ไลฟ์สไตล์

คมเลนส์ส่องพระ23กันยายน2555

คมเลนส์ส่องพระ23กันยายน2555

23 ก.ย. 2555

คมเลนส์ส่องพระประจำวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555 : แล่ม จันท์พิศาโล

             วันนี้ที่ศูนย์ไบเทค บางนา มี งานประกวดพระ เป็นงานใหญ่ที่ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องและบูชาไทย ให้การสนับสนุน จึงเชื่อถือได้ในมาตรฐานของการตัดสินพระแต่ละองค์ พระที่ติดรางวัลจากงานนี้ถือไปขายที่ไหนจะมีคนซื้อทันที เพราะเป็น พระแท้ ตามมาตรฐานสากลนิยม จะโอเคหรือไม่ก็อยู่ที่ความพอใจในเรื่องของราคา งานนี้จัดโดย คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นปี ๒๕๕๒ พระที่จัดประกวด ๒,๑๗๔ รายการ ครบทุกประเภท รางวัลพระชนะเลิศแต่ละรายการ หนังสือ “พระคณาจารย์และเครื่องราง” จัดทำโดย ศุภชัย เรืองสรรงามสิริ (ตี๋เหล่า ท่าพระจันทร์) เป็นอีกงานหนึ่งที่สบายใจได้ในเรื่องที่จอดรถ
     
              งานประกวดพระวันนี้ หากใครพบเห็น คุณสุภาพสตรีสาวสวย คนหนึ่งบริเวณด้านในของงาน ขอให้ทราบว่าเธอคือ น.ส.รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์ รองประธานกรรมการดำเนินงานประกวดพระวันนี้ และรองประธานนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นปี ๒๕๕๒ นักธุรกิจใหญ่ กรรมการบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) และที่ชาวบ้านทั่วไปพบเห็นเธอบ่อยๆ บนหน้าจอทีวีก็คือ รายการแนะนำการทำอาหาร เธอคือ “คุณหรีด” (จิ้งหรีด) ซูเปอร์ไฮโซคนหนึ่งของสังคมเมืองไทย ซึ่งหลายคนบอกตรงกันว่า ตัวจริงสวยกว่าในทีวี
     
              วันนี้ คมเลนส์ส่องพระ ขอเริ่มจาก พระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย กรุบางขุนพรหม (วัดใหม่อมตรส) ซึ่งเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง ได้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๓ เพื่อบรรจุไว้ในองค์เจดีย์หน้าโบสถ์วัดใหม่อมตรส ต่อมาประมาณ ๑๐ ปีมีชาวบ้านพากันไปเอา พระสมเด็จ ออกมาจากองค์เจดีย์ โดยใช้วิธี “ตกพระ” คล้ายกับการตกเบ็ดปลา ได้พระบ้างไม่ได้พระบ้าง จนเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายมาก ทางวัดจึงสั่งห้ามไม่ให้มีการ  “ตกพระ” อีกต่อไป ชาวบ้านบางคนใช้วิธีลักลอบขุดเจาะฐานเจดีย์ในตอนกลางคืน ได้พระออกมาจำนวนมาก แม้ทางวัดจะมีการปกป้องอย่างไรก็ไม่ได้ผล จึงได้ทำพิธีเปิดกรุอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๒๔-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๐๐ ได้พระสมเด็จจำนวนหนึ่งที่สมบูรณ์ แต่ส่วนมากหักชำรุด จึงมีการคัดเลือกพระพิมพ์ต่างๆ แยกประเภทพระสมบูรณ์ราคาหนึ่ง พระพอสวยราคาหนึ่ง และพระชำรุดอีกราคาหนึ่ง แล้วใส่ซองไว้อย่างมิดชิด เพื่อไม่ให้เลือก การทำบุญบูชาพระสมเด็จครั้งนั้นใช้เวลานานถึง ๑๐ ปีพระจึงหมดไปจากวัด สำหรับ พระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย ที่ทำบุญจากวัดในปี ๒๕๐๐ องค์ที่สวยสมบูรณ์ ๒,๒๐๐ บาท รองลงไป ๒,๐๐๐ บาท, ๑,๕๐๐ บาท และ ๘๐๐ บาท  พระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย องค์ในภาพนี้แม้จะเป็นพระที่ผ่านการใช้มาบ้างแล้วก็ตาม แต่ยังมีความสวยงามคมชัดพอสมควร เนื้อจัดมาก ส่วนที่นูนตรงหน้าอกเนื้อเหมือนกับพระสมเด็จวัดระฆัง บนผิวพระมีคราบกรุบางๆ เสริมเสน่ห์ให้ดูง่ายขึ้น เป็นพระของ พ.ต.อ.ประพจน์ โชติคุณ ผกก.๒ บก.ทท.(ตำรวจท่องเที่ยว)
     
