ไลฟ์สไตล์

อึ้ง!พบตะกั่วปนเปื้อนเครื่องเล่นเด็ก

อึ้ง!พบตะกั่วปนเปื้อนเครื่องเล่นเด็ก

21 ก.ย. 2555

คพ.บุกตรวจสนามเด็กเล่น ภาชนะใส่อาหารที่ ร.ร.บ้านเขาห้วยมะหาด จ.ระยอง เจอสารตะกั่วในสีเกินค่ามาตรฐานเฝ้าระวัง 4 เท่า พบมากในสีเครื่องเล่น เตรียมทำหนังสือถึง สพฐ. ตรวจร.ร.ในสังกัดรวมทั้งกทม.ทั้งหมด

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 55  หลังจากมีผลการศึกษาของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตได้รายงานผลการสุ่มตรวจนักเรียนในโรงเรียนวัดปทุมมาวาส อ.บ้านค่าย และโรงเรียนวัดบ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยพบว่ามีเด็กส่วนหนึ่งมีสารตะกั่วปนเปื้อนในเลือดสูง จนนำมาสู่การตรวจสอบจากหลายหน่วยงานเพื่อหาที่มาของสารตะกั่ว และวางแนวทางแก้ไข

          นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และแพทย์จากโรงพยาบาลบ้านฉาง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม และตรวจสุขภาพนักเรียนที่โรงเรียนบ้านเขาห้วยมะหาด อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียน 5 แห่งในพื้นที่ จ.ระยอง ที่พบเด็กมีปัญหาตะกั่วในเลือดอีกครั้งหนึ่ง

          ทั้งนี้ นายสุเมธา วิเชียรเพชร ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการฉุกเฉินสารเคมี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการกากของเสียและสารอันตรายของคพ. ได้นำเครื่องเอ็กซเรย์ฟลูออเรสเซ้นส์ (X-Ray Fluorescent) ตรวจดิน บริเวณโรงเรียน สีในอุปกรณ์ เครืองเด็กเล่น ภาชนะใส่อาหาร ซึ่งสามารถทราบผลทันที โดยพบว่าสารตะกั่วและโลหะหนักในดินยังอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐานมาก แต่พบความเข้มข้นสารตะกั่วจากเครื่องเล่นทุกชนิดที่ทาสีเกือบทั้งหมดเกินมาตรฐานเฝ้าระวังที่อนุญาตให้มีค่ามาตรฐานไม่เกิน 600 พีพีเอ็ม (ส่วนในล้านส่วน) แต่ตรวจพบถึง 2,000-3,000 พีพีเอ็ม หรือมีตะกั่วสูงถึง 4 เท่า ขณะที่ยังพบว่าในช่วงพักกลางวันเด็กๆ ในโรงเรียนยังคงเล่นเครื่องเล่นกันอย่างสนุกสนาน

          นายวิเชียร กล่าวว่า ขณะนี้เตรียมทำหนัง สือไปยังสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ปัญหาสารตะกั่วของโรงเรียนในพื้นที่ จ.ระยอง เบื้องต้นอาจจะต้องงดการเล่นเครืองเล่น ปรับเปลี่ยนสีไร้สารตะกั่ว มาทาเพื่อป้องกันการสัมผัสโดยตรงของเด็กๆ และเปลี่ยนภาชนะในการรับประทานอาหาร ทั้งนี้อาจจะขอให้ผู้ประกอบการในพื้นที่เข้ามาช่วยดำเนินการกับโรงเรียนที่มีปัญหาก่อน นอกจากนี้ทางคพ.ก็เตรียมสุ่มตรวจเครื่องเล่นในโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งพื้นที่กทม.ด้วย

