
เตือน!ฉีดฟิลเลอร์ผิดวิธีอาจถึงตาย
สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เตือนสาวไทยฉีด 'ฟิลเลอร์' ผิดวิธีอาจจะเสียชีวิตได้ เผยฉีดเสริมจมูกเสี่ยงตาบอด
25 ก.ย.55 สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เตือนอันตรายจากการฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ ซึ่งพบว่าปัจจุบันมีความนิยมเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากทำง่ายและไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ระบุแม้เป็นฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และมีเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน แต่หากผู้ฉีดไม่ใช่แพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ อาจฉีดผิดวิธีเนื่องจากไม่ได้ศึกษาถึงข้อจำกัดและข้อควรระวังในการฉีดที่ถูกต้อง ทำให้เกิดผลข้างเคียงถึงขั้นเสียชีวิต
พล.ต.นพ.กฤษฎา ดวงอุไร นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสมาชิกแพทย์ผิวหนังว่าปัจจุบัน มีประชาชนที่ไปรับบริหารฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ แล้วเกิดอาการแทรกซ้อนมาขอรับการรักษาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีทั้งอาการแทรกซ้อนที่ไม่ร้ายแรง เช่น เขียวช้ำ เป็นจ้ำเลือด บวม ใบหน้าไม่เท่ากัน เกิดอาการแพ้เป็นผื่นแดง เกิดก้อนที่ผิวหนัง จนถึงขั้นเกิดอาการแทรกซ้อนอย่างรุนแรง เช่น ผิวหนังตาย จมูกเน่า ตาบอด และเสียชีวิต ซึ่งตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าอาการแทรกซ้อนส่วนใหญ่ที่แพทย์มักเจอบ่อยครั้ง คือ จมูกเน่า ประมาณ 10-20 ราย ส่วนตาบอด ประมาณ 5-10 ราย
แนะศึกษาข้อมูลก่อนทำ
นายแพทย์กฤษฎา กล่าวว่า ผู้ที่มีความสนใจหรือต้องการไปฉีดสารเติมเต็มเพื่อเสริมความงาม ควรศึกษาข้อมูลและรายละเอียดรวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีดก่อนตัดสินใจทำ เพราะถึงแม้ว่าผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นพบได้ไม่บ่อยนักแต่หากเกิดขึ้นแล้วก็จะเป็นอันตราย จึงต้องพิจารณาสถานที่ที่ไปฉีด ชนิดของสารที่ฉีดเข้าร่างกาย และความน่าเชื่อถือของแพทย์ผู้ทำการฉีด เพราะถ้าสารที่ฉีดได้มาตรฐานผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีเครื่องมืออุปกรณ์การฉีดที่ได้มาตรฐาน แต่หากผู้ที่ทำการฉีดไม่ได้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน ขนาดเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและฉีดถูกต้องตามหลักวิชาการ แต่ถ้าไปฉีดให้ผู้ที่เคยเสริมจมูกมาแล้วก็อาจเกิดผลข้างเคียงและเป็นอันตราย เนื่องจากลักษณะทางกายวิภาคของจมูกผิดแปลกไปจากเดิม
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า ประเภทของฟิลเลอร์แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1.แบบชั่วคราว (Temporary Filler) สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง แต่อายุการใช้ง่านสั้น 4-6 เดือน และมีราคาค่อนข้างแพง 2.แบบกึ่งถาวร(Semi Permanent Filler) มีความปลอดภัยปานกลาง อายุการใช้งานประมาณ 2 ปี และ 3.แบบถาวร(Permanent Filler) ไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ ส่วนมากเป็น ซิลิโคน หรือ พาราฟิน ซึ่งฟิลเลอร์ชนิดนี้มักก่อให้เกิดผลข้างเคียงระยะยาว ซึ่ง อย.ประเทศไทยรับรองเฉพาะฟิลเลอร์แบบชั่วคราวเท่านั้น ได้แก่ Juvederm Restylane Revenese และ Esthelis
