ไลฟ์สไตล์

เบรกแข็ง

เบรกแข็ง

23 ก.ย. 2555

เบรกแข็ง : คอลัมน์มอเตอร์เวิลด์

                  อาการเบรกแข็งส่วนมากจะเกิดจากรถที่ใช้งานมามากกว่าแสนกิโลเมตรทั้งรถที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล ระบบเบรกในรถเก๋งเล็ก กลาง ใหญ่ และรถกระบะ กระบะดัดแปลง เอสยูวี พีพีวี ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ระบบสุญญากาศเข้าช่วยผ่อนแรงในการเหยียบเบรก ระบบสุญญากาศก็มีหม้อสุญญากาศที่เราเรียกว่าหม้อลม (Brake Booster) สุญญากาศเกิดขึ้นได้จากแรงดูดของเครื่อง (ในรถเบนซินปัจจุบัน) หรือปั๊มสุญญากาศ (ปั๊มลม) ในเครื่องยนต์ดีเซลและหรือในเครื่องยนต์เบนซินบางรุ่นบางยี่ห้อ ปั๊มสุญญากาศนี้ในรถเครื่องดีเซลมักจะติดตั้งอยู่ที่ส่วนท้ายสุดของไดชาร์จ (ช่างเรียกว่าปั๊มตูดได) ซึ่งจะแตกต่างจากรถดีเซลขนาดกลางถึงใหญ่ที่ใช้ปั๊มลมจริงๆ (Air Compressor) สร้างลมแรงดันสูงเข้าไปเก็บไว้ที่ถังบรรจุลม ในวันนี้จะเขียนถึงระบบสุญญากาศที่ทำให้เบรกมีพลังมากพอที่จะหยุดรถได้โดยที่ไม่ต้องออกแรงมากนัก เมื่อเครื่องยนต์ทำงานปั๊มสุญญากาศจะเกิดแรงดูด โดยที่แรงดูดนี้จะมีแรงมากพอที่จะชนะแรงดันในกลไกของหม้อสุญญากาศ เมื่อแตะเบรกหรือแป้นเบรกขยับลงต่ำ กลไกของระบบเบรกจะเริ่มทำงานโดยที่สุญญากาศที่เกิดขึ้นในหม้อสุญญากาศ (หรือหม้อลมที่เรียกกันผิดๆ แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันว่าช่วยผ่อนแรงเหยียบเบรกเพิ่มแรงดันในแม่ปั๊มเบรก) เมื่อหม้อลมทำงานแม่ปั๊มเบรกก็จะทำงานส่งแรงดันน้ำเบรกด้วยแรงดันสูงกระจายไปตามระบบ เมื่อใดก็ตามที่ระบบสุญญากาศบกพร่อง (ปั๊มลม ท่อลมหรือหม้อลม) ระบบสุญญากาศในปั๊มลมก็จะไม่เกิดขึ้น ระบบเบรกก็จะทำงานแบบไม่มีตัวช่วยอาศัยแต่แรงเหยียบจากเท้าของผู้ขับซึ่งต้องใช้แรงมากกว่าปกติหลายเท่าตัวจึงจะสามารถลดความเร็วของรถลงได้ ที่เรารู้สึกได้ว่าเบรกแข็งหรือที่ช่างตั้งแต่ยุคเก่ามาจนยุคปัจจุบันเรียกกันว่าเบรกแข็ง ก็ต้องพิจารณากันว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรก็มีเพียงสามจุดที่จะทำให้เบรกแข็งได้ จุดแรกคือท่อลม (Vacuum hose) พิจารณาถึงการแตกร้าวแข็งกรอบ แล้วถอดปลายท่อลมที่ติดอยู่กับหม้อลมออกมา ใช้ปากเป่าลมสวนเข้าไปถ้าปากเป่าลมเข้าไปได้แล้วลองใช้ปาดดูดลมในท่อออกมาแล้วดูดไม่ได้ (ไม่ได้หมายความว่าท่อตัน) เชื่อไว้ก่อนเลยว่าท่อลมยังเป็นปกติดีอยู่ (เป่าไปดูดไม่มาเพราะในท่อลมจะมีวาล์วกันกลับอยู่ตัวหนึ่ง) แต่ถ้าเป่าก็ไปดูดก็มาแสดงว่าวาล์วกันกลับตัวนี้เสีย ก็ต้องเปลี่ยนวาล์วตัวนี้ (หลายๆ รุ่นหลายๆ ยี่ท่อที่ใช้จะเป็นพลาสติกก็จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนท่อทั้งเส้นที่มาพร้อมกับวาล์ว เมื่อเป่าไปดูดไม่มาท่อลมและวาล์วไม่เสีย ติดเครื่องยนต์ (ยังไม่ต้องใส่สายลมกลับเข้าที่) ใช้ปลายนิ้วอุดปลายท่อไว้ ถ้ามีแรงดูดที่ปลายท่อที่นิ้วอุดอยู่ยกนิ้วข้างนั้นขึ้นท่อจะต้องดูดอยู่ติดกับปลายนิ้วก็บอกได้ว่าปั๊มลม (ปั๊มสุญญากาศยังทำงานดีอยู่ แต่ถ้าไม่มีแรงดูดที่ปลายนิ้วหรือมีแรงดูดน้อยยกมือขึ้นสายลมหลุดล่วงลงเพราะแรงดูดไม่มากพอ ก็สรุปได้ว่าปั๊มสุญญากาศเสียเสื่อมสภาพต้องเปลี่ยน ถ้าพิสูจน์แล้วว่าปั๊มดีท่อดีแต่เบรกแข็งทื่อ ก็ฟันธงกันได้เลยว่าหม้อลมเสีย (เสียหลายตังค์ถ้าเป็นของใหม่) ปกติแล้วหม้อลมมีอายุการใช้งานที่นานมากมากกว่าสองแสนกิโลเมตร แต่ก็มีบางสาเหตุที่ทำให้หม้อลมเสื่อมเร็วกว่าปกติ (แต่ก็มากกว่าแสนกิโลเมตร) สาเหตุที่ทำให้หม้อลมเสื่อมเร็วก็เกิดจากแม่ปั๊มเสื่อม แม่ปั๊มเบรกจะเกิดการรั่วภายในรั่วนานเข้า (เติมน้ำมันเบรกบ่อยโดยหาสาเหตุไม่พบว่ารั่วที่ไหน) น้ำมันเบรกหาย (เบรกนุ่ม ต้องย้ำเบรก เบรกต่ำ) เติมน้ำมันเบรกบ่อยเข้าน้ำมันเบรกไม่รู้จะไปทางไหนก็ออกมาทางด้านหน้าของแม่ปั๊ม ลมดูดจากระบบสุญญากาศจะดูดน้ำมันเบรกออกมาส่วนหนึ่งติดคาอยู่ในหม้อลม ส่วนหนึ่งถูกดูดเข้าไปที่ปั๊มลมหรือเครื่องยนต์ หม้อลมถ้าเป็นรถรุ่นเก่ามากกว่าห้าปีมีร้านซ่อมมีของเก่าให้เลือกเปลี่ยนราคาหลายร้อยถึงพันต้นๆ ถ้าเป็นของเก่ามักจะติดแม่ปั๊มมาด้วยก็ควรจะเปลี่ยนชุดซ่อมแม่ปั๊มก่อนที่จะเอาของเก่าทั้งดุ้นใส่เข้าไป

              ทางป้องกันที่จะไม่ให้หม้อลมและแม่ปั๊มเสื่อมเร็วก็ต้องหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเบรกทั้งระบบปีละครั้ง ระบบเบรกระบบสุญญากาศก็จะใช้ได้นานสามสี่แสนกิโลเมตร มีข้อควรระวังที่อยากเตือนเอาไว้ก็คือระบบเบรกเป็นระบบความปลอดภัยเบื้องต้นที่สำคัญที่สุด ไม่ควรจะไปแก้ไขดัดแปลงไม่ว่าในจุดใดๆ ของระบบเช่นบางคนเห็นว่ารถรุ่นใหม่ใช้หม้อลมสองชั้นของตนใช้ชั้นเดียวก็จะเปลี่ยนมั่ง ก็ขอบอกอย่าทำเลยมาอย่างไรขนาดไหนก็ใช้แบบเดิมๆ ปลอดภัยกว่า

.................................
(เบรกแข็ง : คอลัมน์มอเตอร์เวิลด์)