ไลฟ์สไตล์

"โทรจิก" ทวงหนี้ที่ทำงาน

"โทรจิก" ทวงหนี้ที่ทำงาน

10 ต.ค. 2555

ดิฉันเป็นหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ผ่านมาก็มีการชำระยอดตามปกติ แต่บางช่วงก็มีล่าช้าบ้าง ซึ่งทุกครั้งที่มีการล่าช้าจะมีเจ้าหน้าที่โทรมาทวงทุกวัน ดิฉันเป็นคนคุยโทรศัพท์เสียงดัง จึงไม่สามารถรับโทรศัพท์ในเวลางานได้ เพราะไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานรู้

 จนกระทั่งช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ดิฉันประสบปัญหาเรื่องการเงินทำให้มีการค้างชำระหนี้ ดิฉันก็พยายามหามาจ่าย โดยจะพยายามจ่ายรายที่มีประวัติเสียน้อยที่สุด ซึ่งตอนนี้ดิฉันได้ขอปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว แต่มีธนาคารยูโอบีที่โทรมาทวงหนี้ที่ทำงานบ่อยมาก ดิฉันเคยรับสายบอกขอเวลาหน่อย ก็คุยกันรู้เรื่อง โดยกำหนดว่า ภายในวันนั้นวันนี้จะพยายามหามาชำระ ถ้าไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที แต่ยังไม่ถึงวันที่คุยกัน วันรุ่งขึ้นก็มีเจ้าหน้าที่โทรมาอีก เป็นแบบนี้ประจำ
 พอดิฉันไม่รับมือถือก็โทรที่โต๊ะทำงาน พอดิฉันต่อว่าไปเขาบอกเขาจำเป็น เมื่อดิฉันไม่รับสาย ดิฉันบอกก็คุยกันแล้วจะคุยอะไรอีก แล้วดิฉันก็บอกว่าในเวลางาน ถ้าดิฉันไม่รับสายแสดงว่าไม่สะดวก เช่น งานยุ่ง กำลังประชุม ดังนั้นไม่ควรโทรมาที่โต๊ะ เพราะคนอื่นจะเป็นคนรับ ซึ่งตอนนี้ดิฉันกำลังกลายเป็นเป้าสายตาของเพื่อนร่วมงานว่า "ถูกทวงหนี้"
 ดิฉันกำลังจะได้เงินมาก้อนหนึ่ง ก็ว่าจะจ่ายตัวที่ค้างนานๆ ก่อน ไม่เคยคิดว่าจะไม่จ่าย ดิฉันก็พยายามหาทุกทาง
 เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2555 เจ้าหน้าที่ยูโอบีโทรมาตอนบ่ายโมง เพื่อนร่วมงานยังมีน้อย ดิฉันรับสายเพื่อจะคุยต่อรองกับเจ้าหน้าที่ว่า ถ้าดิฉันหาเงินมาจ่ายขั้นต่ำได้ จะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เพื่อที่ดิฉันจะได้กดเงินส่วนนี้มาใช้ได้ เพราะเงินที่ดิฉันจะได้มีจำกัด แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องปรับโครงสร้างหนี้ โดยดิฉันมีบัตรเครดิต 1 ใบ บัตรกดเงินสด 1 ใบ และสินเชื่อส่วนบุคคล ดิฉันบอกว่า สนใจจะปรับโครงสร้างหนี้บัตรกดเงินสด แต่บัตรเครดิต ค้าง 2 เดือน ดิฉันจะจ่ายต่อ แต่เขาไม่ยอม บอกต้องปรับทั้งสองใบ ซึ่งผ่อนเดือนละ 5,400 บาท ดิฉันไม่ไหว ขอใบเดียว เขาบอกไม่ได้ ดิฉันบอกถ้าไม่ได้ก็ไม่ปรับ เขาก็บอกถ้าไม่ปรับต้องจ่ายเลย ไม่งั้นจะปิดบัตรและส่งฟ้องศาล
 ตอนนั้นดิฉันมีเงิน 4 พันกว่าบาท ก็พอจ่ายตัวนี้ แต่พอเขาบอกว่า ถ้าไม่จ่ายจะปิดบัตร เลยคิดว่าถ้างั้นปล่อยให้ปิดดีกว่า อย่างน้อยก็ผ่อนชำระได้ ส่วนเงินก้อนนี้ก็เอาไปจ่ายตัวสินเชื่อแทน สินเชื่อของยูโอบีซึ่งตอนนั้นยังไม่ค้าง แต่จ่ายล่าช้า แต่พอจ่ายสินเชื่อไปแล้ว รุ่งขึ้นก็มีเจ้าหน้าที่โทรมาทวงอีก พอรับสายก็ทวงบัตรกดเงินสด บอกว่าถ้าจ่าย 4 พันกว่า จะกดได้ 3 พันกว่า จะลดดอกเบี้ยให้ ดิฉันบอกว่าทำไมเมื่อวานไม่พูดแบบนี้ แสดงว่าที่ผ่านมาที่พูดว่าจะปิดก็คือการขู่ ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่วันดิฉันจะได้เงิน ตั้งใจจะจ่ายอยู่แล้ว แต่พอเขาพูดแบบนี้ ดิฉันเลยบอกว่า ถ้าพูดแบบนี้ก็ไม่มีเรื่องต้องคุยกัน แล้วดิฉันก็วางสาย
 พอวางปุ๊บ เจ้าหน้าที่คนเดิมก็โทรเข้ามาอีก ดิฉันรับบอกว่าจะคุยอะไรอีก โทรแบบโทรจิกโทรถี่ ตอนนั้นเพื่อนร่วมงานอยู่เต็มห้อง ซึ่งเวลาดิฉันโทรศัพท์จะเสียงดังคนได้ยินกันหมด ดิฉันไม่สะดวกที่จะคุย เขาก็โทรจิกอีก ประมาณ 4-5 สาย ดิฉันไม่ทราบว่าเขาจะโทรทำไม จะมาคุยอะไรอีก ดิฉันโมโหมาก เพราะคนได้ยินโทรศัพท์ดังถี่ขนาดนั้น ทำให้ดิฉันอายมาก
 ดิฉันต้องการเอาเรื่องที่เขาโทรจิกที่ทำงาน จนดิฉันเสียหาย เพื่อนร่วมงานได้ยินกันทั่วไปว่า ดิฉันโดนทวงหนี้ ทำให้อับอายมาก ไม่อยากมาทำงานเลย ทราบมาว่า มีกฎหมายห้ามโทรทวงหนี้ในที่ทำงาน ดิฉันจะต้องทำอย่างไรจึงจะเอาผิดกับเจ้าหน้าที่คนนี้ได้ 
รัตนา
ตอบ
 ธนาคารยูโอบี ชี้แจงว่า ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากไม่มีรายละเอียดของลูกค้า โดยปกติการทวงหนี้ของธนาคารไม่ได้ใช้หลักเกณฑ์นี้ อย่างไรก็ตามธนาคารขอให้ลูกค้าติดต่อศูนย์บริการลูกค้าธนาคารยูโอบีอีกครั้ง เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการตรวจสอบ และให้ความช่วยเหลือพร้อมแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าต่อไป
ลุงแจ่ม