ไลฟ์สไตล์

มัณฑนศิลป์กับการพัฒนาประเทศ

มัณฑนศิลป์กับการพัฒนาประเทศ

22 ก.ย. 2555

มัณฑนศิลป์กับการพัฒนาประเทศ : คอลัมน์ ดีไซน์นิวส์ โดย... อ. เอกพงษ์ ตรีตรง www.ideal1group.com

          หลังจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมา โลกเข้าสู่การพัฒนาแบบก้าวกระโดด มีการเปลี่ยนแปลงในรอบทิศ ในทุกมิติจนถึงปัจจุบัน ความก้าวหน้าในศาสตร์ของการเรียนรู้ทุกแขนงโดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสตร์ที่กำลังเป็นคลื่นในยุคต่อจากนี้ คือ ศิลปะและการออกแบบความแข็งแกร่งของประเทศไทยที่มีมาโดยตลอดอย่างเห็นได้ชัด เช่น เกษตรกรรม วัฒนธรรม เพราะชัยภูมิที่ตั้งเหมาะสมกับการเพาะปลูกและทำการเกษตร ก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมที่มีรากอันลึกซึ้ง ศิลปะจึงเป็นเครื่องยืนยันความกลมกล่อมเป็นของภูมิภาค
 
          มัณฑนศิลป์ ศิลปะตกแต่ง ศิลปะการออกแบบ ที่ถือเป็นรากฐานแห่งความสร้างสรรค์ของมนุษยชาติ และถือเป็นศักยภาพสำคัญในการพัฒนาประเทศในหลายๆ มิติ มัณฑนศิลป์คือการต่อยอดทางวัฒนธรรม และเป็นองค์ประกอบแห่งความเป็นอารยะของมนุษยชาติ มัณฑนศิลป์มีผลต่อการพัฒนาประเทศในหลายมิติ ดังนี้
 
          1. มัณฑนศิลป์ คือ โรงบ่มบุคลากรนักออกแบบชั้นเลิศของโลก
          สาระสำคัญของสถาบันมัณฑนศิลป์ คือ การเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาผ่านการศึกษาที่มีคุณภาพ
          โดยเน้นความคิดสร้างสรรค์เป็นแนวทาง จุดเริ่มต้นของเทรนด์และการเปลี่ยนแปลงของแวดวงออกแบบโดยมีนวัตกรรมสร้างสรรค์ใหม่ๆ เริ่มที่สถาบันการศึกษาที่จะเป็นยอดคลื่น ยอดกระแสนำสังคมในยุคต่อจากนี้ไปทุกการขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศจะต้องใช้ “แนวคิดสร้างสรรค์” ที่ประกอบด้วยบุคลากรมีจินตนาการอันจำเป็นต่อการเข้าสู่ยุคใหม่ในทุกแวดวง  บุคลากรมัณฑนศิลป์จึงไม่ใช่จำกัดอยู่ที่แวดวงการออกแบบอย่างเดียว แต่จะขยับขยายสู่ทุกแขนงอาชีพเป็นฟันเฟืองแถวหน้าของสังคม การบ่มเพาะ “คน” มัณฑนศิลป์จึงถือเป็นยุทธศาสตร์อย่างหนึ่งในการพัฒนาประเทศที่สุด มัณฑนศิลป์จึงเป็นตัวแปรสำคัญของความเจริญก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นความภูมิใจ และมีความสำคัญมากต่อบทบาทในการพัฒนาประเทศ
 
