาน-แก่งคุดคู้ : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : วัลย์ พันขุนเขา
การเดินทางครั้งนี้ เป้าหมายตะลอนเที่ยวไปถึง เชียงคาน จังหวัดเลย ดินแดนที่ใครต่อใครก็ไปด้วยคำบอกเล่าถึงบรรยากาศที่ยังเงียบสงบ เหมือนกับ อำเภอปาย ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อหลายปีก่อน จังหวะปลายฝนนี่ น่าจะโรแมนติกไปอีกแบบ ว่าแล้วก็ชวนเพื่อนอีกคนเดินทางกัน สองคนอาจจะดูเหงาไปหน่อย แต่ก็เป็นทางที่เราเลือก
เราสองคนออกจากกรุงเทพฯ โดยรถประจำทางที่ขนส่งหมอชิตประมาณ 09.30 น ไปลงที่ บขส. จังหวัดเลย นัดเพื่อนให้มารับที่นั่น แต่ดันลงรถผิด ไปลงที่ บขส.วังสะพุง ห่างจาก บขส.เลยตั้ง 20 กิโลเมตร ยังดีที่มีรถทัวร์คันถัดไปเข้าเทียบท่า ให้เดินทางต่อไปได้ นึกว่าต้องนอนข้างทางเสียแล้ว กว่าจะถึง บขส.เลย ก็ปาเข้าไป 19.00 น. นี่แหละ ... รสชาติของการเดินทาง
เพื่อนมารอรับอยู่แล้ว เลยรอดตัวไป พากันไปกินข้าวกันที่ถนนคนเดินในตัวจังหวัด ที่นี่มีของกินให้เลือกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นข้าวหมกไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวผัดต่างๆ แล้วที่เด็ดสุดคือยำวุ้นเส้น กินกันจนอิ่มก็นั่งรถต่อไปยังบ้านเพื่อนอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 30 กิโลเมตร ด้วยความที่เดินทางกันมาทั้งวัน ... เหนื่อยซิครับ ถึงบ้านก็ไม่เกรงใจกันล่ะ ขออาบน้ำแล้วเข้านอนทันที (ไม่ต้องคุยอะไรกันขอนอนก่อน)
ตื่นขึ้นมากับเช้าที่สดใสมองไปรอบข้างมีแต่ภูเขา แต่แปลกภูเขาที่นี้มีแต้ต้นยางพาราไม่ค่อยจะมีต้นไม้ตามธรรมชาติ เป็นสวนยางพาราไปเสียหมด นั่งๆ นอนๆ จนประมาณ 17.00 น เราก็ต่อรถไปยังเชียงคานจุดหมายปลายทางของเรา (ถ้านั่งรถโดยสารจากกรุงเทพฯ มาก็สามารถมาลงรถที่เชียงคานได้เลยครับ)
เชียงคาน เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเลย ที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง ซึ่งกั้นเขตแดนไทย-ลาว พอลงจากรถเราก็ไปหาอะไรกินกันเลย ... เรื่องกินเรื่องใหญ่ ... ฮา เราเดินไปบนถนนที่มีผู้คนมากมาย ที่ไม่รู้จักกัน ไม่รู้ว่าพวกเขามาจากที่ไหน แต่ที่รู้พวกเขาอาจจะมีหัวใจตรงกันกับผมตรงที่เลือกอาหารพื้นเมือง มื้อนี้ที่เชียงคาน "ข้าวเปียก" ที่สั่งมารองท้อง ข้าวอะไรไม่รู้เป็นเส้นๆ ถ้าบ้านผมเรียกก๋วยเตี๋ยวมากกว่า เพราะปรุงรสเหมือนก๋วยเตี๋ยวเสียด้วย ตามมาด้วย "ไข่จาน" หรือ "ไข่ถ้วย" รสชาติมันก็คล้ายๆ กับไข่ทรงเครื่องประมาณนั้นครับ ตบท้ายด้วยน้ำเก๊กฮวยคนละแก้วเราก็รอดตายแล้วคับสำหรับมื้อนี้
