ไลฟ์สไตล์

'ซัมบูซะ'ขนมพื้นเมืองชาวมุสลิม

'ซัมบูซะ'ขนมพื้นเมืองชาวมุสลิม

29 ก.ย. 2555

'ซัมบูซะ' ขนมพื้นเมืองชาวมุสลิม สุดยอดของอร่อยปลายด้ามขวาน : โดย...สุพิชฌาย์ รัตนะ

          วัฒนธรรมด้านอาหาร คือเอกลักษณ์หนึ่งที่สะท้อนตัวตนของพี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่ามีของดีมากมายที่ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง แต่ไม่สามารถหารับประทานได้ที่ไหนหากไม่เดินทางมาที่ดินแดนปลายด้ามขวานแห่งนี้ “ขนมซัมบูซะ” หรือ “ซัมปูซ๊ะ” คืออีกหนึ่งของอร่อยที่หากใครได้ชิมเป็นต้องยกนิ้วให้ เพราะนอกจากจะเป็นขนมพื้นเมืองชนิดหนึ่งของชาวมุสลิมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้แล้ว ยังหากินได้ไม่ง่ายอีกด้วย เพราะนับวันคนรุ่นใหม่ที่จะเข้าใจกรรมวิธีการปรุงความอร่อยให้เมนูชนิดนี้ได้แทบจะไม่เหลือแล้ว

 

          ยาวาแฮ บาและซา สตรีมุสลิมจากอำเภอยี่งอ จ.นราธิวาส ซึ่งสืบทอดมรดกความอร่อยของบรรพบุรุษมาหลายรุ่นเล่าว่า ซัมบูซะ เป็นชื่อขนมพื้นเมืองชนิดหนึ่งของชาวมุสลิมที่ว่ากันว่าได้รับการสืบทอดมาจากซาอุดีอาระเบียหน้าตาคล้ายๆ เปาะเปี๊ยะทอด หรือกะหรี่ปั๊บ แต่ทำเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือสีเหลี่ยมก็ได้ โดยใช้แป้งหมี่ ห่อด้วยผักต่างๆ และเนื้อไก่ กุ้ง บางรายก็พับเป็นรูปสี่เหลี่ยม ขนาดพอดีคำ ก่อนนำไปทอดในน้ำมันเดือด เมื่อสุกจะมีสีเหลืองทอง กลิ่นหอมกรุ่น เวลานำมารับประทานก็จะกินคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด

          สำหรับแป้งที่ใช้ห่อไส้ผัก ไส้กุ้ง ไส้ไก่ จะใช้แป้งที่มีลักษณะแบบเดียวกับแป้งทำโรตี เพราะเมื่อนำไปทอดจะได้แป้งที่กรอบอร่อย ซึ่งส่วนใหญ่จะรับประทานเป็นของเล่น โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนภาคใต้จะนิยมกินคู่กับน้ำชา กาแฟ ทั้งนี้ปัจจุบันมีจำหน่ายในตลาดเล็กๆ รอบนอก และอาจจะมีบ้างในตัวเมืองโดยเฉพาะเทศกาลถือศีลอด ดังนั้นจึงพูดง่ายๆ ว่าขนมชนิดนี้หากินไม่ได้ง่ายๆ

          “ความอร่อยของขนมซัมบูซะ จะอยู่ที่ความกรอบของแป้งที่ผ่านการทอดจนเหลืองทอง โดยจะส่งกลิ่นห้องฟุ้งไปทั่วกระทะเมื่อยกขึ้นพักจนสะเด็ดน้ำมัน นอกจากนี้ในส่วนของไส้สามารถดัดแปลงได้หลากหลาย เช่น ไส้เนื้อ ไส้ปลา จะเป็นปลาทู ปลากระพง หรือปลาน้ำจืดก็ได้แล้วแต่จะชอบ”นางยาวาแฮ กล่าว

          ส่วนน้ำจิ้มที่ใช้รับประทานคู่กับขนมซัมบูซะ มีหลากหลายรูปแบบทั้งน้ำจิ้มรสหวาน น้ำจิ้มรสเผ็ด รวมถึงน้ำจิ้มในรูปแบบอาดจาด หรือน้ำจิ้มลักษณะที่รับประทานกับสะเต๊ก ขึ้นอยู่กับผู้ปรุงหรือกลุ่มเป้าหมายลูกค้าว่าจะชื่นชอบ หรือเลือกรับประทานแบบใด โดยสนนราคาชิ้นละ10 บาท เท่านั้น 