              พระร่วงหลังรางปืน เนื้อชินตะกั่วสนิมแดง กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ศิลปะขอม ยุคบายน มีอายุความเก่าประมาณ ๗๐๐ ปี อันเป็นยุคที่ขอมเรืองอำนาจ ได้แผ่อิทธิพลมาถึงเมืองละโว้ (ลพบุรี) รวมทั้งเมืองอื่นๆ ที่เป็นแผ่นดินเมืองไทยในเวลานี้ และที่เมืองศรีสัชนาลัย (อ.สรรคโลก จ.สุโขทัย) พุทธศิลป์ขององค์พระพิมพ์นี้งดงามอลังการมาก เข้าใจว่าผู้สร้างคือกษัตริย์ในสมัยนั้น จึงได้ฝีมือช่างหลวงผู้ชำนาญงานเป็นผู้ออกแบบงานชิ้นนี้ พระพิมพ์นี้แตกกรุมานานกว่า ๕๐ ปี มีพระที่สมบูรณ์ประมาณ ๒๐๐ องค์ พระส่วนใหญ่ชำรุดแตกหัก ด้วยความงดงามในพุทธศิลป์และความหายากแต่มากมีในพุทธคุณ  ทำให้พระพิมพ์นี้กรุนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น ๑ ใน ๕ ของ ชุดเบญจภาคีพระเนื้อชินยอดนิยม ที่เช่าหากันที่หลักล้านขึ้นไป ที่มาของพระพิมพ์นี้ที่เรียกว่า “หลังรางปืน” นั้นมาจากด้านหลังขององค์ที่มีลักษณะเป็นร่องกาบหมาก คล้ายกับร่องรางปืนแก๊ป คนสมัยก่อนจึงเรียกพระพิมพ์นี้ว่า พระร่วงหลังรางปืน เป็นพระพิมพ์เดียวกันและสร้างในสมัยเดียวกันกับ พระร่วงหลังลายผ้า กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี...พระร่วงหลังรางปืน องค์สวยสมบูรณ์ที่เห็นนี้เป็นพระของ กนก จันทนโรจน์ ผู้ติดตามอ่านคอลัมน์นี้มาตั้งแต่ฉบับแรกๆ เมื่อกว่า ๑๐ ปีก่อนจนถึงทุกวันนี้