แนะเลือกใช้ให้เหมาะสมสภาพผิวและตำแหน่งฉีด
นายแพทย์จินดา กล่าวต่อว่า ปัจจุบันฟิลเลอร์ถูกนำมาใช้รักษาทางการแพทย์อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการรักษาปัญหาด้านผิวพรรณ เช่น การแก้ไขปัญหาริ้วรอยของผิวอันเนื่องมากจากวัย บริเวณหน้าผาก หางตา และร่องแก้ม การแก้ปัญหาแผลเป็นชนิดผิวบุ๋มจากการอักเสบ และการฉีดเพื่อเสริมสร้างเนื้อเยื่อผิวหนังให้มีลักษณะนูนขึ้น เช่น เสริมจมูก เสริมคาง ฉีดริมฝีปาก หรือฉีดเสริมรูปทรงของใบหน้าให้ดูอวบอิ่ม อย่างไรก็ตามแม้จะมีการใช้ฟิลเลอร์รักษาผิวพรรณอย่างแพร่หลาย แต่การเลือกใช้ก็มีข้อจำกัดในแต่ละบุคคล ซึ่งต้องเลือกชนิดและขนาดโมเลกุลของฟิลเลอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวหนังและตำแหน่งในการฉีด
“อาการแทรกซ้อนจากการฉีดฟิวเลอร์นั้น มีตั้งแต่การเกิดผื่นแดงบริเวณที่ฉีด เกิดจ้ำเลือดจากรอยเข็ม เกิดปัญหาการเคลื่อนย้าย เช่น ฉีดเสริมดั้ง แต่ฟิวเลอร์ไหลไปที่อยู่ปลายจมูกเพราะเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลไม่เหมาะสม ซึ่งการฉีดเสริมจมูกหรือคางจะต้องเลือกชนิดที่มีโมเลกุลใหญ่เพื่อให้มีความหนืดเพิ่มมากขึ้น ช่วยลดปัญหาการเคลื่อนย้ายจากบริเวณที่ฉีดและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ส่วนการเกิดรอยนูนมากเกินไปบริเวณผิวหนัง ก็เป็นผลจากเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่เกินพื้นที่ผิวหนัง เช่น ถ้าต้องการแก้ไขริ้วรอยตื้นๆ บริเวณหางตา ก็ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลเล็ก” นายแพทย์จินดา กล่าว
ฉีดจมูกเสี่ยงตาบอดถาวร
ด้าน นายแพทย์ถนอม บรรณประเสริฐ หัวหน้าหน่วยศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การฉีดเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคนส่วนมากเห็นว่าทำง่ายเหมือนการฉีดยา ไม่เกิดแผลบอบช้ำจากการฝ่าตัด และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกนั้นอันตรายและเสี่ยงทำให้ตาบอด เพราะว่าบริเวณจมูกของคนเรามีแขนงเส้นเลือดจำนวนมาก เชื่อมต่อกับระบบหลอดเลือดประสาทตาและสมองโดยตรง ซึ่งหากว่าระหว่างกระบวนการฉีดเกิดการรั่วไหลของฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงประสาทตาจะทำให้ตาบอดถาวรตลอดชีวิต
แห่ฉีดสารต้องห้ามอันตรายถึงชีวิต
“ขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่นิยมไปฉีดสาร Polyacrylamide จำนวนมาก เพื่อเสริมหน้าอกและสะโพก เนื่องจากสารชนิดนี้มีราคาไม่แพง สามารถฉีดได้จำนวนมากครั้งละหลาย 100 ซีซี หรือเป็นกิโลกรัม โดยหลงคิดว่าสารชนิดนี้เป็นชนิดเดียวกันกับฟิลเลอร์ เพราะมีการโฆษณาว่าสลายตัวช้าและมีอายุการใช้งานหลายปี แต่สารชนิดนี้เป็นสารที่ห้ามฉีดเข้าร่างกายเพราะไม่สามารถสลายตัวได้ หากเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นจะไม่สามารถทำการแก้ไขได้ เช่น หากเกิดการรั่วของสารเข้าเส้นเลือดระหว่างฉีด สารดังกล่าวจะไปอุดตันที่ปอดและสมองทำให้ขาดอากาศหายใจหมดสติและเสียชีวิตในที่สุด” นายแพทย์ถนอม กล่าว