          "หลังตรวจสอบพบว่ามีนักเรียนประมาณ 80 รายจากที่สุ่มตรวจจาก 907 ราย หรือ 9% มีปัญหาสารตะกั่วในเลือดสูงระดับเกินระดับเฝ้าระวัง 10 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร โดยมีเพียง 2-3 รายที่มีตะกั่วสูงเกิน 20 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร แต่จากการตรวจในรอบที่ 2 พบว่า ค่าตะกั่วลดลงจนเหลือแค่ 5-6 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตรแล้ว แต่อย่างไรก็นังต้องหามาตรการป้องกันและสาเหตุที่มาของสารตะกั่วปนเปือนในเด็กๆ ต่อไป"

 

เฝ้าระวังสุขภาพนักเรียนเสี่ยง

 

          ด้านนางพรเพ็ญ จงอนุรักษ์ พยาบาลวิชา ชีพชำนาญการ โรงพยาบาลบ้านฉาง ซึ่งได้เจาะเลือดนักเรียน 3 คนที่บ้านเขาห้วยมะหาด กล่าวว่า ได้มาเจาะเลือดครั้งที่ 3 เพื่อติดตามปริมาณสารตะกั่วในเลือดของนักเรียนว่ายังมีระดับสูงอยู่หรือไม่ โดยก่อนหน้าผลการตรวจเลือดในจำนวนนักเรียน 19 รายจาก 4 โรง เรียนของพื้นที่ อ.บ้านฉาง พบมีสารตะกั่วในเลือดสูงสุด 24.87 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร รองลงมา 21.93 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร จากค่ามาตรฐานไม่ควรเกิน 10 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร และมีเพียง 4-5 รายที่มีผลตะกั่วในเลือดระดับ 20 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร ทั้งนี้แม้ว่าผลตรวจรอบที่ 2 จะลดลงเพียงเล็กน้อยในบางราย แต่บางรายก็สูงขึ้นมำให้ยังจำเป็นต้องติดตามสุขภาพของเด็กๆ อย่างต่อเนือง เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถหาต้นตอที่ชัดเจนว่าอะไรเป็นตัวการในการนำสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายของเด็กกลุ่มเสี่ยง ดังนั้นวิธีที่ป้องกันได้คือต้องเน้นปรับสุขบัญัติ เช่น การรักษาความสะอาดล้างมือเพราะเด็กอาจจะหยิบจับสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายจากการกินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว 

          นางพรเพ็ญ กล่าวอีกว่า ในภาพรวมเด็กกลุ่มเสี่ยงทั้ง 19 ราย อาจยังไม่รุนแรงเท่ากับกรณีสารตะกั่วบ้านคลิตี้ จ.กาญจนบุรี และยังไม่มีอาการเจ็บป่วยจากพิษตะกั่ว เนื่องจากยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องให้ยาขับพิษตะกั่วทีต้องมีปริมาณสารตะกั่วในเลือดที่ระดับ 45 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร แต่เนื่องจากโอกาสสะสมยังมีความเป็นไปได้สูง ถ้ายังไม่รู้ที่มาของสารตะกั่วที่ชัดเจน โดยพบว่าขณะนี้มีหลายปัจจัยเสี่ยงมากที่ทำให้เด็กมีโอกาสรับสารตะกั่ว ทั้งจากที่บ้านและที่โรงเรียน ดังนั้นทีมสาธารณสุขจะไปสอบสวนหาสาเหตุที่บ้านของเด็กทั้งหมดอย่างใกล้ชิดต่อไป"

          ผู้สือข่าวรายงานว่า นพ. อภิสิทธิ์ นาวาประดิษฐ์ แพทย์อาชีวอนามัย จากโรงพยาบาลบ้านฉาง ได้ตรวจสุขภาพร่างกายจากโรงพยาบาลบ้านฉางได้ให้ความรู้กับนัก เรียนที่พบตะกั่วในร่างกาย

 

พบ "สารหนู" เกินมาตรฐานในดิน

 