     
              ประวัติความเป็นมาของ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี ไม่มีใครทราบแน่ชัด เพราะไม่มีหลักฐานบันทึกไว้ ทราบแต่เพียงว่าท่านเป็นชาวเมืองเพชรบุรี เมื่อบวชเป็นพระแล้วได้เดินธุดงค์ไปอยู่ที่วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี และได้สร้าง พระปิดตา เนื้อผงคลุกรัก ขึ้นที่วัดนี้ มีคุณวิเศษด้านเมตตามหานิยมเป็นเลิศ จนเป็นที่เลื่องลือและนิยมกันอย่างกว้างขวาง จนถึงทุกวันนี้ นับเวลานานกว่า ๑๐๐ ปี พระปิดตา ของท่านมีหลายพิมพ์ อาทิ พิมพ์ใหญ่ หลังแบบ, พิมพ์ใหญ่ หลังเรียบ, พิมพ์ใหญ่ หลังยันต์, พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก ซึ่งส่วนใหญ่มีพิมพ์ทรงองค์พระในรูปแบบเดียวกัน  การศึกษาพระปิดตาของท่านจึงค่อนข้างยาก นอกจากอาศัยการพิจารณาจาก พิมพ์ (ซึ่งลอกเลียนแบบกันได้ง่าย) แล้วก็มีเรื่องของ เนื้อผงคลุกรัก ที่มีความแห้งและเก่าตามอายุ เป็นหลักในการพิจารณา การชี้ขาดว่าเป็นพระแท้หรือไม่ก็อยู่ตรงนี้ พิมพ์ใช่เนื้อพระถูกต้อง ก็มั่นใจได้ว่าเป็น พระแท้ ได้ระดับหนึ่ง ส่วนที่เหลือต้องอาศัยผู้อาวุโสของวงการพระเป็นผู้ตัดสิน...นอกจากพระปิดตาแล้ววงการพระยังมีการซื้อขาย  พระสังกัจจายน์ ของท่านอีกด้วย เนื่องจากเป็นพุทธสาวกองค์เดียวกัน และมีคุณวิเศษทางด้านเมตตามหานิยมเหมือนกัน การจะชี้ขาดได้ว่าเป็น พระสังกัจจายน์ ของ หลวงพ่อแก้ว หรือไม่ก็ต้องพิจารณากันที่  เนื้อพระผงคลุกรัก ที่เหมือนกับ พระปิดตา ของท่าน อย่างเช่นองค์ในภาพนี้ ผู้ชำนาญการดู พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว ได้แม่นยืนยันว่าเป็น  พระสังกัจจายน์หลวงพ่อแก้ว แน่นอน พระพิมพ์นี้มีน้อยมาก เพราะเป็นการสร้างทีละองค์ โดยวิธีแกะพิมพ์ทรงองค์พระบนก้อนเนื้อผงที่ยังหมาดๆ ไม่แห้งดีนัก หรือที่เรียกว่า พิมพ์ปั้น (ทีละองค์)  ไม่มีแม่พิมพ์เหมือนกับพระที่สร้างทั่วๆ ไป ซึ่งสามารถกดพิมพ์ได้คราวละหลายๆ องค์ที่เหมือนกัน...พระสังกัจจายน์หลวงพ่อแก้ว องค์นี้เป็นพระของ  พ.ต.อ.ยสวินท์ หรรษมนตร์  รอง ผบก.ส.๓ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล
      