          ยาวาแฮ กล่าวต่อว่า สำหรับขนมซัมบูซะ ปัจจุบันนับวันจะหาคนมารับช่วงต่อความอร่อยได้น้อยลงเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่หากยึดเป็นอาชีพก็เป็นสินค้าขายดี เฉกเช่นวันนี้ที่มีรายได้จากการขายเฉลี่ยเดือนละหลายพันบาท ซึ่งหากเป็นช่วงเทศกาลสำคัญๆ ก็จะมีรายได้หลักหมื่นบาทเลยทีเดียว

          ปัจจุบัน “ยาวาแฮ” พยายามเข้าร่วมกับหน่วยงานราชการที่จัดแสดงสินค้า เพื่อขนกระทะ เครื่องปรุง เพื่อไปปรุงขนมซัมบูซะ ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อรับประทานถึงที่ โดยจะตระเวนไปทุกที่ทั่วประเทศที่ได้รับโอกาสให้เข้าร่วมงานออกร้านจัดจำหน่ายสินค้าของทุกหน่วยงาน

          “เราอยากให้ของดี ของอร่อยซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวมุสลิมชายแดนภาคใต้ยังคงอยู่ตลอดไปจึงพยายามหอบหิ้วอุปกรณ์ปรุงขนมเตร็ดเตร่ไปทุกที่ด้วยหวังว่าวันหนึ่งทุกคนจะรู้ว่าที่สามจังหวัดยังมีของดีและหันมาร่วมกันหาทางหยุดความรุนแรงเพื่อจะได้เดินทางมาบริโภคสินค้าดีๆ ถึงพื้นที่” ยาวาแฮ กล่าวทิ้งท้าย

 

          หากใครอยากรู้ว่าขนมซัมบูซะ อร่อยล้ำแค่ไหน ลองติดต่อสอบถามไปที่โทร. 08-1767-6748 เพื่อเช็กดูว่า “ยาวาแฮ” ไปออกร้านใกล้บ้านท่านหรือไม่ หรือหากแวะเวียนไปละแวก อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ก็อย่าลืมไปลองลิ้มรสชาติกันได้เพื่อเป็นกำลังใจให้คนในพื้นที่ซึ่งพยายามสืบสานให้ของดีอยู่คู่ปลายด้ามขวานตลอดไป 

 

 

----------------------

 

"ขั้นตอนการทำขนมซัมบูซะ"  

          ส่วนประกอบขนมซัมบูซะ มีแป้งซาโมซ่า หรือใช้แป้งเปาะเปี๊ยะสด หรือแป้งโรตีสายไหมแทนก็ได้ อีกทั้งไก่สับ มันฝรั่งต้มสุกหั่นชิ้นเล็กๆ ผงกะหรี่ ลูกผักชีผง และพริกป่นแขก 

          จัดเตรียมแป้งหมี่ให้เป็นแผ่นยาวๆ แล้วนำแป้งหมี่ใส่น้ำนิดหน่อย เอาไว้ทาปิดเวลาห่อส่วนผสมของไส้ 

          จากนั้นห่อแป้งหมี่เป็นกรวยสามเหลี่ยม ใส่ส่วนผสมของไส้ที่เตรียมไว้แล้วห่อสลับไปมา ช่วงปลายของแผ่นแป้ง ก็นำแป้งหมี่ที่ใส่น้ำมาทาปิดเพื่อไม่ให้ไส้หลุดออกมา 

          ซัมบูซะที่ห่อเสร็จแล้ว นำลงกระทะทอด พลิกไปพลิกมา จนมีสีเหลืองอร่าม แล้วยกขึ้นมาวางให้สะเด็ดน้ำมัน พร้อมรับประทาน

 

----------------------

('ซัมบูซะ' ขนมพื้นเมืองชาวมุสลิม สุดยอดของอร่อยปลายด้ามขวาน : โดย...สุพิชฌาย์ รัตนะ)