          นายวิเชียร กล่าวถึงผลการตรวจสอบสารตะกั้วจากโรงเรียน ซึ่งเก็บตัวอย่างดินบริเวณสนามหญ้าหน้าเสาธง สนามกีฬา ของโรงเรียนวัดปทุมมาวาส ที่ระดับความลึก 0-10 ซม. จำนวน 7 ตัวอย่างมาตรวจสอบสารโลหะหนัก ในกลุ่มสังกะสี โครเมียม และทองแดง พบว่ายังไม่เกินมาตรฐานคุณภาพดินที่ใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยและการเกษตรกรรม ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แต่พบมีสารหนูในตัวอย่างดินเฉพาะบริเวณสนาม เปตองปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 3.9  มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และบริเวณสนามหญ้าข้างห้องสมุด มีค่า 10 มิลลักรัมต่อกิโลกรัม

          นอกจากนี้ยังพบสารโลหะหนักปนเปื้อนในสีเคลือบจานสังกะสีเก่าใส่อาหารเด็ก ได้แก่ สังกะสี 299 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตะกั่ว 59 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทองแดง 275 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม นิกเกิล 522 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนจานสังกะสี (ใหม่) พบสังกะสี 214 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทองแดง 425 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม นิกเกิล 230 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และสารหนู 309 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนผลตรวจสอบสีทาโต๊ะอาหาร พบตะกั่ว 725 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม สังกะสี 305 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทองแดง 276 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และสารหนู 77 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

 

ผลชี้ชัดสีเครื่องเล่น-ภาชนะใส่อาหารตะกั่วสูงลิ่ว

 

          นายวิเชียร กล่าวว่า ส่วนผลการตรวจสอบโลหะหนัก ในตัวอย่างดินบริเวณสนามฟุตบอล สนามเด็กเล่น ภาชนะใส่อาหาร เช่น ถาดหลุมอลูมิเนียม หม้อหุงข้าว ตัวอย่างสีทาเครื่องเล่นเด็กนักเรียน และสีทารั้วล้อมรอบสนามกีฬาของโรงเรียนวัดบ้านฉางนั้น ส่วนใหญ่โลหะหนักในดินยังไม่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนดเช่นกัน แต่พบมีการปนเปื้อนสูงในตัวอย่างสีทาเครื่องเล่นและสีทารั้วสนามกีฬา ได้แก่ สังกะสีปริมาณ 11,480 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตะกั่วปริมาณ 11,677 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม โครเมียม 1,578 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทองแดง 624 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และโมลิบดินัม 24 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

          "การตรวจพบโลหหะหนักหลายชนิดในดินบริเวณพื้นที่ของโรงเรียน และการพบโลหะหนักปนเปื้อนในสีเคลือบภาชนะใส่อาหารของโรงเรียนทั้ง 2 แห่ง สีทาเครื่องเล่นเด็ก และสีทารั้วเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ของโรงเรียน โดยเฉพาะตะกั่วที่ตรวจพบในปริมาณสูงนั้นอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กนักเรียนได้รับสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย ประกอบกับพฤติกรรมของเด็กที่ขาดความระมัดระวังและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในเรื่องการได้รับตะกั่ว เช่น การขูดจานข้าว เป็นผลให้สีที่ใช้เคลือบจานสังกะสีหลุดปะปนมากับอาหารที่รับประทาน หรือการสัมผัสโต๊ะอาหารที่ทาด้วยสีทีมีสารตะกั่วปนเปื้อน รวมทั้งการสัมผัสกับเครื่องเล่นจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ให้เกิดการตกค้างของสารตะกั่วในเลือดสูง"

          สำหรับการแก้ปัญหาเบื้องต้นก็คือขอให้โรงเรียนเปลี่ยนภาชนะใส่อาหารสำหรับนักเรียนจากจานสังกะสีเป็นถาดหลุม จัดหาผ้าคลุมโต๊ะหรือสีชนิดปลอดสารตะกั่วและโลหะหนกเป็นพิษมาทาทับโต๊ะอาหารนักเรียน เพื่อป้องกันการได้รับสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายเพิ่มเติม รวมทั้งต้องตรวจสอบและปรับพฤติกรรมเด็กในการบริโภคน้ำดื่มและรับประทานอาหารในระหว่างการเล่นเครื่องเล่น พักกลางวัน และหลังเลิกเรียน