อิ่มท้องกันแล้ว ภาระต่อไปของเราก็คือการหาที่พัก เดินไปเดินมาหลายรอบเพราะห้องเต็ม ทั้งๆ ที่ไม่ใช้หน้าเทศกาลอะไร จนเดินมาพบป้าคนหนึ่ง
"หาห้องอยู่ใช่มั้ยหนู" ป้าถาม (ไม่รู้คุณป้ารู้ได้ไง)
"ใช่ครับ" ผมตอบไปทันที แล้วก็ได้คำตอบ "บ้านป้ามีห้องว่างให้เช่า"
ผมตอบตกลงทันทีทั้งๆ ที่ไม่รู้ราคาเท่าไหร่ แต่ตอนนั้นเท่าไหร่ก็ยอม เพราะไม่มีที่อื่นอีกแล้ว เดินตามหลังคุณป้าไปห้องพัก มีป้ายบอกชื่อ "คุณยายโฮมสเตย์" ชื่อน่ารักดี ผมแอบหันไปยิ้มกับเพื่อนหลังจากที่ได้ที่พักราคาถูกแค่คืนละ 400 บาท
เก็บข้าวของเสร็จก็ออกท่องราตรีไปบนถนนเลียบริมฝั่งโขง เดินดูเสื้อผ้าที่มีขายเยอะสุด นอกนั้นเป็นพวกของที่ระลึก และของฝาก แต่ถ้าเป็นของกินละก็ ที่นี่มีสองอย่างที่ขึ้นชื่อ "เมี่ยงคำโบราณ" และ "มะพร้าวแก้ว"
บรรยากาศรายรอบดีมากๆ เรือนไม้ที่คงความโบราณไว้ ไฟสีส้มอ่อนๆ บวกกับภาพแม่น้ำโขง และรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ของผู้คนเชียงคาน ผมว่าเชียงคานเป็นเมืองเก่าที่โรแมนติกไม่แพ้ที่อื่น และนี่เองที่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่มีผู้คนแวะเวียนมาเที่ยวไม่ขาดสาย
พวกผมเดินถ่ายรูปมุมนั้น มุมนี้ ร้านค้าพากันจัดมุมสวยๆ ไว้ให้ถ่ายรูปและเรียกลูกค้าไปในตัว และยังมีบ้านไม้เก่าแก่ที่ยังคงรูปแบบโบราณไว้ วิถีชีวิตที่โคจรไปเรื่อยๆ ของผู้คนเชียงคานที่เรียบง่าย สงบ โรแมนติก และผมหวังว่าคงจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป เดินกันจนเหนื่อยถึงได้กลับที่พัก เก็บแรงไว้ปั่นจักรยานวันพรุ่งนี้ การทำบุญตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้าเป็นอะไรที่มาแล้วไม่น่าจะพลาด
เชียงคานมีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เพราะคนเชียงคาน คือ คนสายเลือดเดียวกันกับคนหลวงพระบางจึงมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกันหลายอย่าง เช่น การตักบาตรข้าวเหนียว และภาษา หรือพูดได้ว่าเชียงคาน เป็นเมืองคู่แฝดของหลวงพระบางเลยก็ว่าได้
อำเภอเชียงคาน มีพื้นที่ติดริมแม่น้ำโขง มีร้านอาหาร ที่พัก และบริการล่องเรือชมสองฝั่งโขง และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายที่ เช่น วัดศรีคุณเมือง พระพุทธบาทภูควายเงิน ภูทอก และแก่งคุดคู้
รุ่งขึ้นตื่นกันประมาณ 7.00 น ที่นี้ตอนเช้าบรรยากาศเงียบสงบมาก มันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเชียงคานไปแล้ว ผมอาบน้ำเสร็จออกจากโฮมสเตย์เดินชมแม่น้ำโขงและเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามจนเพลิน ลืมใส่บาตรข้าวเหนียวเสียงั้น แต่ไม่เป็นไรครั้งต่อไปยังมี เดินกันจนเหนื่อย เลยไปเช่าจักรยานมาปั่นคันละ 40 บาท
