ไลฟ์สไตล์

'อัคนีพิโรธ'พริกพันธุ์ใหม่เผ็ดถึงใจ

'อัคนีพิโรธ'พริกพันธุ์ใหม่เผ็ดถึงใจ

02 ต.ค. 2555

พริก 'อัคนีพิโรธ' พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ เผ็ดกว่า 'จินดา' ถึง 20 เท่า - ผลงาน มข. : โดย...จิติมา จันพรม

          หลังจากทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) นำโดย รศ.ดร.สุชีลา เตชะวงค์เสถียร นักวิชาการพืชศาสตร์และทรัพยากรการเกษตร สาขาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ ใช้เวลาถึง 5 ปี กับการปรับปรุงสายพันธุ์พริกของไทย เพื่อหาความเผ็ดให้คงที่ ในที่สุดประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ได้พริกพันธุ์ใหม่ "อัคนีพิโรธ" มีความเผ็ดถึง 1 ล้านสโคว์วิลล์ (SHU) สูงกว่าพริกพันธุ์จินดาถึง 20 เท่าตัว และผลผลิตต่อไร่สูงถึง 3,600 กิโลกรัมต่อการเก็บเกี่ยว 4 ครั้ง 

 

          รศ.ดร.สุชีลา บอกว่า ทีมงานวิจัยได้รับการสนับสนุนทุนจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใต้โครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เพื่อปรับปรุงพันธุ์พริก โดยเริ่มรวบรวมพันธุ์พ่อแม่พริกมาตั้งแต่ปี 2550 และเริ่มสร้างลูกผสมในปี 2553 เป็นการผสมพันธุ์พริกพันธุ์พิโรธ (Bhut Jolokia) ซึ่งถือว่าเป็นพริกที่มีความเผ็ดที่สุดในโลก แต่เป็นพันธุ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศไทย เมื่อนำมาผสมกับพริกพันธุ์พื้นเมือง ที่มีความทนทานต่อโรคแอนแทรกโนส กระทั่งได้พันธุ์ อัคนีพิโรธ เป็นลูกผสมที่มีลักษณะดี ให้ค่าความเผ็ดสูงมาก สามารถเก็บเกี่ยวได้หลายฤดู มีความเผ็ดสูงเป็น 10 เท่าของพริกพันธุ์จินดา หรือมากกว่า 5 แสนสโคว์วิลล์ (SHU) ผลผลิตต่อไร่สูงถึง 3,600 กิโลกรัมต่อการเก็บเกี่ยว 4 ครั้ง

          "ความเผ็ดของพริกอัคนีพิโรธสามารถลดปริมาณการใช้พริกได้มหาศาล เมื่อเปรียบเทียบกับพริกจินดา ที่ต้องใช้พริกแห้งจำนวน 616 กิโลกรัม จึงจะสามารถผลิตสารเผ็ดได้ 1 กิโลกรัม ขณะที่อัคนีพิโรธใช้แค่ 32 กิโลกรัม และความเผ็ดของพริกอัคนีพิโรธไม่ได้หยุดแค่ 5 แสนสโคว์วิลล์ แต่ยังสามารถพัฒนาได้อีก ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและการดูแล ซึ่งบริษัท บางกอกแล็บ แอนด์ คอสเมติค จำกัด ได้นำพันธุ์ไปปลูกในแปลงทดลอง สามารถได้ผลิตผลที่เผ็ดสูงมาก สูงกว่าพริกจินดาถึง 20 เท่า หรือประมาณ 1 ล้านสโคว์วิลล์ ซึ่ง มข.ได้อนุญาตให้บริษัทบางกอกแล็ป แอนด์คอสเมติก จำกัด นำไปใช้เป็นส่วนประกอบผลิตยาเช่นเดียวกับพริกยอดสน 80 ที่เคยสร้างความฮือฮาปลุกกระแสพริกเผ็ด เมื่อปี 2552 ที่บริษัทนี้ได้นำไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการปวดเมื่อยจำหน่ายภายใต้แบรนด์ แคปซิกา แล้ว โดยยาตัวใหม่นี้จะมีสรรพคุณในการบรรเทาปวดเข้มข้นมากกว่าอีก" รศ.ดร.สุชีลา กล่าว 

          นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อวงการอุตสาหกรรมยาที่ได้วัตถุดิบใหม่ๆ แล้ว รศ.ดร.สุชีลาบอกว่า เป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทบางกอก แล็บฯได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพริกยอดสนป้อนโรงงาน โดยการันตีรายได้ที่ค่อนข้างสูง และสำหรับพริกพันธุ์อัคนีพิโรธนี้ บริษัทจะเน้นส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสานโดยตรง โดยรับประกันราคาไว้ไม่น้อยกว่ากิโลกรัมละ 200 บาท สามารถสร้างรายได้ถึงปีละไม่ต่ำกว่า 7.5 แสนต่อไร่ ซึ่งทำให้มีรายได้ที่ค่อนข้างมั่นคง และไม่กระทบไม่แย่งชิงพริกในตลาดในอนาคต

          สำหรับสารเผ็ดของพริก หรือแคปไซซิน มีสรรพคุณกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้หลอดเลือดขยายตัว กระตุ้นการขับเสมหะทำให้หายใจสะดวกขึ้น และยังมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ จึงมีการนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในทางยาและเครื่องสำอาง อย่างไรก็ตาม พริกที่ชาวบ้านปลูกทั่วไปมีความเผ็ดไม่คงที่ อีกทั้งผลผลิตต่ำ

 

          พริกพันธุ์ "อัคนีพิโรธ" นับเป็นผลงานวิจัยที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ได้นำเอาต่อยอดเพิ่มมูลค่า พัฒนาอุตสาหกรรมยา และสร้างเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่อีกด้วย

 

 

--------------------

(พริก 'อัคนีพิโรธ' พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ เผ็ดกว่า 'จินดา' ถึง 20 เท่า - ผลงาน มข. : โดย...จิติมา จันพรม)