ปลดล้มละลาย 5 ปี | คมชัดลึก

 ต่อมาลูกของผมซื้อสลากออมสินให้ เนื่องจากเห็นว่าผมอายุมากและไม่มีรายได้ หวังว่าจะถูกรางวัลใหญ่เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ แต่ถูกเพียงรางวัลเลขท้ายได้เงิน 200-300 บาท ต่อมาผมมีความจำเป็นใช้เงินจึงติดต่อธนาคารออมสินเพื่อขอกู้เงินในสลากออมสิน
 หลังจากธนาคารตรวจสอบแล้ว ตอบกลับมาว่า "ผมติดเครดิตบูโร" เพราะอะไรจึงยังมีชื่อผมติดเครดิตบูโรอีก ในเมื่อระยะเวลาผ่านมาถึง 5 ปีแล้ว หากจะลบชื่อออกจะทำได้หรือไม่ ผมต้องทำอย่างไร
ชัย
ตอบ
 นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ชี้แจงว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากก่อนหน้านี้คุณเป็นหนี้และไม่ได้ชำระหนี้ ต่อมาถูกสถาบันการเงินฟ้องล้มละลาย และศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์หรือคำสั่งล้มละลาย เมื่อล้มละลายแล้ว หากเป็นบุคคลธรรมดา ภายใน 3 ปีจะไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ได้ เมื่อพ้นกำหนด 3 ปี จะพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลาย สามารถทำนิติกรรมต่างๆ ได้
 ในส่วนของข้อมูลเครดิตบูโร ขณะที่เป็นหนี้ข้อมูลจะถูกส่งเข้ามาที่เครดิตบูโร โดยระหว่างที่ถูกฟ้อง ข้อมูลเครดิตบูโรจะแสดงสถานะว่าอยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมาย และข้อมูลยังคงอยู่จนกระทั่งถึงวันปลดล้มละลาย นับจากวันปลดล้มละลาย 2 ปี สถาบันการเงินจะหยุดส่งข้อมูลไปที่เครดิตบูโร และข้อมูลจะถูกเก็บไว้ที่เครดิตบูโรต่อไปอีก 3 ปี
 ดังนั้นนับแต่วันปลดล้มละลาย ข้อมูลจะอยู่ที่เครดิตบูโร 5 ปี หลังจากนั้นข้อมูลเครดิตบูโรของคุณจะถูกลบออกจากระบบโดยอัตโนมัติ
 กรณีที่เกินกำหนด 5 ปีแล้ว ข้อมูลเครดิตบูโรยังแสดงสถานะดังกล่าวอยู่ ให้ติดต่อคอลเซ็นเตอร์เครดิตบูโร โทร.0-2643-1250 แจ้งรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ว่าได้รับการปลดล้มละลายตั้งแต่เมื่อไร พร้อมส่งเอกสารประกอบ ภายหลังตรวจสอบหากข้อมูลเครดิตไม่ถูกต้อง จะดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องทันที
 สำหรับการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน หากในอดีตเคยมีพฤติกรรมกู้แล้วไม่จ่ายถึงขั้นต้องมีการฟ้องร้อง อาจเป็นเหตุผลให้สถาบันการเงินไม่เชื่อใจ ต้องคิดถึงใจเขาใจเรา แนะนำให้เจรจากับสถาบันการเงิน โดยเอาสลากออมสินฝากไว้ แล้วขอกู้กลับมา 30-20 และต้องมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเป็นสิทธิของสถาบันการเงินจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติก็ได้
 ผู้จัดการใหญ่เครดิตบูโร บอกว่า เรื่องหนี้ก็ส่วนหนี้ ตามยึดทรัพย์บังคับคดี แต่ข้อมูลเครดิตมีระยะเวลากำหนด เมื่อก่อนติดตัวไปชั่วชีวิต ปัจจุบันแก้ไขกฎเหลือ 5 ปี
ลุงแจ่ม