          2. มัณฑนศิลป์บ่มเพาะภูมิปัญญาส่งผลต่อการต่อยอดทางวัฒนธรรมของชาติเพื่อความเป็นอารยะ
          ค่าน้ำหนักของชาติอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญมาก คือ ความเป็นตัวตนแห่งวัฒนธรรมการมีรากฐาน
          หลักคิดจากศิลปะและจินตนาการ ตลอดจนความสามารถในการแปรรูปขององค์ความรู้มัณฑนศิลป์ คือ หัวใจในการพัฒนาประเทศในความแข็งแกร่งด้านวัฒนธรรม ประเพณี เพราะสิ่งที่ประเทศไทยเรามีพลังพื้นฐานได้มาถึงทุกวันนี้ คือ ความลึกซึ้งถึงศิลปะและการออกแบบ ในขณะที่บทบาทของมัณฑนศิลป์ คือ การต่อยอดทางวัฒนธรรมของชาติได้ดีที่สุด เพราะศาสตร์และศิลป์แห่งการประยุกต์นั่นเอง
 
          3. มัณฑนศิลป์เพิ่มมูลค่าสินค้าการเกษตร และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของชาติ
          การส่งเสริมสินค้าให้มีคุณภาพที่เห็นได้ชัด คือ การออกแบบให้สินค้ามีคุณค่าขึ้นตลอดจนมีมูลค่าที่มากขึ้นด้วยความคิดสร้างสรรค์ องค์ความรู้ทางด้านมัณฑนศิลป์ สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์เพื่อเนื้อหาสาระการใช้สอย ประโยชน์การใช้งานและการแก้ปัญหาความบกพร่องของผลิตภัณฑ์ สาระจึงอยู่ที่การนำศิลปะและการออกแบบในทุกแขนงมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น การออกแบบแพ็กเกจจิ้งหีบห่อในผลิตภัณฑ์ให้น่าซื้อ การออกแบบปรับปรุงบรรยากาศร้านค้าปลีก การออกแบบสถานที่ให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ คนพิการและกลุ่มคนทุกประเภท การออกแบบแปรรูปผลิตภัณฑ์สิ่งทอให้สามารถทำการขายในระดับโลกได้ เป็นต้น ประเด็นนี้คือจุดสำคัญในการเพิ่มมูลค่าพื้นฐานเศรษฐกิจแห่งชาติด้วยดีไซน์
 
          5. มัณฑนศิลป์เสริมสร้างคุณภาพชีวิตของคนในชาติ
          นอกจากการออกแบบที่มีผลต่อความงามสุนทรียภาพแล้วนั้น การออกแบบแห่งมัณฑนศิลป์ยังเป็นกุญแจสำคัญต่อการส่งเสริมให้มนุษย์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างมาก เพราะจุดสำคัญของการออกแบบจะต้องคิดถึงความสำเร็จในการใช้สอย ตอบสนองผู้บริโภคและการแก้ปัญหาความบกพร่องในอดีต  ตลอดจนความพยายามในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันไปจนถึงการออกแบบสภาพแวดล้อมให้เกิดสุขอนามัยที่ดี การออกแบบเชิงบวกที่บูรณาการให้มนุษย์ปลอดภัยที่สุด หลักคิดแห่งมัณฑนศิลป์จึงถือว่าเป็นความสำคัญต่อประเทศไทยในการก้าวสู่ยุคหน้าที่มีบทบาทและพลังมากที่สุด
 
          ซึ่งขณะนี้คณะมัณฑนศิลป์กำลังเปิดสอบรับตรงนักศึกษาใหม่ปีการศึกษา 2556 จำนวนรับโครงการปกติ ออกแบบภายใน 70 คน, ออกแบบนิเทศศิลป์ 55 คน, ออกแบบผลิตภัณฑ์ 40 คน, ประยุกต์ศิลป์ศึกษา 60 คน, เครื่องเคลือบดินเผา 30 คน, ออกแบบเครื่องประดับ 35 คน, จำนวนรับโครงการพิเศษ : ออกแบบเครื่องแต่งกาย 50 คน รับสมัครทาง www.decentrance.su.ac.th วันที่ 15 สิงหาคม - 20 กันยายน 2555 หรือโทร.0-2221-5874, 0-2221-5832
.......................................
(หมายเหตุ มัณฑนศิลป์กับการพัฒนาประเทศ : คอลัมน์ ดีไซน์นิวส์ โดย... อ. เอกพงษ์ ตรีตรง www.ideal1group.com )