ไลฟ์สไตล์

ศิลป์แห่งแผ่นดิน:ยักษ์

ศิลป์แห่งแผ่นดิน:ยักษ์

14 ต.ค. 2555

ศิลป์แห่งแผ่นดิน : ยักษ์ : โดย...ศักดิ์สิริ มีสมสืบ

                ตอนเป็นเด็กผมได้อ่าน ได้ท่องบทอาขยาน “เมื่อนั้น พระยาพิเภกยักษี เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี อสุรีกราบลงกับบาทา ทูลว่าพระลักษณ์สุริยวงศ์ ยังไม่ปลงชีวังสังขาร์ อันโมกขศักดิ์อสุรา พรหมาประสิทธิ์ประสาทไว้ ทรงอานุภาพฤทธิรุทธ ซึ่งใครจะฉุดนั้นไม่ไหว แต่มียากู้หอกชัย ให้ไว้สำหรับแก้กัน.. แม้นว่าได้บดชโลมลง องค์พระอนุชาไม่อาสัญ จะดำรงคงชีพชีวัน หอกนั้นก็จะหลุดขึ้นมา”

                หนุมานไปยังเขาสรรพยา เพื่อไปเอายา “สังกรณีตรีชวา” หนุมานใช้หางเลื้อยพัน ภูเขาจนถึงยอด ผมจำภาพวาดลายเส้นขาว-ดำ ที่ประกอบเรื่องได้อย่างติดตา “แล้วให้ลูกพระพายเทวัญ ไปห้ามพระสุริยันในชั้นฟ้า” หนุมานเหาะเหินไปห้ามรถพระอาทิตย์ ถูกเปลวตะวันแผดเผาจนแหลกเป็นจุล เหลือแต่ “ขนเพชร” แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ ...กู้ชีพพระลักษณ์ไว้ได้

                หอกโมกขศักดิ์ กลายมาเป็น “ปืนโมกขศักดิ์” และผู้ถูกปืนโมกขศักดิ์กลายเป็นหนุมาน ผู้ไปห้ามรถพระอาทิตย์กลายเป็นทศกัณฐ์ โดยปีนเสาเที่ยงวันขึ้นไปถึงรางลอยฟ้า

                ผมคิดล่วงหน้าไว้แล้วว่า “ยักษ์” โดยประภาส ชลศรานนท์ จะต้องดีและสนุก ผมไว้เนื้อเชื่อใจเชื่อมั่น ผู้ชายคนนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็เข้าท่าเข้าทาง เข้าทีดีไปหมด ไม่ว่าจะแต่งเพลง เขียนหนังสือ หรืองานสร้างสรรค์อื่นใด ผมเกาะติดเขามาตลอด งานของเขาลึกซึ้งแต่เสพง่ายติดง่าย 

                ผมพาเด็ก 2 คน ของผมไปดู “ยักษ์” ในวันแรกที่หนังเข้าฉาย 4 ตุลาคม ที่โรงภาพยนตร์ในห้างยักษ์ของนครสวรรค์ คนโต 10 ขวบ คนเล็ก 3 ขวบครึ่ง ทั้งสองคนไม่เคยละสายตาจากจอ ไม่เคยหลุดจากความสนใจ เด็กๆ ถูกตรึงอยู่กับที่ มีเสียงหัวเราะ จากเด็กๆ ทุกคนอยู่เป็นระยะๆ

                ไม่ทราบว่าคนทำรู้สึกอย่างไร สมใจไหมกับงานที่สร้างสรรค์ แต่สำหรับพ่อของลูกนั้นรู้สึกมีความสุขที่เห็นเด็กๆ มีความสุข แค่เด็กๆ สนุกก็พอใจแล้ว ยักษ์สีเขียวที่น่ารัก อ่อนโยน ลิงกระป๋อง “เผือก” ที่มีหาง “วิเศษ” และ “พิเศษ” ผมชอบ “หาง” ของเจ้าเผือกมากเลย แต่เด็กๆ ชอบ เจ้า “สนิม” มากที่สุด