              ซื้อขายพระได้ทุกหน้า ล่าสุด ป๋อง สุพรรณ  คนพูดเสียงเหน่อที่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ ได้ซื้อ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ พิมพ์ใหญ่ (กรรมการ) เนื้อว่าน รุ่นแรก ปี ๒๔๙๗ องค์ตำนานที่มีภาพอยู่ในหนังสือ พระองค์ครู หลวงพ่อทวด จัดทำโดย ชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง ปรมาจารย์พระสายนี้ พระหลวงพ่อทวด พิมพ์ใหญ่ แจกกรรมการ เป็นพระเนื้อว่านที่มีความละเอียดกว่าพิมพ์อื่นๆ เพราะทางวัดได้ไปให้ร้านขายยาช่วยบดว่านและดินกากยายักษ์ด้วยเครื่องบดยา ทำให้ได้เนื้อที่ละเอียดเหมือนแป้งฝุ่น ขณะเดียวกันพระที่ทำหน้าที่กดแม่พิมพ์อันนี้เป็นผู้ที่มีความละเอียดประณีตมาก พระองค์ไหนที่กดพิมพ์ลงไปแล้วเมื่อถอดออกมาหากไม่สวยคมชัดก็จะกดพิมพ์ใหม่เสมอ ในขณะที่ผู้กดพิมพ์พระคนอื่นๆ ไม่ได้พิถีพิถันมากนัก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อให้ทันวันทำพิธีปลุกเสก...พระเนื้อละเอียดพิมพ์สวยคมชัด ที่ได้จากพระรูปที่มีฝีมือละเอียดประณีตดังกล่าว มีผู้ใหญ่มาพบเห็นเข้าจึงเก็บแยกไว้ต่างหาก เมื่อปลุกเสกเสร็จแล้วก็ได้ขอ พระอาจารย์ทิม ไปส่วนหนึ่งแล้วแจกให้คนในครอบครัว ซึ่งชาวบ้านคิดว่าเป็นกรรมการวัด จึงเรียกพระพิมพ์นี้ว่า พิมพ์แจกกรรมการ แท้จริงแล้วไม่ใช่ เพราะการสร้างพระครั้งนั้นไม่มีกรรมการแต่อย่างใด พระพิมพ์นี้ถือเป็น พระพิมพ์ใหญ่ อีกพิมพ์หนึ่งที่มีเนื้อว่านละเอียดและมีส่วนผสมของดินกากยายักษ์มากเป็นพิเศษจึงมีสีค่อนข้างดำ องค์ในภาพนี้เจ้าของเดิมได้ติดกระดาษเขียนว่า “หลวงพ่อทวดแท้” คงเกรงว่าต่อไปคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยพบเห็นพระเนื้อละเอียดและสวยคมชัดเช่นนี้ อาจจะไปว่าพระของเขาเก๊ก็ได้ แต่สำหรับคนในวงการพระที่ชำนาญการดูพระสายนี้ไม่จำเป็นต้องมีคำยืนยันเป็นหลักฐานเช่นนี้ เพียงดูพิมพ์ดูเนื้อก็รู้ได้ทันทีว่าเป็น พระแท้ แน่นอน พระสวยระดับนี้เรื่องราคาก็ต้องว่ากันที่กว่าล้านขึ้นไป

      
              พระราหูอมจันทร์ เนื้อกะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม นับเป็นเครื่องรางอันดับ ๑ ของท่าน ที่ได้รับความศรัทธาเชื่อถือมานานปี โดยเฉพาะอานุภาพในการช่วยปกป้องภัยอันตรายต่างๆ เมื่อยามดวงชะตาตกกะลาพระราหูจะช่วยพยุงให้ดวงชะตาดีขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์ ขณะเดียวกัน คนสมัยก่อนเชื่อว่า ถ้าได้ใช้คู่กับ พระเมฆสิทธิ์ หลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม จะยิ่งเสริมดวงให้แข็งแกร่งดีขึ้นด้วย เพราะเนื้อเมฆสิทธิ์เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่ได้มาจากการเล่นแร่แปรธาตุ โดยพระเกจิอาจารย์ที่สามารถทำได้จะต้องมีวิชาอาคมด้านนี้โดยเฉพาะ และต้องมีพลังจิตที่แก่กล้าเป็นพิเศษ เนื้อเมฆสิทธิ์ ที่ได้จะมีอานุภาพเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ในทุกด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของดวงตกอับจะทำให้ดวงดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ด้วย ทุกวันนี้ก็ยังมีผู้คนเชื่อในเรื่องนี้อยู่ ส่วนคนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ก็จะสะสมเครื่องราง ๒ ชิ้นนี้ด้วยเห็นว่าเป็น ภูมิปัญญาของพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า ซึ่งทุกวันนี้หาไม่ได้แล้ว ที่เห็นในภาพนี้คือ พระราหู กะลาตาเดียว ของ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง และ ลูกอมเนื้อเมฆสิทธิ์ หลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม จับขอบเลี่ยมทองแบบโบราณคลาสสิกมากๆ เป็นสมบัติของ หมึก ท่าพระจันทร์ นักสะสมพระเครื่องรางของขลังในแนวศิลปะชั้นสูง
     
              พระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ในชั่วโมงนี้ยังมาแรงสุดๆ ไม่น่าเชื่อว่าพระหลายรุ่นขึ้นไปยืนบนแท่นหลักแสนและหลักล้านกันแล้ว โดยเฉพาะรุ่นที่มีเนื้อพิเศษและจำนวนสร้างน้อย เช่น เหรียญแจกทาน เนื้อสตางค์สลึง, เนื้อสตางค์บาท, รูปเหมือนปั๊มเข่ากว้างหลังเต็ม เนื้อทองระฆัง, เหรียญมหาลาภ เนื้อเงิน ฯลฯ ส่วนภาพที่นำมาให้ชมวันนี้ คือ เหรียญโล่ใหญ่ เนื้อเงิน ปี ๒๕๑๖ (เสาร์ห้า) ด้านหน้ามีพิมพ์เดียว ด้านหลังมี ๒ พิมพ์ จำนวนสร้างรวมกันประมาณ ๑๑,๐๕๙ เหรียญ ประกอบด้วย เนื้อทองคำ ๓ เหรียญ, ทองเค ๓ เหรียญ, เงิน ๙๒ เหรียญ, ทองแดงชุบทอง ๑,๐๐๐ เหรียญ และทองแดงผิวไฟ ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ขนาดเหรียญเล็กกะทัดรัดน่ารักมาก คือ กว้างประมาณ ๒ ซม. สูงประมาณ ๓ ซม. ทุกวันนี้เหรียญเนื้อทองแดงผิวไฟเช่าหากันที่ ๒-๓ หมื่นบาท ส่วนเนื้อเงินอยู่ที่ ๓-๔ แสนขึ้นไป (การตัดขอบข้างมี ๒ แบบ คือ แบบปั๊มและแบบเลื่อย) เนื้อทองคำไม่มีราคาเพราะไม่มีการเคลื่อนไหว เหรียญในภาพนี้เป็นเหรียญเนื้อเงินข้างเลื่อย เจ้าของคือ ต่อ สตางค์ คนหนุ่มวัยสามสิบแต่มีหัวใจที่กล้าหาญมาก ซื้อพระให้ราคาดีจึงมีโอกาสได้พระสวยสุดยอดอยู่เสมอๆ...ขอบันทึกไว้เพื่อกันลืม สำหรับเรื่องของ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ทุกวันนี้ผู้ที่อยู่ทันท่านและได้ไปกราบไหว้ท่านบ่อยๆ เหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ บางเรื่องที่ไม่ได้บันทึกไว้ก็จะสูญหายไปด้วย คนวัยหลักสี่ที่โชคดีมีโอกาสได้กราบไหว้ท่านเป็นประจำ คือ เจ๊ลั้ง ร้านพรหมประทาน ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ที่นี่มี พระหลวงพ่อพรหม ของแท้มาแต่เดิมบริการอยู่เสมอ ส่วนผู้ใหญ่วัยเกิน ๗๐ ที่ไปกราบ หลวงพ่อพรหม เป็นประจำ คือ เกียรติ จิวเจริญ บริษัท นาครินทร์ จำกัด ย่านหนองแขม พระหลวงพ่อพรหม ชนิดเก่าเก็บจึงมีมากพอสมควร แต่เวลานี้ได้ยกให้ลูกๆ ไปหมดแล้ว “เฮียเกียรติ” เล่าว่า พระหลวงพ่อพรหมทุกรุ่นท่านจะปลุกเสกเดี่ยว ไม่มีพิธีรีตองอะไร (บางคนเรียกว่าท่านอธิษฐานจิต) โดยใช้เวลาสั้นๆ ที่จัดทำเป็นพิธีพุทธาภิเษกมีเพียงรุ่นเดียว คือ รุ่นฉลองมณฑป แต่ก็ทำแบบเรียบง่าย ท่านปลุกเสกเดี่ยวเพียงลำพัง ด้วยความมั่นใจในพลังจิตอันแก่กล้า และใช้เวลาไม่นานเช่นกัน...บางคนที่พบเห็นการปลุกเสกพระของ หลวงพ่อพรหม ที่ใช้เวลาน้อยนิดเช่นนี้ก็ชักไม่มั่นใจ เลยแอบเอาไปทดลองยิงด้วยปืน ปรากฏว่า กระสุนด้าน ยิงไม่ออก แม้จะเปลี่ยนปืนใหม่เปลี่ยนกระสุนใหม่ก็ยังเหมือนเดิม ยิงไม่ออก...จนเป็นที่โจษจันเล่าขานกันอย่างกว้างขวาง...นอกจากนี้ หลวงพ่อพรหม ยังเป็นพระที่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งมีวาจาสิทธิ์อีกด้วย...เอาไว้ให้ “เฮียเกียรติ” เล่าให้ผู้เขียนฟังอีก (ช่วงนี้เฮียอยู่เมืองจีน) แล้วจะนำมาบันทึกไว้ตรงนี้ต่อไป รับรองว่า...มันมากๆ
     