จุดหมายอยู่ที่ ... แก่งคุดคู้ ห่างจากอำเภอเชียงคานไปประมาณ 5 กิโลเมตร แต่ถ้าไม่อยากปั่นจักรยานไปก็มีรถสามล้อที่มีบริการในเส้นทาง เชียงคาน - แก่งคุดคู้ นั่งได้ประมาณ 4 คน ค่ารถประมาณ 200 บาท
แก่งคุดคู้ เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ที่กั้นอยู่กลางแม่น้ำโขง ประกอบด้วยหินก้อนใหญ่ๆ จำนวนมาก จากการบอกกล่าวของผู้คนในพื้นที่ ทราบว่า เมื่อก่อนแก่งคุดคู้กว้างใหญ่เกือบจรดสองฝั่งแม่น้ำโขงเลยทีเดียว มีกระแสน้ำไหลผ่านไปได้แค่ช่องแคบๆ แถมเชี่ยวมากด้วย แต่ตอนที่ไปนี่ไม่เห็นเป็นแก่งเท่าไหร่ เพราะน้ำเยอะ ท่วมแก่ง อย่างว่าละครับไปเที่ยวช่วงฝนฟ้ามา น้ำเยอะมากกว่าปกติ ... ทำใจครับ
เพราะจริงๆ แล้ว ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การชมแก่งคุดคู้ คือ เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม เพราะเป็นช่วงที่น้ำแห้งมองเห็นแก่งคุดคู้ ชัดเจนที่สุดบริเวณแก่งมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ขายเสื้อผ้า และมีโฮมสเตย์ให้เลือกพักมากมาย หรือถ้าใครอยากสัมผัสกับแก่งคุดคู้และธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำโขงอย่างไกล้ชิด ที่แก่งคุดคู้ก็มีเรือยนต์ให้เช่า ใช้เวลาไปกลับประมาณ 1 ชั่วโมง ราคาแล้วแต่ตกลงกัน
ผมเดินถ่ายรูปและเดินดูวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งโขงที่ส่วนมากจะทำประมงในแม่น้ำโขง ดังนั้น ถ้าใครมาเที่ยวแถวแก่งคุดคู้อย่าลืมสั่ง เมนูปลาจากลำน้ำโขง นะครับ สุดยอดก็ต้อง "ต้มยำปลา" ที่ชาวบ้านจับมาจากแม่น้ำโขงนั่นแหละ
ที่แก่งคุดคู้ยังมองเห็นธรรมชาติ บ้านเรือนของเพื่อนบ้านได้อีกด้วย ผมเดินชมแก่งคุดคู้ได้ไม่นาน สายฝนก็โปรยปลายลงมาเบาๆ แต่ที่นี่ก็ยังมีผู้คนมากมาย มาเดินเที่ยวชมวิถีชีวิต แก่งคุดคู้ และแม่น้ำโขง แม้วันนี้จะฟ้ายังไม่สดใส แต่มันก็เป็นครั้งแรกของผมกับการมาที่นี่
สถานที่ต่างๆ และธรรมชาติยังรอผู้มีหัวใจรักการเดินทาง ลองออกก้าวเดินไปแล้วคุณจะรู้ว่าโลกมันกว้างเราเป็นแค่เศษเสี้ยวของโลกใบนี้เท่านั้น ครั้งหนึ่งในทรงจำ เชียงคาน ...แก่งคุดคู้
.........................................
การเดินทาง
เส้นทางโดยสารประจำทาง : จากขนส่งหมอชิต โดย รถโดยสารปรับอากาศ กรุงเทพฯ - เชียงคาน สถานี ปลายทาง จังหวัดเลย (ถึงที่เชียงคานเลยครับ)
........................................
(สุดเขตแดนสยาม @ เชียงคาน-แก่งคุดคู้ : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : วัลย์ พันขุนเขา)