                ผมพูดถึง “ยักษ์” ในนามของ “พ่อ” นะครับ ไม่ใช่นักดูภาพยนตร์ ไม่ใช่นักวิจารณ์ อยากบอกว่าผมรู้สึกดี ชอบ ชื่นชม

                เด็กๆ อาจไม่รู้สึกลึกซึ้งอะไรด้วย กับประโยคคมๆ ในตอนท้ายเรื่อง แบบว่า “ยักษ์อยู่ในตัวเราทุกคน” แม้พ่อแม่จะพยายามชวนเขาพูดคุย ถึงข้อคิดที่ได้จากการดู “ยักษ์”

                ตอนภาพยนตร์จบ ผมอ่าน ตัวอักษรวิ่งครบถ้วน เพราะคนดูหนังเมืองไทยไม่ค่อยสนใจ คนทำงาน พอรู้ว่าหนังจบ ต่างคนก็รีบลุก ไม่มีใครอยากรู้ ว่าใครบ้างมีหน้าที่สร้างสรรค์งานส่วนใด

                ผมอ่านรายนามคนทำงาน มีหลายนามที่ผมเคยผ่านตา ผ่านใจ รู้ว่าทำอะไรได้ เขาทำอะไร มา และทำอะไรอยู่  งาน “ยักษ์” นี้ ทำให้ผมยิ่งรู้สึกชื่นชม 

                ทีมงานภาพแอนิเมชั่น สอบผ่านอย่างปลื้มๆ ทีมพากย์ก็เช่นกัน มีบ้างที่หนุมานตก (ร) เรือ แต่ก็ไม่ถึงกับจมน้ำตาย ส่วน “บท” นั้นรอดตัวไปสบายๆ แม้บางมุกจะเป็นมุกเฉพาะคนไทย ซึ่งอาจปรับได้หากจะฉายให้คนชาติอื่นดู

                เสาร์เที่ยงวัน รางรถพระอาทิตย์ ผมรับได้ เด็กๆ ก็ชอบ ตอนยักษ์ปีนเสา ผมยังช่วยคิด หาวิธี(ปีน)อยู่ในใจตลอด ตอนเห็นพระอาทิตย์ วิ่งมาตามทางที่แรกรู้สึกผิดหวัง แต่ที่ไหนได้นี่มันแค่ลูกเด็กเล็กแดง จนกระทั่งพระอาทิตย์ตัวพ่อมาถึง

                ผมผ่านการดูภาพยนตร์ แอนิมั่นมาไม่น้อย ก็เมื่อตอนที่มีเด็กๆ เป็นของตัวเองนี่แหละ ได้ดูทั้งหนัง ฝรั่ง ยุโรป เอเชีย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อินเดีย

                ผมขอเชิญชวนพ่อแม่ทั้งหลายพาเด็กๆ ไปดู  “ยักษ์” โดยประภาส ชลศรานนท์ 

                ก่อนเข้าโรงภาพยนตร์ควรเล่าเรื่อง “รามเกียรติ์” ให้เขาฟัง หาหนังสือให้เขาอ่าน (มีรามเกียรติ์ฉบับการ์ตูนให้เลือกอ่าน)

                ขณะดูภาพยนตร์ในโรง พ่อแม่ควรงดโทรศัพท์ ตอนหนังจบ ควรนั่งอ่านตัวอักษรวิ่ง อ่านรายนามผู้ทำงานเพื่อเป็นการแสดงความเคารพชื่นชมคนทำงาน

                พ่อแม่ควร ดูแล “ยักษ์” ในตัวด้วย ไม่ให้ยักษ์ทำร้ายเด็กๆ แม้แต่แค่ “คำราม” ก็เถอะ

 

 

--------------------

(ศิลป์แห่งแผ่นดิน : ยักษ์ : โดย...ศักดิ์สิริ มีสมสืบ)