              มีข่าวดี...มาบอกกล่าวเพื่อความเป็นสิริมงคล...หลวงพ่อสุนทร จนฺทเถโร (พระครูโสภณถิรคุณ) เจ้าอาวาสวัดหนองสะเดา ต.หนองปลิง อ.หนองแค จ.สระบุรี พระบริสุทธิสงฆ์ที่น่ากราบไหว้ที่สุด ท่านเป็นพระที่รักสันโดษ พูดน้อย มีเมตตาธรรมสูง มีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ในกุฏิของท่านมีเตียงนอนเล็กๆ และเก่ามากๆ ไม่มีฟูกที่นอน ท่านจำวัดบนไม้เตียงไม้กระดานตลอดชีวิตสมณเพศของท่าน...จนถึงทุกวันนี้  ผู้เขียนเคยไปกราบไหว้ท่านหลายครั้งแล้ว รู้สึกประทับใจสุดๆ...สำหรับปัจจัยต่างๆ ที่มีผู้ถวายท่านจะนำไปทำนุบำรุงพระศาสนาทั้งหมด...ในโอกาสที่ วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๖ หลวงพ่อจะมีอายุครบ ๘๐ ปี ทางวัดจึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลเป็นที่ระลึกขึ้นเอง มีอะไรบ้างจะได้นำข่าวมาเสนอต่อไป...บอกกล่าวกันตรงนี้...เผื่อว่ามีใครอยากกราบไหว้ พระบริสุทธิสงฆ์ที่แท้จริง จะได้ไปกราบไหว้ขอพรท่านได้ที่วัด และร่วมทำบุญสร้าง วิหารกลางน้ำ กับท่านในช่วงนี้ ก่อนจะถึงวันทำบุญฉลองอายุในต้นปีหน้า...ขออนุโมทนา

     
              วางตลาดแล้ว นิตยสาร เซียนพระ ฉบับที่ ๕๔๑ ปกเหรียญหล่อโบราณหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน ปี ๒๔๗๗ ในเล่มมีเนื้อหาสาระเพียบ ไม่ว่าจะเป็นพระกรุหรือพระเกจิอาจารย์เก่าใหม่ โดยเฉพาะความเป็นมาของ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ปี ๒๕๒๔ ที่กำลังโด่งดังในขณะนี้ ฯลฯ

              นิตยสาร พระเกจิ ฉบับใหม่ ปกพ่อท่านแสง วัดศิลาลอย จ.สงขลา, อ่านเรื่องในฉบับ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ, หลวงพ่อเจิม วัดหนองน้ำขุ่น, ฯลฯ

              นิตยสาร เมืองพุทธ อ่านเรื่อง พระอาจารย์ทิม ผู้สร้างตำนานพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้, เกจิอาจารย์เมืองปากน้ำ, เหรียญหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว, เปิดใจ พยัพ คำพันธุ์, ฯลฯ

             กราบลาวันนี้ด้วยความขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง ที่ได้ติดตามอ่านคอลัมน์นี้มาโดยตลอด พบกันใหม่ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ต่อไป...นะมัสเต